ร่างกายของตี้เสี่ยวอู๋นั้น..ในบรรดาเบญจธาตุทั้งห้า ธาตุทองกับธาตุดินของเขานับว่ามีความบริสุทธิ์ที่สุด ธาตุทองนั้นมีคุณสมบัติในการจู่โจม และธาตุดินนั้นมีคุณสมบัติในการป้องกัน..
แต่หลิงหยุนเลือกที่จะสอนวิชานู่เตาให้กับตี้เสี่ยวอู๋แทนวิชาที่บ่มเพาะธาตุทองและธาตุดินโดยเฉพาะ ก็ด้วยเหตุผลที่ว่าวิชานู่เตาเป็นวิชาที่ต้องอาศัยกระแสน้ำเป็นปัจจัยหลักในการฝึกฝน..
และในหลักของเบญจธาตุนั้น..ดินข่มน้ำ ส่วนทองนั้นก่อเกิดน้ำ
การที่ตี้เสี่ยวอู๋ใช้วิชานู่เตาซึ่งอาศัยกระแสน้ำในการฝึกนั้นจะช่วยให้ร่างกายของตี้เสี่ยวอู๋มีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก.. จึงเรียกดินข่มน้ำ
ในขณะที่วิชานู่เตาซึ่งใช้กระแสน้ำในการฝึกนั้นจะช่วยให้ตี้เสี่ยวอู๋มีพลังในการจู่โจมที่แข็งแกร่งรุนแรงยิ่งขึ้น.. จึงเรียกว่าทองก่อเกิดน้ำ
“พี่หยุน..ฮ่า.. ฮ่า..”
ทันทีที่ตี้เสี่ยวอู๋เห็นหลิงหยุนก็รีบกระโดดออกมาจากค่ายกลลวงตาทันที แล้วก็เอาแต่หัวเราะออกมาอย่างดีอกดีใจ
หลิงหยุนทำเสียงประชดประชัน“เป็นยอดฝีมือแล้วสินะ! แต่ฉันว่าตอนนี้นายไปจัดการตัวเองก่อนจะดีกว่า เปียกปอนไปหมดแล้ว!”
หลิงหยุนหันไปมองรอบๆตัวและพบว่าเวลานี้มีผู้คนออกมาออกันอยู่เต็มถนนพร้อมกับโวยวายเสียงดัง
“เกิดอะไรขึ้นจู่ๆ ทำไมในแม่น้ำถึงได้มีคลื่นแรงแบบนี้ทั้งที่ไม่มีลมพัด..”
“ตอนนี้ที่บ้านฉันน้ำท่วมมาจะถึงเข่าแล้ว..”อีกคนร้องตะโกนออกมา
หลิงหยุนได้แต่ยิ้มและรีบร้องตะโกนบอกเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดว่า “ลุงหวังครับ.. ช่วยไปบอกทุกคนด้วยว่า ผมจะให้ครอบครัวละหนึ่งล้านหยวนไม่ว่าจะได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมในครั้งนี้หรือไม่ก็ตาม!”
ลุงหวังถึงกับอ้าปากค้าง..รอบๆนี้มีบ้านอยู่กว่าเก้าสิบหลังคาเรือน หากหลิงหยุนจ่ายให้ครอบครัวละหนึ่งล้าน รวมแล้วก็เป็นเงินเกือบหนึ่งร้อยล้าน! แต่ถึงกระนั้นก็วิ่งออกไปพร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างดีอกดีใจ..
“พี่ใหญ่!”
หนิงหลิงยู่ถึงกับร้องเรียกหลิงหยุนออกมาอย่างตกใจแต่หลิงหยุนกลับยิ้มให้พร้อมกับตบบ่าหนิงหลิงยู่ และกระซิบเสียงเบา
“พี่ไม่ได้ให้เงินกับทุกคนเพราะว่าเธอทำให้เกิดปัญหาเพียงแต่ต้องการสร้างความทรงจำดีๆให้กับทุกคนก่อนที่เราจะไป..”
…….
ครั้งหนึ่งหลิงหยุนไปเยี่ยมเยียนหลี่หงเม่ยอย่างเป็นทางการและได้มอบบ้านหลังใหม่ให้กับเธอพร้อมกับเงินอีกสองล้าน หลี่หงเม่ยตื่นเต้นดีใจจนถึงกับทำการคาราวะหลิงหยุน..
หลิงหยุนไม่ได้ป่าวประกาศบอกผู้ใดแต่คนในแถบนั้นก็รู้อยู่ดี และข่าวก็แพร่สะพรัดออกไปอย่างรวดเร็ว ครั้งนั้นได้สร้างความอิจฉา และเสียดายให้กับเพื่อนบ้านคนอื่นๆ หลายคนได้แต่นึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้สร้างสัมพันธไมตรีกับนางฉินจิวยื่อ..
แต่มาครั้งนี้..หลิงหยุนแสดงความใจกว้างยิ่งกว่าครั้งก่อน เขาอาศัยโอกาสที่หนิงหลิงยู่ผ่านเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนจนเกิดน้ำท่วม ทำการมอบเงินให้กับเพื่อนบ้านที่อยู่รอบๆ คลินิกประชาชนของนางฉินจิวยื่อ เพราะทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนบ้านของเขามาร่วมสิบแปดปี..
จากความทรงจำที่ฟื้นคืนมาทำให้หลิงหยุนรู้ว่าตัวเองในอดีตนั้นปรารถนาที่จะตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเอง และเวลานี้เขาเองก็ได้รู้แล้วว่าตัวเองเป็นบุตรชายที่เกิดจากหลิงเสี่ยวกับธิดาพรรคมารคนก่อน อีกทั้งยังเป็นถึงนายน้อยสี่ของตระกูลหลิงในปักกิ่งอีกด้วย!
และนับจากนี้ไป..ชีวิตของเขาก็ไม่มีอะไรต้องข้องเกี่ยวกับเพื่อนบ้านบนถนนหลินเจียงนี้อีกแล้ว..
หลิงหยุนพร้อมที่จะย้ายจากเมืองจิงฉูไปปักกิ่งแต่ก่อนไปเขาต้องการที่จะทำบางสิ่งบางอย่างเสียก่อน..
หลิงหยุนโอบเอวหนิงหลิงยู่ไว้พร้อมกับจ้องมองเพื่อนบ้านที่คุ้นหน้าคุ้นตา และเวลานี้ทุกคนต่างก็กำลังกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ..
สายตาของเพื่อนบ้านเมื่อรู้ว่าจะได้รับเงินจากหลิงหยุนนั้นต่างก็จ้องมองเขาด้วยแววตาซาบซึ้งใจ และหลังจากนั้นทุกคนต่างก็นิ่งเงียบอยู่ในความสงบ เพราะรู้ว่าหลิงหยุนผู้มีจิตใจกว้างดั่งแม่น้ำคงมีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องการจะพูด..
“เพื่อนบ้านทุกท่าน..แม่ได้พาพวกเราสองคนพี่น้องมาอาศัยอยู่บนถนนเส้นนี้เป็นเวลานานหลายปี”
“ตอนนี้พวกเราสองพี่น้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยหยางจิงได้แล้วและอีกไม่นานจดหมายตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยก็คงจะมาถึง..”
“หลังจากนี้..พวกเราสองคนพี่น้องก็คงต้องเดินทางไปปักกิ่ง จึงต้องการมาที่นี่เพื่อร่ำลาเพื่อนบ้านทุกๆคน”
“แต่ดูเหมือนการมาของพวกเราสองพี่น้องได้สร้างความลำบากให้กับทุกท่านไม่น้อย พวกเราสองคนจึงต้องการมอบเงินชดเชยเล็กๆน้อยๆนี้ให้กับทุกท่าน ขอทุกท่านอย่าได้เกรงใจ..”
“พรุ่งนี้เช้า..ผมจะให้คนจัดการนำเงินไปให้ทุกท่านถึงที่บ้าน หวังว่าเงินจำนวนเล็กๆน้อยๆนี้ จะช่วยให้ทุกท่านผ่านพ้นความยากลำบากในชีวิตไปได้ และสามารถสร้างชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิมได้ ขอให้ทุกท่านใช้เงินจำนวนนี้ไปในทางที่ถูกที่ควร..”
หลิงหยุนพูดประโยคสุดท้ายจบแล้วก็หันไปมองหนิงหลิงยู่สองพี่น้องยิ้มให้กันโดยไม่ต้องพูดอะไร..
ฝูงชนต่างก็นิ่งเงียบกันไป..แต่หลังจากนั้นไม่นาน เสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มขึ้นอยู่ครู่ใหญ่ และเมื่อสิ้นเสียงปรบมือ ก็มีเสียงตะโกนเรียกหลิงหยุน
“หลิงหยุน..ฉันได้ข่าวมาว่าเธอได้คะแนนสอบเอนทรานซ์สูงสุดของจิงฉู เมื่อก่อนลุงหลิวเคยดูถูกเธอ วันนี้ลุงต้องขอโทษเธอจากใจจริงๆ!”
“หลิงหยุน..เมื่อก่อนหลานๆ ของฉันก็เคยข่มเหงรังแกเธอ วันนี้ป้าต้องขอโทษแทนพวกเขาด้วยจริงๆ!”
ในเวลานั้น..ทุกคนต่างก็พากันเอ่ยขอโทษหลิงหยุนในสิ่งที่เคยกระทำกับเขาไว้ในอดีต และต่างก็ซาบซึ้งในน้ำใจของหลิงหยุนอย่างที่สุด
หลิงหยุนกับหนิงหลิงยู่เพียงแค่ยิ้ม..ทุกอย่างเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้ว ทั้งคู่ต่างก็ปล่อยให้มันผ่านไป..
สองพี่น้องโบกมือร่ำลาทุกคนแล้วจึงเดินขึ้นไปบนรถ จากนั้นรถของทั้งคู่ก็ค่อยๆ เคลื่อนออกไปก่อนจะหายลับตาไปในที่สุด
…….
หลังจากที่ขึ้นไปบนรถแล้วหนิงหลิงยู่ก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า และดวงตาคู่สวยถึงกับเบิกโพลงพร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างตกใจ!
“โอ้โห..Missed Call เต็มไปหมดเลย!”
หนิงหลิงยู่เลื่อนดูหน้าจอและพบว่าไม่เพียง Missed Call เท่านั้น แต่ยังมีข้อความอีกมากมาย..
หนิงหลิงยู่เปิดข้อความที่ส่งมาจากเสี่ยวเม่ยหนิงขึ้นอ่าน
-พี่หลิงยู่..จดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยของพี่กับพี่หลิงหยุนส่งมาถึงที่บ้านแล้วนะ!–
หนิงหลิงยู่ร้องบอกหลิงหยุนด้วยความตื่นเต้นดีใจแต่หลิงหยุนกลับมีท่าทีสงบนิ่ง และพูดเพียงแค่สั้นๆ
“ไม่เห็นต้องตื่นเต้นเลย!พวกเราติดหนึ่งในสามของผู้ที่ได้คะแนนสอบสูงสุด มหาวิทยาลัยหยางจิงจะไม่รับได้ยังไงเล่า”
ถึงแม้ว่าหลิงหยุนจะพูดไปเช่นนั้นแต่ในใจกลับมีความสุขยิ่งนัก และคิดว่าในเมื่อตนเองกับหนิงหลิงยู่ได้จดหมายตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยหยางจิงแล้ว ฉีเสี่ยวชิง ฉางหลิง เฉิงเมี่ยน และคนอื่นๆ ก็คงจะได้รับแล้วเช่นกัน!
หลิงหยุนจึงรีบร้องสั่งให้ตี้เสี่ยวอู๋ขับรถกลับไปบ้านเลขที่-1ทันที!
เมื่อทุกคนเห็นหลิงหยุนกลับมาก็รีบวิ่งกรูกันออกจากห้องรับแขกทันที รวมทั้งบุรุษไปรษณีย์ที่รับผิดชอบในการส่งจดหมายด่วนลงทะเบียนในครั้งนี้ด้วย..
“เจ้าเด็กดื้อ..กว่าจะกลับมาได้ บุรุษไปรษณีย์รอเจ้ากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว!”
“แต่บัตรประชาชนของผมก็อยู่ที่ถังเมิ่งนี่!”หลิงหยุนร้องบอก
ถังเมิ่งสวนขึ้นมาทันที“พี่หยุน.. พี่ต้องเซ็นต์รับเอกสารด้วยตัวเอง!”
หลิงหยุนจัดการเซ็นต์รับเอกสารและเอ่ยขอโทษบุรุษไปรษณีย์ แต่บุรุษไปรษณีย์ตอบกลับมาด้วยความตื่นเต้นดีใจเสียยิ่งกว่า..
“ไม่เป็นไรๆนี่เป็นจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยหยางจิงถึงสองฉบับพร้อมๆกัน ผมส่งจดหมายมานานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่มีเรื่องน่ายินดีแบบนี้!”
“นี่ผมก็ต้องไปส่งจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยหยางจิงอีกหนึ่งฉบับในตัวเมือง..”บุรุษไปรษณีย์พูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น
หลิงหยุนรีบร้องถามออกไปทันทีว่าอีกฉบับนั้นเป็นของฉีเสี่ยวชิงใช่หรือไม่
เมื่อบุรุษไปรษณีย์ตอบกลับมาว่าใช่..เขาจึงนำบุรุษไปรษณีย์ไปพบฉีเสี่ยวชิงที่บ้านของเกาเฉินเฉินทันที!
นับจากคืนเกิดเหตุที่โรงแรมไคเฉวียนนั้นฉีเสี่ยวชิงและครอบครัวก็ได้มาอาศัยอยู่ที่บ้านของเกาเฉินเฉิน นอกจากช่วยแม่ของเธอทำงานบ้านแล้ว ฉีเสี่ยวชิงก็เอาแต่นั่งอ่านหนังสือ ไม่แม้กระทั่งจะเปิดทีวีดู และทุกคืนก่อนนอนก็จะต้องทำการลงบัญชีรายจ่าย และเขียนไดอารี่..
ฉีเสี่ยวชิงนั้นเป็นเด็กสาวที่มีความเคารพในตัวเองสูงมากคนหนึ่งแม้จะอาศัยอยู่บ้านที่หรูหราสุขสบาย แต่เธอก็ต้องการที่จะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านของตนเอง เพียงแต่ฉินตงเฉี่วยและคนอื่นๆต่างก็ไม่ยินยอม
เมื่อเป็นเช่นนี้..ฉีเสี่ยวชิงจึงต้องทำบัญชีรายจ่ายระหว่างที่เธออยู่ที่บ้านหลังนี้ไว้ เธอจดทุกอย่าง.. ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ และจิปาถะ เพื่อที่ในวันข้างหน้าเมื่อเธอมีรายได้ จะได้คืนกลับให้หลิงหยุนทั้งหมด..
จะว่าไปแล้ว..ความเข้มแข็งด้านจิตใจของฉีเสี่ยวชิงนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าหนิงหลิงยู่เลยแม้แต่น้อย!
ในไดอารี่ของฉีเสี่ยวชิงย่อมมีชื่อของหลิงหยุนบันทึกไว้เพราะเขาเปรียบเสมือนผู้มีพระคุณของเธอและครอบครัวที่จะต้องจดจำไว้ไม่ลืมเลือน และภาพของหลิงหยุนทุกอิริยาบถล้วนแล้วแต่ฝังแน่นลงไปในจิตใจของฉีเสี่ยวชิงอย่างยากที่จะลืมเลือนเช่นกัน..
นี่คือความรักอย่างนั้นหรือ
ฉีเสี่ยวชิงเฝ้าเขียนคำถามนี้ลงในไดอารี่ของตนเองนับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้เสียที!
หลังจากคืนที่เกิดพายุฝนและฟ้าผ่าอย่างหนักนั้นเช้าวันต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมบ้านเลขที่-1 ไว้เต็มไปหมด ทำให้ฉีเสี่ยวชิงรู้สึกเป็นกังวล แต่ก็คาดเดาว่าคงจะเกิดเรื่องที่ไม่ปกติขึ้นอย่างแน่นอน..
แต่เธอเองก็เคยได้ฟังเรื่องเหลือเชื่อของหลิงหยุนจากน้องสาวมาบ้างแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่หลิงหยุนแอบออกไปเขาเซียนเหยินหลิงในยามดึกๆดื่นๆ แม้แต่เรื่องของแวมไพร์ จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับเรื่องแปลกประหลาดเหลือเชื่อ..
หลังจากที่บุรุษไปรษณีย์จัดการส่งจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยหยางจิงให้กับทุกคนครบแล้วหลิงหยุนก็ได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับบุรุษไปรษณีย์เป็นสินน้ำใจอีกด้วย
……
จากนั้น..หลิงหยุนจึงชวนเกาเฉินเฉินออกไปขับรถเล่น เกาเฉินเฉินจึงเสนอให้ไปเยี่ยมครูกง และได้โทรชวนฉางหลิงไปด้วย
ระหว่างทางที่ขับรถไปรับฉางหลิงนั้นเกาเฉินเฉินจึงถามขึ้นว่า “เมื่อไหร่นายจะไปพาพี่เมิ่ยเฟิงกลับมา ฉันรู้ว่านายทุกข์ใจเรื่องนี้มาก!”
หลิงหยุนตอบกลับไปโดยแทบไม่ต้องคิด“รอให้ผมกลับไปปักกิ่งจัดการล้างบางตระกูลซันกับตระกูลเฉินให้เรียบร้อยก่อน แล้วหลังจากจัดการแก้ปัญหาของตระกูลเกาเสร็จสิ้นเรียบร้อย ผมก็จะไปรับเม่ยเฟิงกลับบ้าน!”
เรื่องของเฉิงเม่ยเฟิงนั้นนับว่าสร้างความเจ็บปวดใจให้หลิงหยุนไม่น้อยและหลังจากที่ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาฟื้นคืนกลับมา หลิงหยุนก็จะรีบไปนำตัวผู้หญิงของเขากลับทันที!
เวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ขั้นพลังชี่แล้วตราบใดที่วิชาทั้งหมดของเขาฟื้นคืนมา หลิงหยุนมั่นใจว่าเขาจะสามารถรับมือยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9 ได้ไม่ยาก และถึงตอนนั้นเขาจะสามารถบุกไปทำลายล้างตระกูลซันกับตระกูลเกาให้สิ้นซากได้ในทันที หลิงหยุนมั่นใจเช่นนั้น!
และหากเขาสามารถพาเฉิงเม่ยเฟิงกลับมาได้ในครั้งนี้เขาก็จะไม่ยอมให้ใครพรากเธอไปจากเขาได้อีก!
“หลิงหยุน..ฉันเกรงว่าหน่วยนภากับหน่วยมังกร คงจะไม่ยอมมองดูนายสังหารผู้คนของสองตระกูลเฉยๆแน่..”
เกาเฉินเฉินนั้นติดต่อกับเกาเทียนหลงอย่างสม่ำเสมอเมื่อได้ฟังว่าหลิงหยุนจะไปปักกิ่งอีกครั้งเพื่อจัดการล้างบางสองตระกูลใหญ่ก็ถึงกับเหงื่อตก..
แต่เมื่อคิดได้ว่า..แม้แต่โอรสพรรคมาร นักบวชจากเขาหลงหู่ และดยุคแดร๊กคูล่า ยังไม่มีใครสามารถทำอะไรหลิงหยุนได้ แม้กระทั่งทัณฑ์สวรรค์ที่น่ากลัวยังคร่าชีวิตของเขาไปไม่ได้ เธอยังจะต้องกังวลอะไรอีกอย่างนั้นหรือ
หลังจากนิ่งเงียบไปนาน..เกาเฉินเฉินจึงเปรยขึ้นมาว่า
“ดูเหมือนครูกงก็จะชอบนายมากเหมือนกัน..”
หลิงหยุนกำศิลากลั่นวิญญาณในมือซ้ายแน่นจากนั้นจึงหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับตอบไปว่า
“เสน่ห์ของผมไม่เบาเลยทีเดียวสินะ!”
เกาเฉินเฉินยิ้มงดงามพร้อมกับตอบไปอย่างเห็นด้วย“ก็ถ้านายเป็นผู้หญิง.. นายก็คงจะชอบตัวเองเหมือนกัน!”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง..
“นั่น..ฉางหลิงรออยู่ตรงนั้น!”
ทันทีที่ขึ้นรถได้..ฉางหลิงก็บ่นหลิงหยุนทันที “หลิงหยุน.. ฉันโกรธนายมากเลยนะ! หายหน้าหายตาไปเป็นสิบวัน แม้แต่โทรศัพท์มือถือก็ไม่ยอมเปิด..”
หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่าระหว่างที่เขานอนหลับใหลอยู่และภายใต้คำสั่งของฉินตงเฉี่วยนั้น ข่าวคราวของเขาไม่มีหลุดรอดออกไปใหนเลย เขาจึงไม่ต้องการอธิบายให้ฉางหลิงฟังมากมายนัก
“เฉินเฉิน..เธอก็เหมือนกัน! มือถือก็ปิด ถ้าฉันไม่โทรไปหาถังเมิ่งก็คงคิดว่าเธอกับหลิงหยุนแอบไปหาสถานที่เงียบๆฮันนีมูนกันแล้ว!”
เกาเฉินเฉินถึงกับหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดตรงไปตรงมาของฉางหลิงจากนั้นฉางหลิงก็พูดต่อว่า
“เฉินเฉิน..รีบไปกันดีกว่า ครูกงกำลังรอพวกเราอยู่ที่บ้าน!”
ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสามคนก็มาถึงหอพักของกงเสี่ยวลู่ หลิงหยุนจัดการกดกริ่งหน้าห้อง
“มากันแล้วเหรอเข้ามาสิ..”
กงเสี่ยวลู่ในชุดกระโปรงสีชมพูสง่างามเปิดประตูออกมาต้อนรับทั้งสามคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส..