SD:บทที่ 82 มูลค่า 200,000 หยวน

 

เฉาตั้วเฟย สูดหายใจลึกในรถของเขาหลังจากที่ออกจากสนามแข่ง

“โอ้พระเจ้า…”

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เขารู้สึกกลัวจิตใจตัวเองการที่ต้องนำบรรพบุรุษเหล่านี้ออกมาจากสนามแข่งให้ได้เป็นความตึงเครียดอย่างแท้จริง หากเขาไม่สามารถที่จะจัดการสถานการณ์ก่อนหน้านี้ได้เขาคงไม่ลังเลที่จะโทรหา ซูฉิวไป่

มันจะดีถ้าปล่อยให้ลูกพี่ของเขาเป็นคนจัดการภาระหน้าที่หนักหนานี้!

ซูฉิวไป่ รับโทรศัพท์โดยไม่คิดมากเพราะเห็นว่าคนที่โทรคือ เฉาตั้วเฟย  อย่างไรก็ตามเขาต้องรู้สึกโง่งมหลังจากได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น

เฮ้ย…ทำไมพวกแกโง่อย่างนี้!

ซูฉิวไป่ ปล่อยให้ เฉาตั้วเฟย รีบกลับไปที่วิลล่าอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะตามหาผลึกพลังงานอีกต่อไป เขาไม่คิดเลยว่าภายใน 2-3 ชั่วโมงที่เขาไม่อยู่ บรรพบุรุษเหล่านั้นจะทำหลายสิ่งหลายอย่าง

ทั้งสองฝ่ายกลับไปยังวิวล่าหลังจากผ่านไปแล้วครึ่งชั่วโมง

เหล่าจักรพรรดิเริ่มทะเลาะกันในห้องนั่งเล่น ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาค่อนข้างหดหู่เนื่องจากไม่ได้แข่งม้ากันในวันนี้ อย่างไรก็ตามทุกคนเงียบลงทันทีเมื่อ ซูฉิวไป่ ก้าวเข้าไปในบ้านพร้อมกับสีหน้าที่ไม่มีความสุข

ทุกคนทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุดท้ายแล้ว ซูฉิวไป่ ได้แต่เตือนพวกเขาว่าอย่าออกไปข้างนอกอีก หลังจากนั้นเขาก็ออกจากวิลล่า  ซูฉิวไป่ เงียบไปนานเขารู้สึกโกรธมาก เขาเป็นห่วงเกี่ยวกับบรรพบุรุษเหล่านั้นจะทำยังไงถ้าคนเหล่านี้ออกไปด้านนอก  ซูฉิวไป่ เข้าใจเกี่ยวกับความสามารถของพวกเขา แต่หากมีการขัดแย้งเกิดขึ้นจะต้องมีการหลั่งเลือดทันที หากพวกเขามีเหตุผลพวกเขาคงไม่ได้เป็นจักรพรรดิ…สำหรับนักรบพวกเขาฆ่าคนมากยิ่งกว่าจักรพรรดิซะอีก

สุดท้ายแล้วเขาก็อดที่จะเทศนาคนเหล่านี้ไม่ได้ แต่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนเหล่านี้ฟังเขาหรือเปล่า เมื่อเขาลาก เฉาตั้วเฟย ออกไปจากวิลล่าเพื่อฟังรายงานอย่างละเอียดเกี่ยวกับที่พวกเขาเริ่มออกจากวิลล่า

ด้านนอกวิลล่า  ซูฉิวไป่ ตั้งใจฟัง เฉาตั้วเฟย อย่างระมัดระวังตั้งแต่กิจกรรมเริ่มต้น เขารู้สึกโล่งใจหลังจากรู้ว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ต้องเกร็งอีกครั้งเมื่อรู้ว่าจะมีการแข่งม้าในวันพรุ่งนี้

สิ่งนี้จะต้องได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม เขาค่อนข้างลังเลที่จะปล่อยให้คนเหล่านี้ทำดีหรือไม่ อย่างไรก็ตามนั้นเป็นความปรารถนาของทุกคนมันคงไม่ดีหากจะปฏิเสธพวกเขาทั้งหมด แต่ถ้าพวกเขาไป ซูฉิวไป่ ก็เป็นกังวลว่าพวกเขาจะก่อปัญหาโดยไม่จำเป็น…

ในเวลานั้น ซูเซี่ยวเซี่ยว ที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ได้รับโทรศัพท์จาก จางเหวิน พวกเธอคุยกันสักพักนึง จางเหวินเล่าว่าโม่เจี่ยหลิงนั้นออกจากมหาวิทยาลัย มันทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจมาก

แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะชอบกลั่นแกล้งเธอบ่อยครั้ง แต่พวกเธอก็ยังถือว่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันดังนั้นเมื่อเธอได้รับข่าวเธอจึงรู้สึกเศร้าเล็กน้อย จางเหวินบอกกับ ซูเซี่ยวเซี่ยว ว่า ทางมหาวิทยาลัยได้ส่งหนังสือแจ้ง มันเป็นวันสุดท้ายสำหรับการลงทะเบียนโครงการของเธอ ถ้าเธอทำไม่ได้เธอจะพลาดโอกาส  ซูเซี่ยวเซี่ยว เงียบหลังจากได้ยินคำพูดของจางเหวิน เธอนั่งอยู่บนโซฟาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร

เธอไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่าธรรมเนียม เธอยังคงเป็นกังวลว่าเธอจะต้องนำความเดือดร้อนให้กับพี่ชายของเธอหากเธอขอเงินจากเขา..ถึงแม้ว่าพี่ชายของเธอจะดูแตกต่างจากเมื่อก่อน บรรดาลุงที่กำลังนั่งเล่นไพ่ตระหนักถึงความเงียบของหญิงสาวทันที พวกเขาหันกลับมาและเห็นความขัดแย้งและความกระสับกระส่ายในสายตาของ ซูเซี่ยวเซี่ยว   ทุกคนจดจ้องไปที่โทรศัพท์ของเธออย่างเงียบๆ

“ไม่เป็นไร ฉันคิดว่าคงต้องยอมแพ้แล้วแหละ” ซูเซี่ยวเซี่ยว ยิ้มแย้มขมขื่นและตัดสินใจ

“ แต่ว่า..” จางเหวินรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เริ่มต้นมาค่อนข้างที่จะเสียเปล่า  ซูเซี่ยวเซี่ยว เป็นเพียงคนเดียวที่ผ่านข้อกำหนดของทางมหาวิทยาลัย และไม่มีใครคิดว่าเธอจะยอมแพ้กับสิ่งที่ดูเหมือนเงื่อนไขที่ง่ายที่สุด

“ไม่เป็นไร ฉันโอเค อย่างไรก็ตามฉันจะคิดถึงพวกเธอ..”

จากนั้น ซูเซี่ยวเซี่ยว ก็วางสายโทรศัพท์

ซูเซี่ยวเซี่ยว มองผ่านหน้าต่างออกไป ในดวงตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจซึ่งบรรดาลุงทั้งหลายต่างเห็นได้อย่างชัดเจน

“เซี่ยวเซี่ยวเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอ  บอกพวกเราบางทีเราอาจจะสามารถช่วยเจ้าได้!”

เฉิงเหยาจิ้น ขว้างไพ่ของเขาลงกับพื้นเป็นคนแรกและเดินไปหาหญิงสาว คนอื่นๆอีกหลายคนก็ลงมานั่งข้างเธอ แม้ว่าทุกคนจะเงียบแต่พวกเขาก็มีความคิดเช่นเดียวกับเฉิงเหยาจิ้น

ซูเซี่ยวเซี่ยว รู้สึกลังเลที่จะพูด อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกหดหู่และเธอรู้ว่าเธอสามารถระบายกับลุงพวกนี้ได้ดังนั้นเธอจึงเล่าให้กับพวกเขาฟัง

เธอคิดว่าลุงเหล่านี้เป็นเพียงชายยากจนที่ไม่มีที่อยู่อีกทั้งยังมีปัญหาทางสมองดังนั้นการพูดคุยให้พวกเขาฟังจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น

ในความเป็นจริงสถานการณ์ไม่ได้ยากเลย มีโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาเป่ยหูและหลังจากที่มหาวิทยาลัยตรวจสอบผ่านรายชื่อมีเพียง ซูเซี่ยวเซี่ยว คนเดียวเท่านั้นที่ตรงกับเงื่อนไขที่โหดร้ายทั้งหมด

เรื่องคุณสมบัติขั้นต้นได้รับการยืนยันแล้ว แต่เนื่องจากเธอต้องเดินทางไปต่างประเทศในช่วงหลัง ซึ่งเธอจำเป็นต้องใช้เงินอีก 200,000 หยวน

นี่คือ 200,000 หยวนที่ทำให้ ซูเซี่ยวเซี่ยว มีปัญหา!

หลังจากที่ได้คุยกับลุงเหล่านี้เธอรู้สึกดีขึ้นมากโดยเฉพาะเมื่อเธอเห็นความกังวลใจในสายตาของพวกเขา เธอรู้สึกว่าความเศร้าก่อนหน้านี้ของเธอได้มลายหายไปในทันที

ในขณะเดียวกันมันเป็นช่วงเวลาที่ ซูฉิวไป่ และ เฉาตั้วเฟย เดินกลับเข้ามาในบ้าน

เมื่อทั้งคู่เห็นฉากในห้องนั่งเล่นพวกเขาได้แต่ตกตะลึง

มีบางอย่างผิดปกติ ทำไมพวกเขาถึงนั่งล้อมรอบเซี่ยวเซี่ยว

เหล่าบรรดาลุงต่างจ้องมอง ซูฉิวไป่ อย่างอารมณ์เสียเพราะ ซูฉิวไป่ ซึ่งอยู่ในฐานะพี่ชายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้องสาวของตัวเองกำลังเผชิญปัญหาและเขายังปล่อยให้เธอเสียโอกาสอันมีค่าเพียงเพราะแค่ขาดเงิน แต่ในเวลาเดียวกันพวกเขาเองก็รู้สึกหมดหนทาง

เพราะพวกเขาไม่รู้ว่า  200,000 หยวนในยุคสมัยนี้มันคือเท่าไหร่ แต่เมื่อมองเห็นใบหน้าที่เศร้าใจของ ซูเซี่ยวเซี่ยว พวกเขาคิดว่ามันต้องค่อนข้างมากอย่างแน่นอน!

ในทางกลับกันพวกเขารู้สึกหงุดหงิดที่ไม่ได้นำทองคำหรือเงินติดตัวมาด้วย เมื่อ ซูฉิวไป่ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเขากำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทันใดนั้นเจงกิสข่านก็พูดขึ้นในทันที

“เซี่ยวเซี่ยวนี่คือดาบของข้า แม่ของข้าได้มอบมันให้กับข้าตั้งแต่ยังเด็ก เจ้าสามารถเอามันไปได้เลย!”

จากนั้นเขาก็นำดาบที่ละเอียดอ่อนออกมา มันมีอัญมณีสีเขียวสวยงามประดับอยู่ จากนั้นไม่ต้องรอให้ ซูเซี่ยวเซี่ยว ทันตอบโต้ จักรพรรดิฉินก็ลุกขึ้นและเอาหยกที่ผูกรอบเอวออกมา

“เซี่ยวเซี่ยวนี่คือหยกของข้า ข้านำติดตัวไว้อยู่เสมอ ข้าจะมอบให้กับเจ้า!”

จากนั้นจักรพรรดิไทจงก้าว ออกมาข้างหน้า

“นี่คือมุกราตรี มันสามารถไปแลกกับเงินได้!”

เมื่อเห็นคนอื่นทำเช่นนี้ จักรพรรดิหลิวเช่อและจักรพรรดิเฉียนหลง ก็นำของตัวเองออกมาด้วยเช่นกัน จักรพรรดิหลิวเช่อให้ ซูเซี่ยวเซี่ยว เป็นกุญแจทองอันเล็กๆและจักรพรรดิเฉียนหลงมอบหยกให้กับเธอ

ส่วนพวกนายพลรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย แต่ในสถานการณ์นี้พวกเขาไม่สามารถแสดงออกถึงความอ่อนแอได้!แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเครื่องประดับ แต่พวกเขายังมีดาบที่ติดตัว ดังนั้น ไป๋ฉี ,เฉิงเหยาจิ้นและนายพลคนอื่นต่างมอบดาบของตัวเองให้กับ ซูเซี่ยวเซี่ยว  ตอนนี้ในมือของเธอต่างมีสิ่งของต่างๆรวมทั้งดาบอีก 6 ด้าม

ซูเซี่ยวเซี่ยว ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ เธอเพิ่งรู้สึกโศกเศร้าก่อนหน้านี้ดังนั้นเธอจึงระบายกับบรรดาลุงๆผู้มีปัญหาทางสมองเหล่านี้ เธอไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะกลายเป็นเช่นนี้

เธอรีบปฏิเสธพวกเขาโดยไม่ลังเล เป็นที่เข้าใจได้ง่ายๆว่าสิ่งของที่บรรดาลุงเหล่านี้มอบให้กับเธอแม้ไม่ใช่สิ่งของที่มีมูลค่าสูงและมีความหมายต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก!

ดังนั้น ซูเซี่ยวเซี่ยว จึงรู้สึกว่าเธอไม่ควรนำสิ่งของเหล่านี้ไปแลกกับเงิน ของขวัญจากลุงลุงเธอไม่สามารถหาคืนให้กับพวกเขาได้ เธอไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับมูลค่าของขวัญเหล่านี้ อย่างไรก็ตามเมื่อเธอพยายามที่จะส่งคืนพวกลุงเหล่านั้นกลับไม่ยอมรับมัน

ซูฉิวไป่ และ เฉาตั้วเฟย ยังคงไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น

ทำไมจักรพรรดิเหล่านี้จึงให้ของขวัญแก่น้องสาวฉัน?

เฉาตั้วเฟย มีความคิดที่แตกต่างออกไป

ดาบของเจ่งกิสข่าน,หยกของจักรพรรดิฉินและจักรพรรดิเฉียนหลง,แม่กุญแจทองคำของจักรพรรดิหลิวเช่อ,ไข่มุกราตรีจากจักรพรรดิไทจงและมีดของไป๋ฉีกับนายพลคนอื่น! โอ้พระเจ้า!ทั้งหมดนี้ราคาเท่าไหร่?

เมื่อเห็นว่า ซูเซี่ยวเซี่ยว กำลังจะร้องไห้ในที่สุดก็ไม่สามารถที่จะเงียบได้อีกต่อไปเขาจึงพูดขึ้นมาว่า

“ทุกคน  เกิดอะไรขึ้น…”

———————————————————-