ภายใต้แสงสลัว แต่ละใบหน้าแสยะยิ้มให้เขาอย่างหลอกหลอน ร่างที่ซีดเซียวบิดตัวอยู่ใต้ผืนน้ำ ราวกับขนมหมาฮวา [1] ที่ถูกบิดเป็นเกลียวอยู่ด้วยกัน

 

 

ยามนี้อิ๋งฉีถึงได้มองเห็นชัดเจน พวกมันก็คือศพแห้งแบบเดียวที่เคยได้พบในทะเลทรายแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มีอยู่ในสระสวรรค์ด้วยเช่นกัน

 

 

หัวของเหล่าศพแห้งพันติดกัน ลอยโบกไปมาเหมือนดั่งสาหร่าย ต่างก็พยายามจะเคลื่อนเข้ามาพัวพันร่างของอิ๋งฉีเอาไว้

 

 

ลูกแก้ววารีที่อยู่บนร่างทอแสงสลัวจางๆ ออกมา ยังคงช่วยกันเขาออกจากน้ำในทะเลสาบ

 

 

ทันใดนั้นเส้นผมของศพแห้งเหล่านั้นก็พุ่งเข้ามาที่เบื้องหน้าของอิ๋งฉี แต่ละเส้นบิดเข้าหากันดุจเกลียวเชือกพัวพันอยู่บนร่างของเขา จากนั้นก็เริ่มรัดแน่นขึ้นดุจงูตัวหนึ่ง แน่นขึ้นไปอีก

 

 

เพียงแค่ครู่เดียว แสงสว่างที่คลุมอยู่บนร่างของอิ๋งฉีก็ถูกเส้นผมของศพเหล่านี้ฉีกออก

 

 

ทันทีที่คลื่นแสงขาดสะบั้น น้ำสีดำของทะเลสาบก็ทะลักเข้าไป น้ำที่มีกลิ่นคาวคุ้งและเย็นยะเยียบแทรกซึมเข้าไปในปอด เขาพยายามฝืนอาการสำลักที่รุนแรงนั้นเอาไว้ ล้วงเอามีดสั้นเล่มหนึ่งออกมาจากในอก คิดจะตัดเส้นผมเหล่านั้นให้ขาดสะบั้น

 

 

แต่เพราะว่าอยู่ในน้ำ พลังกำลังที่มีอยู่ในยามปกติกลับใช้ออกได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบ

 

 

มือของเขาพึ่งจะสัมผัสโดนเส้นผมกลุ่มหนึ่ง ก็เห็นใบหน้าของเส้นผมเหล่านั้นหัวเราะอย่างกระเ**้ยนกระหือรือกว่าเดิม แต่ละตัวลอยมากับกระแสน้ำ รีบเข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็ว

 

 

ทุกตัวอ้าปากกว้างออกมา เผยให้เห็นคมเขี้ยวที่แหลมคม มุมปากของพวกมันแสยะยิ้มแยกเขี้ยวออกมา

 

 

อิ๋งฉีไม่อาจนิ่งเฉยอีกต่อไป หากว่าถูกพวกตัวประหลาดเหล่านี้ขบกัดเข้าสักหลายคำ เกรงว่าวันนี้เขาคงต้องจบสิ้นอยู่ที่นี่แล้ว

 

 

ไม่ได้ ….พระเชษฐายังรอให้เขากลับไปอยู่ที่แคว้นต้าฉิน

 

 

พระองค์สูงพระชนม์มากแล้ว ตอนนี้ยิ่งมักจะประชวรอยู่บ่อยครั้ง คนมากมายต่างกับจับจ้องบัลลังก์ของพระองค์ราวกับเสือหิว เขาจะต้องนำยาอายุวัฒนะกลับไปช่วยพระเชษฐา

 

 

ตอนนี้แม้แต่เงาของยาอายุวัฒนะก็ยังไม่ได้เห็น เขาไม่อาจยอมตายไปเช่นนี้

 

 

พอคิดถึงตรงนี้ อิ๋งฉีก็ปิดกลั้นลมหายใจเอาไว้ มีดสั้นในมือถูกกำเอาไว้อย่างแนบแน่น พอเส้นผมเหล่านั้นพุ่งเข้ามาก็สะบัดมีดออกไปอย่างเต็มกำลัง

 

 

เขาทุ่มเทพละกำลังออกมาอย่างเต็มที่ ดังนั้นนอกจากมีดสั้นของเขาแล้วจึงยังมียันต์สีเหลืองแผ่นหนึ่งลอยออกมาด้วย

 

 

จังหวะนั้นยันต์สีเหลืองผนึกลงไปบนมีดสั้นของเขาพอดี ครั้งนี้พอออกกระบวนท่า ยันต์สีเหลืองแผ่นนั้นก็ทำลายเส้นผมทั้งหมดไป

 

 

“ตูม!”

 

 

เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาในทันที ภายใต้กระแสน้ำที่มืดมิดในทะเลสาบ ยันต์สีเหลืองแผดเผาเส้นผมที่มันสัมผัสจนลุกโชน เพียงชั่วแวบเดียวเส้นผมที่เหลือก็ติดไฟลุกลามกันไปหมด

 

 

ทั้งๆ ที่กำลังอยู่ในน้ำ แต่ไฟนั้นกลับลุกลามอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ครู่เดียวก็เผาไหม้เป็นวงกว้าง

 

 

ลูกไฟเป็นสีฟ้า ทำให้ทะเลสาบที่มืดมัวสว่างโพล่งขึ้นมา

 

 

ตอนนี้อิ๋งฉีถึงได้มองเห็นว่า ด้านหลังของศพแห้งที่อยู่ตรงหน้า คือศพแห้งที่ลอยไปลอยมาและมีจำนวนมากมายจนไม่ว่าอย่างไรก็นับได้ไม่ถ้วน

 

 

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ศพแห้งเหล่านี้พากันรายล้อมเขาเอาไว้จนรอบ และเหล่านักพรตของเขาก็หายตัวไปหมดจนไม่เหลือแม้แต่เงา

 

 

แต่ว่าเขายังไปได้ไม่ถึงก้นทะเลสาบเลยด้วยซ้ำ ร่างของเขายังลอยอยู่กลางน้ำ ใต้ฝ่าเท้าคือความดำมืดขุมหนึ่ง

 

 

พอกวาดตามองผ่านๆ ก็เห็นแต่ศพแห้งจำนวนมากมายเหล่านั้นมีโซ่เส้นหยาบ หนาเท่าข้อมือล่ามเอาไว้ และโซ่เหล่านั้นก็ผูกศพแห้งโยงลงไปยังจุดที่ลึกลงไปของทะเลสาบ

 

 

เนื่องเพราะว่าแสงไฟจากเปลวไฟสีน้ำเงิน อิ๋งฉีถึงได้มองเห็นว่า บนโซ่เหล็กเหล่านั้นมีอักษรที่ซับซ้อนวาดอยู่จนแน่นขนัดไปหมด อักขระเหล่านั้นวาดอย่างหยึกหยักไปมา มันเป็นอักษรโบราณ

 

 

พอมองลึกลงไปอีก ก็เห็นว่าในส่วนลึกของทะเลสาบมีโลงศพขนาดใหญ่กว่าธรรมดาอยู่โลงหนึ่ง

 

 

บนโลงศพ เป็นรูปแกะสลักของคนที่สูงใหญ่หลายจั้งผู้หนึ่ง

 

 

เพียงแต่เส้นผมของรูปแกะสลักนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่ง ราวกับว่าเป็นต้นไม้ต้นหนึ่งที่งอกเงยขึ้นมาจากบนศีรษะ กิ่งก้านของมันเหยียดยืดยาวออกไป ดูคล้ายกับหนามแหลมของต้นไม้หนามที่อยู่ด้านบน

 

 

ตอนนี้ บนศีรษะของรูปปั้นนั้นมีร่างของศพนับสิบคนแขวนติดอยู่เต็มไปหมด

 

 

ศพเหล่านี้ไม่เหมือนกับพวกศพแห้ง บนร่างของศพเหล่านี้ยังคงมีเลือดสดๆ ไหลออกมาอยู่ แต่ละคนเส้นผมขาวโพลนสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวาดผวา

 

 

ทั้งยังมีคนที่ยังไม่ได้ขาดใจตาย แต่ว่าพยายามดิ้นรนในความตายอยู่ด้วย

 

 

อิ๋งฉีกวาดตามองไปเพียงแค่ครั้งเดียวก็ตระหนกจนแทบจะขาดใจ

 

 

เรื่องของภูติผีปีศาจบนโลกใบนี้ เดิมทีก็เป็นแต่เพียงนิทานเรื่องเล่าเท่านั้น คนธรรมดาอาจจะไม่เคยได้พบเจอเรื่องภูติผีจนชั่วชีวิตเสียด้วยซ้ำ

 

 

แต่ว่าสำหรับพวกเขาที่เป็นเชื้อพระวงศ์นั้นไม่เเหมือนกัน ราชวงศ์ในแต่ละแคว้นต่างก็ซุ่มซ่อนบ่มเพาะนักพรตของตนเองขึ้นมา

 

 

เพื่อการแก่งแย่งช่วงชิงทรัพยากรที่ไม่ธรรมดา

 

 

ดูอย่างแคว้นต้าโจวเป็นตัวอย่าง เนื่องเพราะปฐมกษัตริย์ได้รับพลังและความช่วยเหลือจากภูติเทพมากมาย จึงได้สามารถก่อร่างสร้างแคว้นต้าโจวขึ้นมาได้

 

 

เดิมทีแต่โบราณกาลนานมาแล้ว แผ่นดินแห่งนี้คือดินแดนที่มีพลังของจิตวิญญาณสะสมเอาไว้อย่างอุดมสมบูรณ์ ตอนนั้นทุกที่ทุกทางในแผ่นดินเต็มไปด้วยเหล่าผู้ฝึกตน แต่ว่าเมื่อวันเวลาผ่านไป พลังของจิตวิญญาณในธรรมชาติก็เบาบางลงมาก ผู้ฝึกตนทั้งหลายก็ลดน้อยถอยลงไป

 

 

จนมาถึงตอนนี้ ผู้ฝึกตนเหล่านั้นก็เป็นเพียงเรื่องเล่าขานที่เกิดจากลมปากของชาวบ้านทั่วไปเท่านั้น

 

 

ตอนนี้ เส้นผมของรูปแกะสลักนั้นก็เป็นเหมือนดั่งหลอดเลือดแต่ละหลอดที่ดูดกลืนเลือดเนื้อของศพที่มาใหม่เหล่านั้นเข้าไปอย่างคลุ้มคลั่ง

 

 

อิ๋งฉีมองดูจากเสื้อผ้าก็สามารถจำแนกได้ว่า คนเหล่านี้คือคนจากเจ็ดแคว้นเล็กและขุมอำนาจต่างๆ ทั้งหมดล้วนเป็นคนที่มาจากผืนแผ่นดินทั้งสิ้น

 

 

เขาได้แต่มองดูเลือดของคนเหล่านั้นถูกหลอดเลือดของรูปสลักดูดกลืนลงไป ร่างของศพที่มีแต่เส้นผมขาวโพลนก็กลายเป็นศพที่เ**่ยวแห้งไปตามๆ กัน

 

 

สถานการณ์เช่นนี้ มิว่าผู้ใดได้มาเห็นเป็นต้องเกิดเงามืดติดอยู่ในหัวใจไปจนชั่วชีวิต

 

 

รอบๆ รูปแกะสลักนั้น เขายังเห็นเงาร่างที่ซีดขาวอีกมากมายเต็มไปหมด

 

 

เมื่อมองไปรอบด้านก็ยังหาพวกนักพรตของแคว้นต้าฉีไม่เจอ อิ๋งฉีก็ไม่ได้รั้งอยู่นาน อาศัยโอกาศที่แผ่นยันต์สีเหลืองเปิดทางรอดสายหนึ่งให้กับเขา รีบตะเกียกตะกายว่ายน้ำขึ้นไป

 

 

………………………….

 

 

บนทะเลสาบ เต็มไปด้วยความวุ่นวาย

 

 

คนนับร้อยถูกกลืนลงไปใต้น้ำ กลับไม่มีผู้ใดกลับขึ้นมาได้เลยสักคน น้ำแข็งสีดำบนทะเลสาบแตกไปเกินกว่าครึ่ง

 

 

เพียงครู่เดียวน้ำสีดำที่เหม็นเน่าก็โชยชายกลิ่นคาวเลือดข้นๆ ขึ้นมา กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นเหล่านั้นคละคลุ้งไปในอากาศ ทำให้คนคิดอยากจะอาเจียนออกมา

 

 

ต้นไม้หนามสีดำที่รายล้อมที่งอกเงยอยู่รอบๆ สระสวรรค์ก็มิได้สงบนิ่งอีกต่อไป พวกมันเริ่มพากันเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ

 

 

ในบรรดาคนที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่นั้น มีคนที่ถูกหนามของพวกมันทิ่มตำอยู่บ้าง ตอนนี้บาดแผลพวกนั้นชักจะคันคะเยอขึ้นมาแล้ว

 

 

แต่พวกเขากลับไม่ได้สนใจมันสักเท่าไร ต่างก็พากันหันไปเฝ้าดูทะเลสาบ ไม่มีผู้ใดกล้าผลีผลาม ไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์ใต้น้ำนั้นเป็นเช่นไร

 

 

เห็นแต่เพียงแค่ว่าเหล่าคนที่ต่อสู้ดิ้นรนอยู่ในน้ำต่างพากันเปลี่ยนเป็นคนผมขาว จากนั้นก็คล้ายกับว่าถูกบางสิ่งลากลงไปใต้น้ำ

 

 

เหล่านักพรตจากแคว้นฉินต่างก็พากันพยายามกระเสือกกระสนขึ้นมาจากความตาย คนที่สามารถดิ้นรนจนขึ้นมาบนฝั่งได้เส้นผมและหนวดเคราก็เปลี่ยนเป็นสีขาว คล้ายกับว่าเพียงครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นแก่เฒ่าไปหลายสิบปี

 

 

พวกเขาล้วนเป็นนักพรต เดิมทีมีพลังชีวิตที่ยืนยาวกว่าผู้คนปกติอยู่มากมาย

 

 

แต่ก็ยังไม่อาจต้านทานการจู่โจมเช่นนี้

 

 

………………………………….

 

 

ในดงหนามอีกด้านหนึ่ง องค์ชายน้อยในชุดม่วงยังคงชมดูความสนุกสนานต่อไป

 

 

เหล่าไม้หนามที่พากับเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ อยู่คล้ายกับว่าหวาดกลัวเขา ตอนนี้แม้แต่เสื้อผ้าของเขาก็ไม่กล้าสะกิดโดนแม้แต่น้อย ได้แต่ขยับเข้าไปทางสระสวรรค์

 

 

ฟู่ ฟู่ ฟู่…..

 

 

เพียงครู่เดียว ก็ปรากฏเงาของคนในชุดขาวราวแสงจันทร์หลายคนขึ้นมาที่ริมทะเลสาบ พวกเขาดูหมดจดงดงาม พอขยับตัวไม่กี่ครั้งก็เข้ามาอยู่ข้างกายองค์ชายน้อย ถวายคำนับเขาครั้งหนึ่ง

 

 

“ฝ่าบาท ที่ตั้งของขุมทรัพย์สถิตสมควรเป็นโลงศพทองแดงใต้ทะเลสาบ” ผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มเข้ามากราบทูล “ขอเพียงรูปสลักได้ดื่มกินโลหิตอย่างเพียงพอ ปราการแรกของโลงศพก็จะเปิดออกได้เอง ที่สามารถระบุได้ในตอนนี้ก็คือ สิ่งที่นอนอยู่ในโลงทองแดงจะต้องร้ายกาจอย่างยิ่งแน่นอน”

 

 

 

 

——

 

 

[1] 麻花: ขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวมานวดกับน้ำให้เป็นเส้น บิดเป็นเกลียว นำไปทอด ฉาบน้ำตาล โรยงา