บทที่430

ผู้แปล : N.

“คุณค่ะ! ช่วยอธิบายสถานการณ์ที่เกิดโดยละเอียดในเวลานั้นอีกทีได้ไหมค่ะ?” นักข่าวสาวที่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ได้รีบเข้ามาสอบถามทันที ถ้าเธอสังเกตไม่ผิดละก็ สถานการณ์นี้มันจะต้องเกี่ยวข้องกับรถไร้คนขับของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟอย่างแน่นอน

เหว่ยเจี้ยนที่เห็นว่าสถานการณ์ได้กลับมาเป็นอย่างที่ควรแล้ว เขาได้ได้ทำการอธิบายเรื่องหลอกๆออกไปทันที และระหว่างนั้นเขายังได้แสดงท่าทางกำลังโกธรออกมาเพื่อให้สถานการณ์นี้แย่ลงไปอีกด้วย

ในอีกด้านหนึ่ง ตำรวจกำลังเข้าไปสอบถามกับผู้ขับขี่ที่เป็นผู้หญิง และตรวจสอบสถานที่เกิดอุบัติเหตุให้ละเอียดมากขึ้น

“คุณตำรวจ! ฉันขอถามได้มั้ยว่าอุบัติเหตุนี้เกิดจากข้อผิดพลาดในการทำงานของตัวรถไร้คนขับใช้ไหม?” หลังจากที่ผู้สื่อข่าวได้ถามเหว่ยเจี้ยนจบแล้ว เธอก็ได้ตรงเข้ามาถามตำรวจเป็นรายต่อไป

“ผมยังไม่สามารถบอกอะไรได้ครับ! เพราะตอนนี้ทางเราไม่มีหลักฐานที่เจาะจงว่าเป็นการกระทำของตัวรถไร้คนขับได้ แต่จากการสอบปากคำของผู้ขับขี่ผู้หญิง เราได้ความว่าได้มีผู้ขับขี่จักยานไฟฟ้าที่ไม่มีใบอนุญาตโดยผิดกฎหมาย” ตำรวจได้พูดออกมาอย่างเป็นกลาง และเขายังได้ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลใดๆ

เรื่องนี้ยังไม่จบลงแค่นี้เท่านั้น มันยังทำให้เกิดความตื่นตระหนกถึงผู้อำนวยการวูชางเฟิงจากสำนักจัดการการขนส่งอีกด้วย เขาที่ได้รับข่าวนี้ก็ได้รีบออกมาอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทันที และเขายังได้บอกอีกด้วยว่าเรื่องนี้ยังอยู่ในกระบวนการสืบสวน

แต่ถ้าสิ่งนี้เกิดจากตัวของรถยนต์ไร้คนขับจริงๆละก็ มันจะถือได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน! และเขาคาดว่าใบอนุญาตทดสอบการขับขี่ L5 แบบอัตโนมัติที่เพิ่งได้รับการอนุมัติคงจะต้องถูกเรียกกลับมากลางคันอย่างช่วยไม่ได้

ทางหัวหน้าแผนกที่รับผิดชอบเรื่องนี้จากบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟเองก็ได้มายังที่เกิดเหตุนี้ด้วยตัวเอง ก่อนที่เขาจะทำการตรวจสอบสถานการณ์ของรถยนต์ไร้คนขับและรายงานไปยังสำนักงานใหญ่

“ตัวรถโดยรวมยังคงอยู่ดีครับ ระบบการขับขี่แบบอิสระเองก็ไม่มีข้อผิดพลาด … ได้ครับ! ผมจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างสุดความสามารถ”

หลังจากเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว ทางตำรวจได้ทำการลากรถที่เสียหายออกไปก่อน เพื่อให้การจราจรกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ส่วนคนที่เกี่ยวข้องนั้นได้ถูกนำตัวไปยังสำนักการขนส่งทันที

หลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีรายงานอุบัติเหตุเกิดบนอินเทอร์เน็ต และข่าวที่นำเสนอนั้นก็ยังเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุรถยนต์ที่พึ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ และสำนักข่าวเองยังได้ทำการพาดหัวข่าวตัวใหญ่สะดุดตาเป็นอย่างมากที่ชื่อว่า “รถยนต์ไร้คนขับของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟ ได้ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ” เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม

ผู้ชมและชาวเน็ตบางคนที่ไม่ทราบความจริงเรื่องนี้ ได้เริ่มแสดงความคิดเห็นแง่ลบออกมาหลังจากอ่านนี้

“พระเจ้า! เห็นได้ชัดว่ารถประเภทนี้ไม่ปลอดภัย! “

“มันเป็นเพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น ไอ้รถบ้านี้ก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางจราจรไปแล้ว !”

“อ้า! ในตอนแรกฉันกำลังตั้งตารอที่ต้องการซื้อรถแบบนี้เลย แต่เมื่อฉันเห็นข่าวนี้แล้วก็ไม่กล้าที่จะซื้อมันละ”

“ทุกคนหยุดก่อน! คนขับรถคนนั้นไม่ได้พูดความจริงออกมา! ฉันที่อยู่ในทีเกิดเหตุตอนนั้นจะเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น… เห็นได้ชัดว่าคนขับคนนั้นไม่ได้ประสงค์ดีอย่างแน่นอน!”

……

ในระหว่างนั้นเองทางด้านของจ้วงหยานเองก็ยังคงพยายามโหมข่าวนี้ให้เกิดกระแสในแง่ลบให้ได้มากที่สุด โดยที่เขาหลังว่าถ้าเกิดเรื่องนี้เป็นที่จับตามองของประชาชนมากพอ ทางบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟจะจ่ายค่าสดเฉยให้พวกเขาได้ง่ายขึ้น

ในสำนักการขนส่ง เหว่ยเจียนยังคงยืนยันในคำพูดของตัวเอง เขาพยายามทำตัวให้เหมือนว่าเขานั้นตกเป็น “เหยื่อ” ของเรื่องนี้และตอนนี้เขากำลังพยายามเรียกร้องค่าชดเชยอย่างเต็มที่

ทางด้านตำรวจเองก็กำลังเร่งสืบถึงสาเหตุของเรื่องนี้เช่นกัน

“ไม่มีกล้องวงจรปิดตรงบนท้องถนนนั้นเลย และเครื่องบันทึกการขับขี่ของเหว่ยเจียนเองก็ได้รับความเสียหายไป ส่วนเครื่องบันทึกการขับขี่ของผู้ขับขี่ผู้หญิงเอง ก็แสดงให้เห็นเพียงช่วงที่คนขับรถจักยานไฟฟ้าเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน ซึ่งเห็นได้ชัดว่านั้นคือสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้”

“แต่ทางเหว่ยเจียนกลับบอกอีกอย่าง โดยที่เขาบอกว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นคือรถยนต์ไร้คนขับนั้นได้แซงโดยไม่เปิดสัญญาณไฟ และยังได้ชะลอตัวลงอย่างกะทันหันอีกด้วย ซึ่งนั้นทำให้รถของเขาต้องทำการหักหลบและทำให้เกิดความเสียหายต่อสินค้าที่เขากำลังจะนำไปส่ง”

ตำรวจยังได้พูดออกมาเสริมอีกว่า: “ในตอนนี้หลังจากที่เราได้ตรวจสอบหลักฐานที่เราหาได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าผู้กระทำผิดที่แท้จริงนั้นคือ ผู้ขับขี่รถจักยานไฟฟ้านั้นเอง แต่ถึงแม้ว่าเราจะรู้ว่าผู้กระทำผิดนั้นคือใคร แต่เราก็ไม่สามารถจับตัวได้ที่ ”

ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะรถจักยานไฟฟ้าที่จ้วงหยานขับมานั้นเป็นรถมือสองที่ชำรุดทรุดโทรมอย่างมาก มันไม่มีแม้กระทั้งป้ายทะเบียนและไม่มีวิดีโอวงจรปิดที่สามารถเห็นการกระทำได้ชัดเจนเองก็แทบจะหาไม่ได้

ดังนั้นความรับผิดชอบที่เหลือจากอุบัติเหตุในครั้งนี้จึงได้ต้องถูกแบ่งเป็นสองส่วนนั้นคือ ผู้ขับขี่ผู้หญิงและบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟ

“แต่ฉันอยากรู้ว่าไอ้สิ้นค้าที่เสียหายนั้นมันมีราคาหลายล้ายจริงเหรอ? ” ตำรวจอาวุโสได้ถามขึ้นว่า “ฉันคิดว่ามันมีอะไรไม่ถูกต้องบางอย่าง ดังนั้นฉันจะไปตรวจสอบเรื่องนี้อีกครั้ง!”

ที่เขาพูดออกมาแบบนั้น ก็เนื่องมาจากเขานั้นเคยเจอกรณีที่คล้ายๆกันมาก่อน โดยที่พวกนั้นถูกเรียกว่าแก๊งเครื่องเคลือบ พวกนั้นจะนำเครื่องลายครามที่ชำรุดบางชิ้นใส่ลงในกล่อง และวางมันไว้ในรถหรือที่เก็บของท้ายรถ

จากนั้นพวกนั้นก็ได้จงใจปล่อยให้เจ้าของรถเจอมัน ก่อนที่จะเรียกร้องค่าเสียหาย

“เราจะรีบทำการตรวจสอบมันอีกครั้งอย่างแน่นอนครับ! แต่ตอนนี้หลักฐานได้แสดงให้เห็นว่าเหว่ยเจียนนั้นเป็นเหยื่อ”

“ทางพวกสื่อมวลชนเองก็กำลังรอให้เราประกาศเรื่องนี้ออกมาโดนละเอียด”

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตกอยู่ในความลำบาก แต่ระหว่างนั้นเองก็ได้มีนายตำรวจคนหนึ่งได้วิ่งเข้ามาและพูดขึ้นว่า “ข่าวดี! บริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟได้ส่งช่างเทคนิคมาที่นี้ และเขายังได้บอกอีกว่าเขาสามารถใช้ตัวกล้องรอบรถนั้นแสดงฉากอุบัติเหตุในเวลานั้นได้ . “

“ อะไรนะ! พวกเขามีวิธีนี้อยู่ด้วยเหรอ?” หลังจากที่ตำรวจที่อยู่ในห้องได้ฟังแบบนี้ พวกเขาต่างก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้พวกเขายังคงไร้เงื่อนงำที่เป็นประโยชน์อยู่เลย แต่มาตอนนี้กลับมีคนมาบอกว่าเขามีวิธีทำให้พวกเขาจบเรื่องนี้ได้ มันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก

“รีบเชิญพวกเขามาเร็วเข้า!”

……

สามชั่วโมงหลังจากเกิดอุบัติเหตุ กรมตำรวจก็ยังไม่ได้ออกมาประกาศอะไร ดังนั้นมันจึงทำให้ความคิดเห็นของประชาชนได้แสดงออกมาเป็นวงกว้าง

ในรายการหัวข้อการค้นหาที่ร้อนแรงบนอินเทอร์เน็ตเอง เรื่องนี้ก็ได้ขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งเช่นกัน และเห็นได้ชัดว่าความการค้นหานี้ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“เราจะต้องออกมาต่อต้านการนำรถยนต์ไร้คนขับนี้ขึ้นมาบนท้องถนน!”

“แต่ฉันคิดว่าเราควรจะรอฟังทางตำรวจก่อนนะ! ไม่แน่ว่ามันอาจจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังก็ได้!”

“เม้นบน! นายหุบปากไปเลย!”

แม้แต่ตัวเหว่ยเจี้ยนเองก็ยังได้ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเองในสื่อออนไลน์ เขาได้พูดออกมาว่าเขานั้นได้ตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์นี้ ไม่เพียงที่แต่รถของเขาจะเสียหายเท่านั้น ตัวสินค้าที่เขานำมาเองก็ถูกทำลายลงเช่นกัน ซึ่งมูลค่าเสียหายนั้นสูงถึงล้านหยวน และนั้นเป็นตัวเลขที่ครอบครัวของเขาไม่สามารถรับได้!

คำพูดดังกล่าวได้ดึงดูดความเห็นอกเห็นใจของชาวเน็ตจำนวนมากที่ไม่ทราบความจริง และยังมีอีกกลุ่มคนหนึ่งได้แสดงความสนับสนุนให้บริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟออกมารับผิดชอบเรื่องนี้

“ พวกเขาจะต้องชดเฉยงานมาสามล้านหยวน!” จ้วงหยานผู้ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชมออนไลน์ได้พูดปลุกกระแสขึ้นมา ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อเห็นความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ตนั้นต่างก็ไปในทิศทางที่พวกเขาต้องการ แต่ในระหว่างนั้นเขาก็เกิดความรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่เขาเรียกจำนวนเงินไปแค่สามล้านหยวนเท่านั้น เขาน่าจะพูดออกไปสิบล้านหยวนในครั้งแรก

เขายังคงคิดว่าแผนการในครั้งนี้สมบูรณ์แบบ และนั้นจะทำให้พวกตำรวจไม่พบหลักฐานที่เขาได้กระทำเอาไว้อย่างแน่นอน

ในขณะที่เขากำลังรอคอยอนาคตที่สดใสมาถึงนั้น ภายในสำนักจัดงานการผู้อำนวยการวูชางเฟิงและนายตำรวจอีกหลายคน ต่างก็กำลังเตรียมตัวดูภาพเหตุการณ์ที่รถยนต์ไร้คนขับของบริษัทแพนแพนออโต้โมทีฟถ่ายเอาไว้

ช่างเทคนิคที่มาจากแพนแพนออโต้โมทีฟได้พูดขึ้นว่า: “รถยนต์ไร้คนขับของเรานั้นได้มีกล้องจิ๋วหลายสิบตัวติดเอาไว้ ซึ่งมันสามารถจับภาพทิวทัศน์โดยรอบได้ทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการจราจรโดยรอบ ความเร็ว อุณหภูมิ หรือ ความชื้น ฯลฯ ทั้งหมดนี้จะถูกบันทึกในชิปควอนตัมแบบเรียลไทม์ ดังนั้นเราจึงสามารถดึงข้อมูลนี้ออกมาได้ตลอดเวลา “