EG บทที่ 734 ความใฝ่ฝันของผมคือการเป็นนักธุรกิจ
“พี่ๆ ครับ! ผมสอบวิทยานิพนธ์เสร็จแล้ว ผมจะเลี้ยงอาหารเย็นคืนนี้เอง! เราไปกินที่ร้านฉวนจวี้เต๋อกันเถอะ!” เฝิงหยู่ตะโกนในหอพักของเขา
“เปลี่ยนเสื้อเสื้อผ้าและรีบไปกันเถอะ!”
ก๊อกๆๆ……
“เฝิงหยู่พักอยู่ในหอพักนี้หรือเปล่า?” ตาเฒ่าเมิ่งเเข้ามาในห้องและถาม
“ห้ะ? ใช่ครับ ไม่ทราบว่าคุณคือ?” เทียนเล่ยรีบดึงกางเกงของเขาขึ้นมาทันทีและถาม คนๆ นี้เป็นใครกัน? อยู่ดีๆ เข้าห้องคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง?
โชคดีที่เป็นผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงเข้ามาล่ะ?
“ผมมาจากกระทรวงการเกษตร ผมนามสกุลเมิ่ง ผมมาหาเฝิงหยู่”
“โอ้ น้องสี่ มีคนมาหาน่ะ” เทียนเล่ยตะโกน คนนี้ดูเหมือนจะเป็นข้าราชการ เขาจะมาหาเรื่องเฝิงหยู่หรือเปล่า?
คนไหนคือเฝิงหยู่?
เฝิงหยู่กำลังเก็บข้าวของอยู่ เขาคิดว่าจะเอาของใช้บางอย่างไปเก็บในรถก่อน ดังนั้นพอตอนเรียนสำเร็จการศึกษา เขาจะได้มาเอาที่เหลือซึ่งไม่ค่อยเยอะมากนัก
เฝิงหยู่เงยหน้าขึ้นเมื่อเขาได้ยินเทียนเล่ยเรียกหาเขา เขาเห็นชายอีกคนหนึ่งเดินเข้าไปในห้องของพวกเขา ดูเหมือนว่าจะตามหาเขาเช่นกัน
“อ่าว ตาเฒ่าโจวมาทำอะไรที่นี่?” ตาเฒ่าเมิ่งเฒ่าห้ามตาเฒ่าโจวเอาไว้
เทียนเล่ยกำลังจะถามว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่เมื่อเขาเห็นทัศนคติของตาเฒ่าเมิ่ง เขาเลือกที่จะเงียบ คนที่เพิ่งเข้ามาในห้องดูเหมือนว่าจะเป็นข้าราชการเช่นกัน แม้ว่าครอบครัวของเทียนเล่นจะมีเส้นสายบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีอำนาจมากนัก เขาไม่ต้องการที่จะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐสองคนนี้ไม่พอใจ
เทียนเล่ยเป็นคนนิ่งเงียบมากกว่าคนอื่น แต่คนอื่นที่เหลือไม่ได้เป็นแบบนั้น ชายหนุ่มหลายคนในวัยของเขาเป็นพวกหุนหันพลันแล่น
หวังเล่ยซึ่งมาจากเมืองปิงลุกยืนขึ้นและห้ามชายทั้งสอง “ผมไม่สนใจว่าคุณจะมาจากหน่วยงานไหน แต่คุณควรจะมีมารยาทพื้นฐานบ้าง ใครอนุญาตให้คุณสองคนเข้ามามิทราบ?”
ตอนที่หวังเล่ยเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยแรกๆ เขาเป็นคนเงียบมาก แต่ตอนนี้เขามีความมั่นใจมากขึ้น นอกจากนี้เขายังเป็นคนเดียวในหอพักของพวกเขาที่จะศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษา
หวังเล่ยจะไม่ออกไปทำงานในปีนี้ ส่วนเพื่อนร่วมห้องที่เหลือได้รับอิทธิพลจากเฝิงหยู่ นอกเหนือจากเทียนเล่ยที่เข้ามารับราชการ ส่วนที่เหลือก็เลือกที่จะเข้าทำงานในภาคเอกชน ภาคเอกชนจ่ายเงินดีกว่าและให้ผลประโยชน์มากกว่า หวังเล่ยก็ตัดสินใจเข้าทำงานในภาคเอกชนในอนาคต เขาไม่ชอบทำงานในรัฐบาล
เนื่องจากหวังเล่ยไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าทำงานกับรัฐบาลตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติต่อผู้นำพวกนี้เป็นอย่างดี
ตาเฒ่าโจวหยุดอยู่พักหนึ่งแล้วก็ลุกขึ้น นักศึกษาคนนี้อวดดีเกินไปแล้ว เขากล้าด่าพวกผู้นำหรอ? ขณะที่ตาเฒ่าโจวกำลังจะด่าหวังเล่ย ตาเฒ่าเมิ่งก็หัวเราะและพูดว่า “ขอโทษด้วยครับ จริงๆ ผมเคาะประตูแล้ว แต่โดนเขาผลักเข้ามาข้างใน คุณช่วยผมโทรหาเฝิงหยู่หน่อยได้มั้ยครับ ผมมีเรื่องอยากคุยกับเขา”
ตาเฒ่าโจวโกรธมาก คุณพูดงี้หมายความว่ายังไง? คุณเป็นคนที่อยากแย่งชิงนักศึกษาคนนี้กับผมเอง ถ้าคุณไม่ได้มาถึงที่นี่ก่อนหน้าผม ผมจะเข้ามาในห้องได้ยังไง? ตอนนี้คุณกำลังพยายามทำตัวเป็นคนดีและพยายามป้ายสีให้ผมเป็นคนเลวงั้นหรอ?
เฝิงหยู่เดินเข้ามาและพูดว่า “ผมชื่อเฝิงหยู่ครับ พวกคุณมาหาผมหรอครับ?”
“เฝิงหยู่ สวัสดีครับ ผมมาจากกระทรวงการต่างประเทศ คุณเรียกผมว่าลุงโจวก็ได้ครับ ผมต้องการเชิญคุณไปทำงานกับกระทรวงการต่างประเทศของเรา ด้วยความสามารถของคุณ คุณสามารถเลื่อนขั้นได้อย่างรวดเร็วแน่นอน มีข้อดีอีกอย่างในการทำงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศนะครับ คุณจะสามารถเดินทางไปหลายประเทศและพบกับผู้นำจากทั่วทุกมุมโลกได้!”
ก่อนที่เฝิงหยู่จะแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบ ตาเฒ่าโจวก็คว้าเฝิงหยู่ด้วยมือทั้งสองของเขาและไม่ยอมปล่อย
ขณะที่เฝิงหยู่กำลังจะดึงมือขวากลับ มือซ้ายของเขาก็ถูกใครสักคนจับเอาไว้
“เฝิงหยู่ ผมชื่อเมิ่งต้าหมิงครับ ผมมาจากกระทรวงการเกษตร ผมเป็นตัวแทนของแผนกเพื่อเชิญคุณไปทำงานกับเรา เราจะนำเสนอผลประโยชน์ที่ดีให้คุณ เมื่อคุณเข้าร่วมงานกับเรา เราจะมอบหมายอพาร์ทเมนต์ให้คุณ หากคุณแต่งงานเราจะให้อพาร์ทเมนต์ที่มี 3 ห้องนอน! ขนาดแค่อพาร์ทเมนท์แบบ 2 ห้องนอนหน่วยงานของพวกเขายังมีให้พนักงานไม่พอเลยครับ ไปต่างประเทศหลายประเทศงั้นหรอ? คุณอยู่ไกลจากบ้านมานานแล้ว! เราจะดูแลคุณเองและผมสัญญาว่าคุณจะเป็นหัวหน้าแผนกภายใน 3 ปี!”
หวังเล่ยตกใจ อะไรกันเนี่ย? อพาร์ตเมนต์แบบ 3 ห้องนอนหรอ? นี่คือแผนการปฏิบัติตามปกติในอดีตเมื่อก่อน แต่รัฐบาลพยายามที่จะยกเลิกสิ่งนี้ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการแบบนี้ยังคงทำอย่างต่อเนื่อง แต่การเป็นหัวหน้าแผนกภายใน 3 ปีนี่มันมากเกินไปแล้ว! นั่นมันคือการปฏิบัติต่อนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาต่างหาก
ชายสองคนนี้มาจากกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการเกษตร ซึ่งเป็นแผนกจากรัฐบาลกลาง ตอนนี้กำลังขาดกำลังคนหรอ? ปัญหาการขาดกำลังคนรุนแรงมากจนเจ้าหน้าที่รัฐต้องมาทำการรับสมัครด้วยตัวเองถึงหอพักนักศึกษาเลยหรอ?
เฝิงหยู่สะบัดมือของเขาแล้วดึงมือออก เทียนเล่ยนำเก้าอี้สองตัวมาให้ผู้นำทั้งสองคน เพื่อนร่วมห้องที่เหลือไม่สนใจผู้นำพวกนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้ เขากำลังจะเข้ารับราชการในไม่ช้า ใครจะไปรู้ว่าผู้นำคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้อาจจะกลายเป็นผู้นำในอนาคตของเขาก็ได้
การทำงานในยุคนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้นำ ผู้ที่เข้าไปทำงานใหม่ต้องทำทุกอย่างที่ผู้นำสั่ง ผู้นำไม่สนใจความสามารถพิเศษของคุณหรอก งานที่ได้รับมอบหมายขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้นำ บ่อยครั้งที่พบว่าบัณฑิตจากคณะวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ต้องไปทำงานในแผนกสื่อสาร
ตาเฒ่าโจวกำลังจะนั่งลง แต่ตาเฒ่าเมิ่งโบกมือของเขา “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ ผมยืนคุยกับเฝิงหยู่ก็ได้”
ตาเฒ่าโจวด่าในใจ ตาเฒ่าเมิ่ง ตำแหน่งของคุณเทียบเท่ากับรองนายกเทศมนตรีเมือง คุณต้องทำตัวเหมือนอยากได้นักศึกษาไปทำงานด้วยจนตัวสั่นแบบนี้ด้วยหรอ?!
“เฝิงหยู่ ลองพิจารณากระทรวงเกษตรของเราดูก่อนนะ คุณต้องได้ใช้ความสามารถของคุณอย่างเต็มที่แน่นอน!” ตาเฒ่าเมิ่งมองเฝิงหยู่ เขาบอกข้อเสนอของเขาและมั่นใจว่าเฝิงหยู่จะยอมรับอย่างแน่นอน
เพื่อนร่วมห้องที่เซ็นสัญญากับบริษัทเอกชนต่างพากันอิจฉาเฝิงหยู่ หากหน่วยงานของรัฐมาเสนอผลประโยชน์ให้กับพวกเขา พวกเขาจะไม่ไปทำงานกับบริษัทเอกชน
แต่พวกเขาทั้งหมดรู้ว่าเฝิงหยู่จะไม่เห็นด้วยไม่ว่าผู้นำทั้งสองคนนี้จะทำอะไรก็ตาม ผู้นำสองคนนี้ไม่เคยรู้ประวัติของเฝิงหยู่เลยหรือไง? เฝิงหยู่มีฐานะร่ำรวยและจะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะเข้าไปทำงานในหน่วยงานราชการในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ?
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้พบคุณทั้งคู่นะครับ แต่เมื่อคุณทุกคนมารับสมัครผมถึงที่นี่ ผมจะบอกให้ฟังชัดๆ นะครับว่าผมไม่สนใจเข้าทำงานกับรัฐบาล” เฝิงหยู่ส่ายหัว ในขณะเดียวกันเขาก็สงสัยว่าทำไมคนสองคนนี้ถึงมารับสมัครเขา?
เฝิงหยู่ไม่รู้ว่าวิทยานิพนธ์ของเขาถูกตีพิมพ์ในจดหมายเวียนภายในภาครัฐ เขาไม่ได้รับเงินเลยสักแดง มหาวิทยาลัยไม่ได้แจ้งเรื่องนี้กับเฝิงหยู่
มหาวิทยาลัยจะส่งวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกไปยังผู้นำระดับสูง นักศึกษาทุกคนรู้เรื่องนี้ เฝิงหยู่ก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน แต่เขาไม่คิดว่าจะวิทยานิพนธ์ของเขาจะถูกส่งไป
ตาเฒ่าโจวและตาเฒ่าเมิ่งต่างพากันตกตะลึงที่ได้ยินเฝิงหยู่ปฏิเสธพวกเขาตรงๆ พวกเขาจัดทำข้อเสนอที่ดีมาก แต่เฝิงหยู่ยังคงปฏิเสธพวกเขาแบบนี้!
“เฝิงหยู่ครับ โปรดพิจารณาอีกครั้งนะครับ หากคุณมีความต้องการเรื่องอื่น เราสามารถพูดคุยกันได้ ถ้าเราทำให้ได้ เราจะให้คุณหมดเลย!” ตาเฒ่าเมิ่งก้าวไปข้างหน้า ผู้นำของเขาสั่งให้เขารับสมัครเฝิงหยู่มาให้ได้ไม่ว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ก็ตาม
เฝิงหยู่คิดอยู่พักหนึ่งแล้วหยิบกุญแจรถออกจากกระเป๋าของเขา เขาแสดงให้ชายทั้งสองดูและพูดว่า“ครอบครัวของผมร่ำรวยมากและความใฝ่ฝันของผมก็คือการทำธุรกิจ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนหรอครับกว่าจะซื้อรถยนต์ได้ถ้าผมเข้าทำงานในรัฐบาล? รถของผมแพงกว่ารถของหัวหน้าคุณอีก แม้ว่าพวกเขาจะมีเงิน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถซื้อได้”
เฝิงหยู่หันไปหาเพื่อนร่วมห้องและตะโกนว่า “พร้อมหรือยัง ไปกันเถอะ ไปร้านฉวนจวี้เต๋อกัน สั่งได้เต็มที่ตามที่ต้องการเลยนะ!”
หวังเล่ยออกจากห้องเป็นคนสุดท้าย เขามองตาเฒ่าโจวและตาเฒ่าเมิ่ง “พวกคุณจะกลับมั้ยครับ? ผมต้องล็อคห้อง”
ตาเฒ่าโจวและตาเฒ่าเมิ่งมองหน้ากันแล้วเดินออกไป ตาเฒ่าโจวยังคงพอยอมรับเรื่องนี้ได้ แต่ตาเฒ่าเมิ่งรับไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าจะมีหน้ากลับไปเผชิญกับผู้นำของเขาอย่างไรดี