AST
บทที่1811 – ความหมายของชีวิตคืออะไร
เฉินหวงส่ายหน้า”ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเจ้าต่ำไป ตอนนี้ข้าคงต้องเป็นกังวลเรื่องของพวกเขาแทน”
สีหน้าการแสดงออกของเฉินหวงยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแต่ในใจของเธอรู้สึกประหลาดใจมาก เธอไม่เคยคิดเลยว่าชิงสุ่ยจะทรงพลังมากขนาดนี้
จินเฟิงก็ตกใจไม่ต่างกันแต่ในหัวของเขาคิดเพียงอย่างเดียว เขาจะต้องสังหารชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม มิฉะนั้นในอนาคตชายหนุ่มจะต้องแข็งแกร่งเกินกว่าตัวเขา และคงขโมยหญิงสาวที่เขาหมั้นหมายไปจากเขาเช่นกัน
”ข้ามันก็แค่คนหนังหนาไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลย”ชิงสุ่ยยิ้มตอบอย่างถ่อมตน เฉินหวงไม่พูดอะไรอีกในใจของเธอไม่รู้ว่าควรสุขหรือความทุกข์ เธอหวังเพียงแค่ว่าชิงสุ่ยจะต้องเติบโตและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และหวังเพียงว่าอัจฉริยะปีศาจตัวน้อยคนนี้ จะไม่กลับมาเป็นภัยคุกคามแก่เธอในภายหลัง
ในใจของเธอยังเชื่อมั่นเธอเชื่อว่าชิงสุ่ยนั้นแตกต่างจากศิษย์พี่ทั้งสองของเธอ
โฮ่วเฟิงและจินเฟิงจากไปโดยไม่พูดอะไร เฉินหวงจ้องมองชิงสุ่ยก่อนจะถอนหายใจ “10 ปีที่แล้ว ข้าเองก็ไม่รู้เหตุผล แต่คงเป็นเพราะความพ่ายแพ้ และอาการบาดเจ็บได้ฝังรากลึกเข้าไปในจิตใจของเขา เขากลายเป็นคนที่แตกต่างจากเด็กฉลาดเมื่อตอน 8 ขวบ อย่าโทษเขาเลย”
ชิงสุ่ยสายหน้า” ทำไมข้าต้องโทษคนอื่นด้วย? อย่าได้กังวล ข้ารู้ว่าควรทำอะไร”
”เขาเชื่อฟังคำพูดของข้าฉะนั้นในอนาคตเขาจะต้องได้มายุ่งเกี่ยวกับเจ้า อย่างไรก็ตามสำหรับจินเฟิง เจ้าจะต้องระวังให้ดี ชายคนนี้มีความสนิทสนมกับนิกายแดนดาบยักษ์ และเป็นคนที่บ้าบิ่นต่างจากนิสัยภายนอก เจ้าจะต้องระวังให้ดี ห้ามประมาท แล้วถ้าหากต้องเผชิญหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าข้าหรือแสดงความเมตตาอันใด”เฉินหวงกล่าวอย่างจริงใจ
”ข้าเข้าใจแล้ว”ชิงสุ่ยพยักหน้าก่อนหน้านี้เขาเองก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงจากตัวจินเฟิง ถ้าหากต้องเผชิญหน้าและเกิดเขาไว้ชีวิตจินเฟิง อนาคตเขาจะต้องกังวลไปตลอด ซึ่งมันก็เป็นดังที่เฉินหวงกล่าว ชายคนนี้บ้าบิ่น คนบ้าสามารถทำอะไรก็ได้ที่ตนเองต้องการ
ทั้งสองคนยังคงยืนอยู่กลางอากาศสายลมที่รุนแรงพัดกระพือเสื้อผ้าของทั้งสองให้ปลิวไสวไปตามสายลม ชิงสุ่ยยังคงจ้องมองไปที่หญิงสาวโฉมงาม ความงามอันน่าตกตะลึงที่ทำให้เขาหลงใหล
”โอ้ข้าลืมบอกไปเลยว่า โฮ่วเฟิงไม่ได้อยู่ในกลุ่มภาคีวิหคเพลิงอีกต่อไปแล้ว เจ้าก็น่าจะมองออก ด้วยสภาพที่เขาเป็น เขาคงไม่อาจควบคุมสถานการณ์ภายในภาคีของเขาได้”
”ถ้าเช่นนั้นตอนนี้ใครเป็นผู้ควบคุมภาคีวิหคเพลิง?”ชิงสุ่ยถามด้วยความสงสัย
”จินเฟิง”เฉินหวงกล่าวตอบ
ชิงสุ่ยเข้าใจในทันทีแม้ว่าเฉินหวงจะไม่อธิบายใดๆก็ตาม ในเมื่อภาคีวิหคเพลิงตกอยู่ในมือของจินเฟิง อะไรก็เกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็คิดถึงความเป็นไปได้ ถ้าหากเฉินหวงต้องการเข้าควบคุมภาคีวิหคเพลิง เธอคงทำมันได้โดยง่าย แต่มันจะต้องมีเหตุผลบางสิ่งบางอย่างที่เธอเลือกที่จะยืนอยู่จุดเดิม แล้วมันคือเหตุผลที่ชิงสุ่ยไม่รู้เช่นกัน
โฺฮ่วเฟิงยังคงอยู่ภายใต้ภาคีวิหคเพลิงเพียงแค่สถานะผู้ควบคุมของภาคีวิหคเพลิงได้ถูกเปลี่ยนมือไปสู่จินเฟิงโดยไม่มีใครทราบเหตุผล
”เจ้ายังทำใจไม่ได้หรือ?”ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากพิจารณาเหตุการณ์ชั่วครู่หนึ่ง ”ตัดใจได้หรือไม่ได้ในความรู้สึกของข้า จินเฟิงคนเดิมได้จากไปแล้ว”เฉินหวงมองไปยังเส้นขอบฟ้าขณะที่เธอถอนหายใจ
ชิงสุ่ยพยักหน้าจินเฟิงคนนี้คงแตกต่างจากคนที่เฉินหวงรู้จัก นั่นก็หมายความว่าจินเฟิงคนเดิมไม่มีตัวตนอยู่อีกแล้ว
”ไหนเจ้าก็มาที่นี่แล้วไม่พักอยู่ต่อสัก 2-3 วันหน่อยหรือ? ข้ารู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่อยากพูดคุยกับเจ้า”ชิงสุ่ยกล่าว
”เจ้าเป็นห่วงคนในครอบครัวของเจ้าใช่หรือไม่?”เฉินหวงกล่าวถาม
หญิงสาวคนนี้เป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดสูงเพียงแค่มองเธอก็รู้ว่าชิงสุ่ยกังวลสิ่งใด
”ใช่แล้วล่ะแต่ก็มีเรื่องอื่นด้วย”ชิงสุ่พยักหน้า
”ตกลง”
หลังจากที่ทั้งสองคนกลับลงสู่ตระกูลชิงสมาชิกตระกูลชิงก็ได้มารวมตัวกันและแนะนำตนเองให้เฉินหวงรู้จัก เฉินหวงพูดคุยกับทุกคนด้วยความสุภาพ ชิงสุ่ยสงสัยในใจว่าเฉินหวงชอบบรรยากาศครอบครัวแบบนี้หรือไม่
”ครอบครัวของเจ้าอบอุ่นเหลือเกินการที่ได้มีครอบครัวแบบนี้ ช่างเป็นความสุขอย่างแท้จริง”เฉินหวงมองดูสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ขณะที่เธอเดินตรงไปที่ลานกว้างพร้อมกับชิงสุ่ย
”ใช่แล้วล่ะสถานที่แห่งนี้คือดินแดนอันแสนบริสุทธิ์ที่คอยปลอบประโลมจิตวิญญาณของข้า ชีวิตของข้าเกิดขึ้นมาเพื่อปกป้องสถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตราบใดที่ข้ามีชีวิต ที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยความสุข ครอบครัวเท่านั้นที่มีความหมายกับข้า”ชิงสุ่ยยิ้ม
”อืมก็มีเพียงแค่ครอบครัวเท่านั้นแหละที่ทำให้เรารู้สึกว่าเรามีความหมาย ทุกคนแบ่งปันสิ่งต่างๆ ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานไปด้วยกัน แต่ถ้าหากคนผู้นั้นเลือกที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว ความหมายของชีวิตจะสูญสลายกลายเป็นเพียงแค่เถ้าถ่าน”เสียงของเฉินหวงฟังดูข้างหดหู่
”ทุกคนย่อมมีครอบครัวของตนเองเสมอและในใจของคนผู้นั้นก็ยังคงรักครอบครัวจากหัวใจ”ชิงสุ่ยเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
”อย่าได้กังวลเลยข้าจะช่วยเจ้าปกป้องสถานที่ที่เจ้ารัก นี่คือคำสัญญาที่ข้ามีให้เจ้า ข้าจะปกป้องมันด้วยชีวิตของข้า”เฉินหวงมองตรงไปที่ชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยค่อนข้างประหลาดใจในคำพูดของเธอเขาเองก็เป็นเพียงแค่คนที่เพิ่งเข้าร่วมกับกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ เฉินหวงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย
”ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอบคุณเจ้าจากใจ”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว
”ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอกข้าอยู่คนเดียวมาโดยตลอด นี่ก็นานมากที่ข้าไม่ได้รู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัว การได้เห็นภาพอันแสนสุขเช่นนี้ถือเป็นพรจากสวรรค์ ข้าควรจะขอบคุณเจ้าต่างหาก”เฉินหวงยิ้ม
ชิงสุ่ยเข้าใจความรู้สึกของเธอดูเหมือนเธอจะได้รับผลกระทบทางอารมณ์ นั่นคงเป็นเพราะอดีตเธอเองก็เคยมีครอบครัวแบบเดียวกับที่ชิงสุ่ยมี
”โอกาสในการสร้างครอบครัวยังมีอีกมากมายในอนาคตเจ้าเองก็จะมีครอบครัวเป็นของตน จะมีลูกน้อยน่ารักที่คอยสร้างความสุขให้กับเจ้า ถ้าหากเจ้าเห็นโอกาสก็จงคว้ามันเอาไว้ อย่าทำให้ชีวิตต้องเสียเปล่า”ชิงสุ่ยกล่าวราวกับกำลังบอกตัวเอง
”ความหมายของชีวิตคืออะไรกัน?”เฉินหวงจ้องมองไปที่ชิงสุ่ย
”ข้าเองไม่มีแม้แต่ญาติมิตรและความหมายของการอยู่คนเดียวคืออะไรกัน?”
ชิงสุ่ยคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าหญิงสาวผู้นี้จะยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวเธอไม่รู้แม้กระทั่งจุดหมายปลายทางของชีวิต แต่เธอก็ยังฟันฝ่าอุปสรรคโดยไม่ย่อท้อ