ในตอนนี้ หลิวอี้เจาแทบจะเข่าอ่อนเมื่อเขาได้รับการยืนยันการคาดเดาของตนเองหลังจากได้พบจางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ
จางเว่ยอวี่ส่ายหัว “นี่ไม่ใช่องค์ราชา”
หลี่ว์ซู่ไม่พอใจ ทำไมถึงมีคนมาท้าทายอำนาจของเขา จางเว่ยอวี่สูญเสียจิตวิญญาณของเขาหรือราชาหลี่ว์พูดว่าเขาจะไม่โจมตีอย่างนั้นหรือ “ถ้าผมไม่ใช่ราชา แล้วถ้าอย่างนั้นคุณเป็นเหรอ หรือนี่ไม่ใช่ภูเขาราชาหลี่ว์ แล้วใครกันที่นามสกุลหลีว์ คุณหรือผมล่ะ”
จางเว่ยอวี่ดูตกตะลึงมาก ‘พวกเราไม่ได้กำลังพูดถึงราชาองค์เดียวกัน! นายกำลังพูดถึงราชาของภูเขาราชาหลี่ว์ แต่พวกเรากำลังพูดถึงราชาแห่งทวยเทพของในโลกใบนี้!”
[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +666!]
มีเพียงแค่จางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ ที่เหลือเท่านั้นที่รู้ว่าหลิวอี้เจาเข้าใจผิดเรื่องอะไร อย่างไรก็ตาม มันเป็นความบังเอิญจริงๆ ที่เขาได้พบกับหลี่ว์ซู่ พวกเขาทิ้งเมืองมาเพราะทัพเฮยอวี่นั้นโหดร้ายเกินไปจนพวกเขาอาจจะตายอย่างไร้ประโยชน์หากยังอยู่ที่นั่นต่อไป
ตาของหลิวอี้เจาเป็นประกายเมื่อเขาได้ยินคำว่าหลี่ว์ซู่ เขายอมรับเหรอ! แล้วนามสกุลของเขาก็คือหลี่ว์จริงๆ ด้วย!
ทำโลกนี้ถึงใช้ชื่อว่าจักรวาลหลี่ว์ ชื่อนี้ถูกเปลี่ยนโดยราชาแห่งทวยเทพหลังจากพระราชวังถูกสร้างขึ้น ในอดีต โลกนี้ถูกเรียกว่า ‘จักรวาล’ !
จางเว่ยอวี่กลอกตา ลืมไปซะเถอะ คนพวกนี้กำลังจะทำให้อะไรๆ แย่ขึ้นไปอีก…
หลิวอี้เจาพูดกับหลี่ว์ซู่ “ทัพชิงไซเต็มใจที่จะรวมกำลังกับทัพอู่เว่ย ถ้านายท่านเป็นกังวล กระผม หลิวอี้เจา สามารถเป็นทาสและขอต่อสู้เพื่อท่านได้!”
ในโลกนี้ไม่มีอะไรอย่างเช่นการรักโดยไม่มีเงื่อนไข เช่นเดียวกับไม่มีการเกลียดโดยไม่มีเงื่อนไข หลี่ว์ซู่นิ่งเงียบไปสองวินาที “นายพูดแบบนี้ก็เพราะหน้าตาของฉัน ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น โปรดให้ความเคารพกันด้วย”
หลิวอี้เจาไม่สนใจเรื่องนั่น เขารอมามากกว่าสิบปีและในที่สุดก็ได้พบแสงสว่าง ใครจะสนใจล่ะว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร เขาคุกเข่าลง “ฝ่าบาท กระผมจะเชื่อฟังท่านทุกอย่าง กระผมจะทำทุกอย่างเพื่อท่าน”
จางเว่ยอวี่และคนที่เหลือเดินไปข้างหน้าเพื่อพาหลิวอี้เจาออกไป “เอ่อ…ฝ่าบาท ขอพวกเราคุยกันเป็นการส่วนตัวหน่อย!”
หลิวอี้เจาไม่ได้ขัดขืนเพราะเขาคิดว่าจางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ คงมีบางสิ่งที่ต้องบอกเขา นี่เขาทำอะไรผิดหรือเปล่า
ในขณะเดียวกัน หลี่ว์ซู่เผยรอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นหลังของจางเว่ยอวี่และคนที่เหลือเดินจากไป “ดูเหมือนว่าจางเว่ยอวี่จะอยู่ฝั่งเดียวกับราชาแห่งทวยเทพอย่างแน่นอน แต่หลิวอี้เจาน่าจะเข้าใจผิดคน พวกเราควรทำยังไงดี”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดขึ้นหลังจากครุ่นคิด “แค่หาเงินมาจำนวนหนึ่ง ฉันคำนวณแล้ว และพืชผลของเราจะพร้อมเก็บเกี่ยวในอีกสองเดือน และจะมีหนึ่งเดือนที่พวกเราจะไม่มีพืชผล แต่ถ้าพวกเรามีเงิน ฉันสามารถไปซื้ออาหารที่ด้านหลังช่องเขาเว่ยเป่ยได้”
“ใช่แล้ว เงินสำคัญมาก…” หลิวอี้เจาพยักหน้า “ไม่ว่ายังไงหลิวอี้เจาก็ให้เงินพวกเราตั้งเยอะ…”
หลี่ว์ซู่สงบลง เขารู้ว่าต้องมีการเข้าใจผิดบางอย่างแน่ หลี่ว์ซู่สังเกตเห็นว่าหลิวอี้เจามีท่าทางเปลี่ยนไปหลังจากจางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ ปรากฏตัว เขาคิดว่าตัวตนของจางเว่ยอวี่น่าจะทำให้หลิวอี้เจาเข้าใจเรื่องบางอย่างผิดไป
ดังนั้น ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด หลิวอี้เจาและจางเว่ยอวี่น่าจะรู้จักกันมานานแล้ว และต่างก็เป็นผู้ติดตามราชาแห่งทวยเทพองค์เก่าเสมอมา
ทุกสิ่งดูเหมือนจะยิ่งซับซ้อน หลี่ว์ซู่ถอนหายใจ ในตอนแรก เขาไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับจางเว่ยอวี่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะยิ่งเกี่ยวข้องมากขึ้นไปอีก
หลี่ว์ซู่ไม่ได้โง่ เขาเพียงแค่อยากชมดูการแสดงก็เท่านั้น
ที่ด้านหลังถ้ำ จางเว่ยอวี่พูดอย่างหนักแน่นว่า “ถึงฉันจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนสั่งให้นายดูแลจัดการเมืองหนานเกิง แต่ฉันต้องบอกว่าฉันเจอหลี่ว์ซู่โดยบังเอิญ และพวกเราก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก นับแต่พวกเราแยกกันในเมือง!”
หลิวอี้เจาส่ายหัว “ผมไม่เชื่อ พวกคุณกำลังโกหก! ก่อนหน้านี้พวกคุณโกหกผม ตอนนี้ก็ยังจะมาโกหกผมอีก!”
หลิวอี้เจาถูกเลี้ยงดูมาโดยจางเว่ยอวี่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 23 ปีก่อนถูกกระทำโดยพระราชวังหลวง เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้ทหารมังกรจักรพรรดิต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง พวกเขาโกหก และบอกว่าพวกเขาเพียงทำงานทั่วๆ ไป
“ที่ฉันทำแบบนั้นก็เพื่อพวกนายทุกคน” จางเว่ยอวี่เริ่มโกรธเล็กน้อย
“อืม” หลิวอี้เจาพยักหน้า “กระผมไม่รู้ว่านายท่านต้องการให้กระผมไปอยู่แนวหน้า แต่กระผม หลิวอี้เจา ไม่เคยกลัวความตาย”
จางเว่นอวี่ตกตะลึง “นี่ฉันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ”
“นายท่านบอกเขาว่า เพราะพวกคุณทุกคนทำไร่ทำนา แล้วทำไมพวกคุณทุกคนถึงมาปรากฏตัวที่นี่” หลิวอี้เจาถามอย่างใจเย็นและดูจริงจังมาก
พวกเราอยู่ที่นี่ก็เพื่อหนีจากทัพเฮยอวี่”
“โลกใบนี้เล็กขนาดนั้นเลยเหรอ”
“…แน่นอนว่าโลกใบนี้เล็กมาก” จางเว่ยอวี่รู้สึกพูดไม่ออก จริงอยู่ว่าโลกนี้ใหญ่โตมาก แต่เขาพบกับหลี่ว์ซู่โดยบังเอิญจริงๆ
“ผมขอถามอะไรหน่อยนะคุณจาง ในเมื่อทุกคนก็แค่บังเอิญมาเกี่ยวข้องกับองค์ราชา ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมคุณถึงยังอยู่ช่วยฝึกทหารเว่ยอวี่ล่ะ” หลิวอี้เจาพูดอย่างสงบและมั่นใจในการอนุมานของตนเอง
หลังจากจัดระบบความคิด จางเว่ยอวี่จึงพูดว่า “ฟังนะ ฉันจะอธิบายกระบวนการให้นายฟัง พวกเราเจอเขาหลังจากหนีมาที่อุโมงค์นี้ และกินอาหารจำนวนหนึ่งเพราะพวกเราแทบจะอดตายอยู่แล้ว แต่เพิ่งกินไปได้ครึ่งหนึ่ง เขาบอกพวกเราให้ไปซะและสั่งให้ใครบางคนจัดการจานของพวกเรา จากนั้น…”
หลิวอี้เจาขัดขึ้นมา “นี่จะต้องเป็นเรื่องที่คุณแต่งขึ้นมาแน่ๆ คุณจาง ทำไมถึงจะมีคนแบบนั้นอยู่ในโลกนี้ล่ะ”
จางเว่ยอวี่แทบกระอักเลือด เขาพูดจากก้นบึ้งของหัวใจ “หมอนั่นก็เป็นคนแบบนี้จริงๆ เลยนั่นแหละ!”
[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +999!]
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ” หลิวอี้เจาพูด “ผมทำทุกอย่างที่คุณทำให้องค์ราชาได้เหมือนกัน ผมรู้ว่าคุณยังไม่เชื่อใจผม แต่ไม่เป็นไร เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างเอง นอกจากนี้ ผมเต็มใจที่จะเป็นทาส ดังนั้นผมจึงไม่สามารถทรยศได้อย่างแน่นอน ใช่ไหมล่ะ ผมจะพิสูจน์ความจงรักภักดีด้วยการกระทำ”
จากมุมมองของหลิวอี้เจา จางเว่ยอวี่และคนที่เหลือไม่ได้บอกถึงตัวตนของเขา เพราะกลัวว่าเขาจะทำอันตรายหลี่ว์ซู่ เขาทำแบบนี้ก็เพื่อปกป้องหลี่ว์ซู่…
หลังจากพูดจบ หลิวอี้เจาหันไปรอบๆ เพื่อมองหาหลี่ว์ซู่ จางเว่ยอวี่และคนอื่นที่เหลือก็หยุดเขาไม่ได้ เพราะสุดท้ายแล้ว พวกเขาก็เป็นแค่คนธรรมดา ในขณะที่หลิวอี้เจาเป็นยอดฝีมือระดับหนึ่ง
จางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ มองหน้ากัน “พวกเราควรทำยังไงต่อไป”
“มีอะไรอีกที่พวกเราจะทำได้” ตงเยี่ยพูดอย่างสิ้นหวัง “ตอนแรกพวกเราหลอกเขา ตอนนี้เขาเลยปฏิเสธที่จะเชื่อพวกเรา เขายังคิดอีกว่าเราสร้างเรื่องบังเอิญทั้งหมดขึ้นมาเพื่อปกป้องหลี่ว์ซู่ ตอนนี้พวกเราทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าฉันเป็นเขา ฉันก็จะไม่เชื่อเหมือนกันว่าเรื่องทุกอย่างเป็นแค่ความบังเอิญล้วนๆ แต่ทุกอย่างก็เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ …”
จู่ๆ ใครคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า “เดี๋ยวก่อน มีใครคิดไม่ว่าพวกเราก็แค่ไหลไปตามน้ำ และก็ปฏิบัติต่อหลี่ว์ซู่ในฐานะราชาองค์ใหม่ และผลักดันให้เขาเป็น ‘เกราะกำบัง’ ของพวกเรา เมื่อราชาองค์ใหม่ปรากฏตัว ก็จะไม่มีใครสังเกตหลี่ว์ซู่
จางเว่ยอวี่จริงจังขึ้นมาทันที “หุบปาก สงครามนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย อย่าทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องมาตาย! พวกนายทุกคนก็รู้ว่าหลี่ว์ซู่เป็นคนดีที่มีศักยภาพมหาศาล เรื่องของเราก็คือเรื่องของเรา พวกนายลืมบทเรียนที่ราชาแห่งทวยเทพองค์เก่าเคยบอกไว้แล้วเหรอ”
คนที่เพิ่งจะเเสดงความคิดเห็นก่อนหน้านี้พูดขึ้นว่า “ฉันผิดเอง ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว”