DND.
องครักษ์อีกสี่คนได้ใช้ฝ่ามือเทพดับสวรรค์เช่นกันแต่พวกเขาทำได้แต่ใช้กระบวนท่าที่สอง ซึ่งนั่นก็คือฝ่ามือจันทรา
ซือหยูหน้าซีดตาซ้ายเปล่งแสงสีม่วงตระการตา ตาขวาเริ่มส่องแสงสีแดงอีกครั้ง
นี่คือการย้อนเวลา!หากมันเริ่มขึ้น สิ่งที่เกิดกับพื้นที่ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน!
จันทราในมือขององครักษ์ทั้งสี่ดับมอดไปอย่างรวดเร็วกลับสู่เวลาที่ทั้งสี่ขยับมือขณะที่ดวงอาทิตย์ในฝ่ามือของหัวหน้าองครักษ์ได้กลายเป็นจันทรากับดวงตะวันในมือแต่ละข้าง
ทันทีหลังจากนั้นแสงของพวกมันก็อ่อนลงไม่หยุด
“อ๊าาา!หัวหน้า ข้าโดนย้อนเวลากลับมาเป็นจ้าวเทวะระดับเก้า!”
หนึ่งในองครักษ์สี่คนตะโกนด้วยความสะพรึงกลัวจากนั้นอีกสามคนก็ลดพลังลงมาด้วยกัน
ไม่เพียงแต่รูปลักษ์จะกลับมาหนุ่มสาวแม้แต่พลังยังกลับมาตอนที่เป็นจ้าวเทวะระดับเก้า พวกเขาได้กลายเป็นจ้าวเทวะจากอสูรเนรมิตร
หัวหน้าองครักษ์ไม่ได้ดีไปกว่ากันเขาได้กลายเป็นอสูรเนรมิตรขั้นหนึ่ง! ตอนนี้ ถ้าหากใครก็ตามที่เป็นอสูรเนรมิตรปรากฏตัวขึ้นมา เขาก็สามารถสังหารห้าองครักษ์แสงกระจ่างผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดอย่างง่ายดาย!
ในตอนนี้ห้าองครักษ์สัมผัสได้ถึงความเป็นความตายแล้ว พวกเขาไม่เคยรู้สึกถึงความอันตรายระดับนี้มาก่อน!
“ใช้สมบัติกับยันต์เดี๋ยวนี้ฆ่ามันซะ!”
หัวหน้าองครักษ์ตะโกน
ในตอนนั้นเขากับจ้าวเทวะทั้งสี่เรียกสมบัติและยันต์จำนวนมากออกมา พวกมันคือสิ่งของที่มีพลังมหาศาล แต่พวกเขาก็ต้องใจเต้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อสิ่งที่เรียกออกมาได้ตกอยู่ในอำนาจของการย้อนเวลาไปด้วย
ก่อนที่ยันต์จะระเบิดมันได้กลายมาเป็นสภาพกระดาษขาวธรรมดา จากนั้นมันก็กลับกลายเป็นสภาพก่อนเป็นกระดาษก่อนจะสลายหายไป
ส่วนสมบัติที่ถูกสร้างมาด้วยภูมิปัญญาอย่างดีมันได้กลายเป็นสภาพก่อนที่จะถูกตีขึ้นมา ทุกสิ่งตกอยู่ในอำนาจการย้อนเวลาทันทีที่เรียกออกมา!
หลังจากสูญเสียไปมากมายสมบัติวิเศษก็ลดระดับกลายเป็นวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเรียกสิ่งใดออกมาก็ถูกย้อนเวลาทั้งหมด
องครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าก็ยังคงลดพลังลงไปเรื่อยๆทั้งสี่ได้กลายเป็นจ้าวเทวะระดับแปดจากระดับเก้า จากนั้นก็กลายเป็นระดับเจ็ด และระดับหกตามไป
รูปลักษณ์ได้เด็กลงเรื่อยๆจนเหมือนกับเด็กอายุสิบแปด!
หัวหน้าองครักษ์แสงกระจ่างกลับมาอายุสิบแปดเช่นกันฐานพลังได้ตกลงจากอสูรเนรมิตรมาถึงจ้าวเทวะระดับแปด
องครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้ารู้สึกถึงลางร้ายในหัวใจความกลัวอันมิอาจบรรยายได้กัดกินหัวใจพวกเขา
จากอสูรเนรมิตรที่เหนือคนหลายล้านได้กลับกลายเป็นจ้าวเทวะชั้นกลางมันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับยืนอยู่หน้าผา
ขณะเดียวกันอายุขัยของซือหยูยังเกินอยู่ เขาสามารถใช้พลังย้อนเวลาได้ต่อไป หัวหน้าองครักษ์แสงกระจ่างกรีดร้องเสียงดัง
“หยุดนะ!เจ้าอยากจะให้พวกข้าตายกันหมดงั้นเรอะ?”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขากำลังกลัว!ก่อนหน้านี้ พวกเขาคือแหปลาขณะที่ซือหยูเป็นปลาสิ้นหวัง! แต่ตอนนี้ซือหยูได้กลายเป็นแหและพวกเขาคือปลาที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด!
ตอนที่ทั้งห้าเป็นแหพวกเขาทำตัวดั่งเทพเจ้าและเห็นซือหยูเป็นแค่แมลงเล็กจ้อย แต่ตอนที่กลายเป็นปลาในแห พวกเขาได้รู้สึกถึงความสะพรึงกลัว!
ซือหยูพูดอย่างไม่แยแส
“ต่อให้ปลาตายแหก็ไม่ขาดง่ายๆหรอกนะ!”
ฟึ่บ!
หัวหน้าองครักษ์รีบเรียกตราออกมาจากแหวนมิติมันเปล่งแสงสีทองและมีคำว่า ‘เขตกลาง’ สลักเอาไว้ มันปล่อยแรงกดดันที่น่ากลัวออกมาตลอดเวลา
ตรานี้ไม่ได้รับผลจากการย้อนเวลามันไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย! ซือหยูคุ้นตรานี้ดี เพราะเขาเกือบตายเพราะมัน!
นั่นก็เพราะมันคือตราที่สามารถอัญเชิญร่างเงาของราชาเขตกลางออกมาได้จนถึงตอนนี้ซือหยูยังไม่เคยลืมพลังที่มันมี!
แต่วันนี้ซือหยูมองตราด้วยความเยือกเย็น
“ก็ดี!ข้าไม่ได้เจอราชาเขตกลางมาแรมปี ให้มันมาเจอข้าได้แล้ว!”
หัวหน้าองครักษ์กัดฟันเขาไม่มีเวลามาสนใจว่าความเยือกเย็นของซือหยูอยู่ที่ใด เขาใช้ตราทันที
ตราสีทองเปิดออกลำแสงฉายภาพที่ขอบนภา ร่างมนุษย์คหนึ่งที่เปล่งแสงสีทองปรากฏตัว
ร่างนี้ตระการตาและยากที่จะมองตรงๆดังนั้นจึงไม่เห็นรูปลักษณ์จริงในทีแรก เห็นเพียงชายหนุ่มสวมชุดสีเหลืองทองลาง ๆ เท่านั้น และตอนนี้เขากำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้องลับ
“องครักษ์ของข้าใครมาขวางทางพวกเจ้าอีกหรือ?”
ร่างเงาลืมตาช้าๆเมื่อลืมเต็มที่และได้เห็นภาพตรงหน้าก็เบิกตากว้าง
เขายืนขึ้นทันทีแววตาคู่นั้นมองตรงมาที่ซือหยู
“เจอเจ้าอีกแล้ว!”
ราชาเขตกลางอุทาน
เขาดูตื่นเต้นเป็นอย่างมากแต่เมื่อเห็นสภาพขององครักษ์ทั้งห้า นั่นก็ทำให้เขาขมวดคิ้วในทันที
“หยุดนะ!”
องครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าเป็นลูกน้องที่มีค่าที่สุดของเขาเขาลงทุนอย่างมากในการเพาะบ่มทั้งห้าคนนี้ แต่ตอนนี้องครักษ์ทั้งห้ากลับถูกซือหยูทารุณจนลงเอยในสภาพนี้! มันยอมรับไม่ได้!
ซือหยูมีภัยเหนือกว่าที่เขาคิดไม่แปลกเลยที่จักรพรรดิโลหิตจะตายเพราะซือหยู! และที่แย่ยิ่งกว่าก็คือซือหยูไม่คิดจะหยุด เขาใช้อายุขัยส่วนเกินทั้งหมดเพื่อย้อนเวลาองครักษ์ต่อไป!
ราชาเขตกลางแววตาเยือกเย็นลง
“ย่อมได้ข้าให้ตราเรียกร่างเงานี้ก็เพื่อป้องกันองครักษ์จากเจ้าเช่นกัน หากครั้งนี้เจ้าปรากฏตัวแล้วก็อย่าคิดว่าจะได้หนี!”
เขายกรูปภาพขึ้นมากดเอาไว้จากนั้นพื้นที่ในระยะหมื่นลี้รอบตัวซือหยูได้ถูกแช่แข็งในพริบตา
ราวกับว่าทุกแห่งถูกภูเขาลูกยักษ์ที่แตะต้องไม่ได้กดทับเอาไว้ไม่มีสิ่งใดขยับได้ ซือหยูเองก็ใช้วายุมิติไม่ได้ด้วย!
ในตอนนี้ถึงแม้ว่าราชาเขตกลางจะอยู่ไกลออกไปพันล้านลี้จากที่นี่ เพียงแค่สัมผัสจากร่างเงาก็แข็งแกร่งกว่าค่ายกลดับสวรรค์ที่องครักษ์แสงกระจ่างใช้!
หลังจากปิดทางหนีราชาเขตกลางจึงได้เงยหน้ามองซือหยูอย่างเยือกเย็น เขาแบ่งแยกอากาศและเอื้อมมือคว้าตัวซือหยู
ซึ่งแท้จริงแล้วมันคือการคว้าหม้อเก้ามังกรที่ซ่อนอยู่ลึกในวิญญาณซือหยูออกมาจากระยะไกลเหตุการณ์เดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง! แต่ครั้งนี้ต่างออกไป…
ซือหยูหยิบใบไม้สีทองออกมาจากมุกวิญญาณเก้าหยกและขว้างมันออกไปใบไม้ขยายขนาดตามแรงลมเข้าป้องกันร่างเงา พลังที่ดึงดวงวิญญาณซือหยูถูกกำจัดออกไป
ในตอนนั้นที่ห้องลับในตำหนักเขตกลางห่างออกไปพันล้านลี้ ราชาเขตกลางหน้าซีดและตัวสั่นเบาๆ เขาถอนมือออกทันที!
ที่กลางฝ่ามือของเขามีรอยพิมพ์ใบไม้สีทองประทับอยู่และน่าตกใจยิ่งกว่าที่รอยพิมพ์นี้กำลังกัดกินพลังจากภายในร่างกายของเขา! เพียงไม่นาน พลังหนึ่งในสิบก็ถูกใบไม้ทองคำดึงเอาไป!
ราชาเขตกลางหน้าหมองจากนั้นเขาจึงใช้พลังพิเศษกำจัดรอยพิมพ์ใบไม้ทองคำออกไป! รอยพิมพ์ได้กลับคืนไปที่อีกด้านของร่างเงา.ไอลีนโนเวล.
“ใบของเทพไม้รึ?มันเอามาได้ยังไง?”
ราชาเขตกลางอุทานด้วยความตกใจ
ราชาเขตกลางชักสีหน้าหลายครั้งถึงใบไม้ทองคำจะป้องกันม่านแสงได้ มันก็มิอาจขัดขวางให้ราชาเขตกลางไม่เห็นสถานการณ์อีกด้าน
ซือหยูรู้สึกได้เลยว่าราชาเขตกลางกำลังยุ่งอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างจริงจากนั้น อายุขัยจากน้ำพุแห่งชีวิตของหยินมู่ได้ถูกใช้จนหมดแล้ว
ซือหยูมององครักษ์แสงกระจ่างอีกครั้งเขาเห็นว่าทุกคนมีอายุราวสิบหกปี สี่คนร่างเปลือยเปล่าไปแล้วเพราะเสื้อผ้าถูกย้อนเวลาจนไม่เหลือสิ่งใด
ขณะนี้มีเพียงหนุ่มน้อยสี่คนที่งุนงงทุกคนมองซือหยูด้วยความหวาดผวา พวกเขาเหลือพลังแค่จ้าวเทวะระดับสามแล้ว ส่วนหัวหน้าเป็นจ้าวเทวะระดับห้า
ทั้งห้านี้ค่อนข้างที่จะมีพรสวรรค์เมื่อยังเด็กพวกเขาเป็นจ้าวเทวะขั้นกลางตั้งแต่อายุราวสิบห้าปีเท่านั้น! ทั้งจิวโจวแทบจะไม่มีใครเทียบได้!
หัวหน้าองครักษ์แสงกระจ่างจ้องมองซือหยูด้วยความหวาดผวาเพราะซือหยูถึงกับผนึกร่างเงาของราชาเขตกลางได้! นั่นทำให้เขาหนาวสั่นไปทั้งตัว
“ราชาเขตกลางข้ามีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จะมอบให้เจ้า”
แสงในตาซ้ายของซือหยูอ่อนลงแสงจันทร์ที่มือขวากระจ่างขึ้น
ผั่วะ!
ซือหยูซัดมือใส่องครักษ์ที่ใกล้ที่สุดองครักษ์คนนั้นไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ตอบสนองก่อนที่จะถูกคร่าชีวิตไปในฝ่ามือเดียว!
ดวงวิญญาณของเขาหนีรอดไปได้แต่ก็ยังถูกจับขังไว้ในมิติวิญญาณของซือหยูดังนั้นเขาจะกลายเป็นอาหารของเทพปีศาจ น่าเสียดายที่อสูรเนรมิตรขั้นสองต้องตกมาเป็นอาหารเพราะการย้อนเวลา
แม้แต่วิชาบ่มเพาะที่เคยมีในอดีตก็ถูกลดขั้นมาถึงก่อนฝึกฝนที่แย่ที่สุดก็คือเขาต้องตายอย่างอเนจอนาถ!
“หยุดนะ!”
ราชาเขตกลางสั่งเสียงแข็งความโกรธแค้นแสดงผ่านดวงตา
เขาคิดว่าซือหยูเป็นเพียงแมลงน่าสงสารที่ไม่แม้แต่มีค่าพอให้กล่าวถึงแต่แมลงน่าสงสารในตอนนี้ได้เอาชีวิตคนที่เขาพยายามบ่มเพาะอย่างมากไปต่อหน้าต่อตา!
ยิ่งไปกว่านั้นซือหยูยังสังหารด้วยวิชาเฉพาะของเขตกลาง นั่นก็คือฝ่ามือเทพดับสวรรค์! ความจงใจหยามเหยียดเช่นนี้ทำให้ราชาเขตกลางโกรธแค้นจนแทบจะกระอักเลือด
“ฮ่าๆๆๆข้ายังไม่พอหรอก!”
ซือหยูตะโกนและฉีกยิ้ม
ปีกโบกสะบัดที่แผ่นหลังราวกับเงาลวงซือหยูใช้ฝ่ามือเทพดับสวรรค์ทุกครั้งที่ปีกหยุดเคลื่อนไหว พร้อมกับองครักษ์หนึ่งคนที่ตกตายไป
“ช้าก่อน!ข้าจะไม่ยุ่งกับเจ้าอีกแล้ว! โปรดเมตตาพวกเราด้วย”
อ๊ากกกกก!
“พวกเจ้าต้องการอะไรจาก…..”
อ๊ากกกกกก!
“ข้าจะสู้กับเจ้าด้วยชีวิต!”
อ๊ากกกก!
ภาพที่ไม่เคยเกิดในหน้าประวัติศาสตร์กำลังดำเนินต่อหน้าต่อตาองครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าผู้ฉาวโฉ่ได้แตกดับด้วยมือของภูติคนเดียว!
ไม่ว่าองครักษ์ทั้งสี่คนอ้อนวอนขอชีวิตก่อนตายด้วยฝ่ามือเทพดับสวรรค์ร่างกายและวิญญาณแตกสลายหายไป
กงซุนหวูซื่อตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตาตัวเองนางพูดไม่ออกไปนานมาก
แววตาที่จ้องมองซือหยูเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงนางดูตื่นเต้นและกำลังคาดหวังกับสิ่งที่จะเกิดต่อไป
“และเจ้า…”
ซือหยูผู้มีโลหิตฉาบใบหน้ายิ้มอย่างเยือกเย็นเมื่อมองหัวหน้าองครักษ์
หัวหน้าองครักษ์ใบหน้าเศร้าหมอง
“สังหารพวกข้าฝ่ายเดียวเช่นนี้มันมีความหมายอะไรกับเจ้ากัน?”
ซือหยูตอบกลับด้วยคำถาม
“เจ้าคิดว่าข้าขยะแขยงโหดร้าย ไม่ยุติธรรมรึ? แล้วพวกห้าองครักษ์แสงกระจ่างที่เอาแต่ตามล่าภูติอ่อนแอมาตลอดปีอย่างเจ้าเล่า? เจ้าคิดว่าตัวเองน่าขยะแขยง ชั่วช้า ไม่ยุติธรรมหรือไม่?”
“แล้วพวกเจ้ากับข้าก็อายุเท่ากันมีสิ่งใดไม่ยุติธรรมอีกหรือ? ถูกข้าสังหารอยู่ฝ่ายเดียวก็แสดงว่าพวกเจ้ามันไร้ค่าเกินไปตอนที่อายุเท่านี้…”
ซือหยูพูด
หากย้อนกลับมาตอนช่วงวัยเท่ากันการสังหารคนเหล่านี้ไม่ต่างกับการเชือดไก่หรือสุนัขสำหรับซือหยู! หัวหน้าองครักษ์ได้แต่พูดขณะที่เห็นว่าซือหยูกำลังจะโจมตี
“เดี๋ยวก่อน!ข้าคิดว่าข้ายังมีประโยชน์ต่อเจ้า”
เขาพูดต่อ
“ถ้าเจ้าเก็บผู้ฝึกสัตว์อสูรนั้นไว้ใช้ได้เช่นนั้นคนอย่างข้าที่เคยเป็นอสูรเนรมิตรก็จะยิ่งมีประโยชน์ต่อเจ้า….”