ขอโทษ

 

 

 

“หลินหว่าน ที่คุณให้ผมจัดการกับเรื่องของเฉิงเฉิง หลายวันมานี้ ผมยุ่งซะหัวหมุนไปหมด แต่ตอนนี้ผมไม่เหลือความรู้สึกดีอะไรให้มันแล้ว มันต้องไม่ใช่คนดีเด่อะไร ไม่รู้ว่าแอบซุกเรื่องอะไรไว้ใต้พรมบ้าง แล้วเรื่องนี้ยังเกี่ยวกับเฉิงหมิงอีก เลยยิ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนเข้าไปกันใหญ่ ผมอยากให้คุณอยู่ห่างๆ จากมันไว้ อย่าเข้าไปหาเรื่องยุ่งใส่ตัวล่ะ” เซียวจิ่งสือนั่งหน้าเชิดอย่างถือดีอยู่บนโซฟา คอยปรายตามองดูหลินหว่านเป็นระยะ

 

 

หลินหว่านกวาดตามองเซียวจิ่งสือแวบหนึ่ง รู้สึกไม่สบายใจนัก เธอให้เขาไปสืบเรื่องข่าวฉาวของเฉิงเฉิง ตอนนี้เขากลับมานั่งตีไข่ใส่สีเฉิงเฉิงอยู่นี่ซะอย่างนั้น

 

 

หลินหว่านถอนใจยาวอย่างผิดหวัง จากนั้นหันมาพูดกับเซียวจิ่งสือว่า “คุณอย่าทำตัวเป็นเด็กไร้เหตุผลแบบนี้ได้ไหมคะ ทำไมคุณถึงชอบว่าเฉิงเฉิงลับหลังเขาอยู่เรื่อย เขาก็ไม่ได้ทำอะไรคุณสักอย่าง แล้วฉันก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนดีทีเดียวเลยนี่นะ คุณนี่ช่างเอาแต่ใจเสียจริงเลย”

 

 

หลินหว่านรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเซียวจิ่งสือไม่ชอบที่เธอกับเฉิงเฉิงสนิทกัน จึงมักจะพูดถึงเฉิงเฉิงในแง่ร้าย แต่ตอนนี้เป็นช่วงฉุกเฉิน เซียวจิ่งสือยังทำตัวไร้เหตุผลแบบนี้อีก ไม่เอาใจใส่กับเรื่องนี้แล้วยังจะพูดจาว่าร้ายเฉิงเฉิงเสียอีก ซึ่งมันทำให้หลินหว่านไม่พอใจอย่างมาก

 

 

“ผมพูดจาว่าร้ายเขา ผมใช้คำหยาบคายสักคำที่ไหน ผมแค่บอกให้คุณอยู่ห่างจากเขาไว้หน่อย ดูท่าว่าหมอนั่นจะไม่ใช่ใสซื่อบริสุทธิ์นักหรอก ผมก็แค่อยากให้คุณรักษาระยะห่างกับเขาไว้ ทำไมคุณต้องโมโหผมขนาดนี้ด้วยล่ะ” เซียวจิ่งสือเบิกตากว้างจ้องหน้าหลินหว่านพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

 

หลินหว่านยิ่งอึดอัดใจสุดๆ ทำไมคำพูดของเธอเซียวจิ่งสือจึงฟังไม่เข้าใจอยู่เรื่อยเลยนะ แล้วยังมักจะทำให้เธอขุ่นใจอยู่เรื่อย ตอนนี้เฉิงเฉิงต้องตกอยู่ในสภาพนี้แล้วเขายังมาพูดจาซ้ำเติมเฉิงเฉิงอยู่อีก

 

 

“เซียวจิ่งสือคะ คุณอย่าดื้อนักเลยได้ไหมคะ แล้วก็อย่าเอาแต่ใจด้วย ฉันไม่มีอารมณ์จะโต้แย้งอะไรกับคุณหรอก ถ้าคุณไม่อยากช่วยเขาก็บอกมาตรงๆ เถอะค่ะ” หลินหว่านพูดอย่างโมโห

 

 

เซียวจิ่งสือมองหลินหว่านตาค้าง เขาไม่คิดเลยว่าหลินหว่านจะโมโหขนาดนี้ ยิ่งเพราะเฉิงเฉิงอีก มันทำให้เซียวจิ่งสือเดือดปุดๆ แต่ไม่กล้าปะทะกับหลินหว่านที่กำลังโกรธจึงได้แต่นั่งหน้าบูดอยู่ด้านข้าง คอยเหลียวมองหลินหว่านเป็นระยะ ขณะที่นึกบ่นน้อยใจอยู่บ้าง

 

 

หลินหว่านก็ไม่อยากจะคุยกับเซียวจิ่งสือให้มากเรื่องอีก จึงผละจากไป

 

 

หลินหว่านกับอวิ๋นซีไปที่กองถ่าย เธอยังกลัวที่จะพบหน้าซวี่กวงอยู่บ้าง หลินหว่านไม่อยากเจอใบหน้าที่เย็นชาหมางเมินนั่น ทั้งนึกถึงที่ตัวเองล่วงเกินซวี่กวงแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ

 

 

“อวิ๋นซี ฉันว่าจะไปขอโทษผู้กำกับซวี่กวงนะ ถึงอย่างไรก็ต้องอยู่ในกองถ่ายอีกนานมากอยู่ คงให้เขามาตั้งป้อมกับฉันต่อไปไม่ได้หรอก ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันคงรู้สึกเหนื่อยใจมากเลย” หลินหว่านมองอวิ๋นซีด้วยสายตาคาดหวัง

 

 

ตอนนี้หลินหว่านรู้สึกลำบากใจจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จึงจะช่วยให้ความสัมพันธ์ของเธอกับซวี่กวงดีขึ้น ถ้าหากเธอรวบรวมความกล้าเข้าไปพูดขอโทษแล้ว ซวี่กวงยังเฉยชากับเธอจะทำอย่างไรดี แต่ถ้าไม่ขอโทษ ซวี่กวงก็อาจเกลียดขี้หน้าหลินหว่านไปเลยก็ได้

 

 

“ผู้กำกับซวี่กวง? เธอหมายถึงเรื่องที่เคยเล่าให้ฉันฟังนะเหรอ เขาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้นหรอกน่า เธอก็แค่พูดโดยไม่ตั้งใจเท่านั้นเอง หรือเขายังจะเลือกปฏิบัติกับเธอเพราะเรื่องนี้หรือไง เขาเป็นถึงผู้กำกับชื่อดังของวงการบันเทิงเชียวนะ ไม่น่าจะทำกับนักแสดงแบบนี้เพราะเรื่องเล็กนิดเดียวแค่นี้หรอกน่า บางทีเธออาจจะคิดมากไปเองก็ได้นะ” อวิ๋นซีพูดปลอบหลินหว่าน

 

 

หลินหว่านคอตกมองอวิ๋นซีอย่างท้อใจ รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เธอเป็นเด็กสาวที่ค่อนข้างไวต่อความรู้สึก ปกติถ้ามีคนคิดกับเธอผิดแปลกไปหรือเกลียดเธอ หลินหว่านจะรู้สึกตัวได้ทันที ซึ่งหลินหว่านรู้สึกได้ว่าผู้กำกับซวี่กวงค่อนข้างถือสากับเรื่องนี้

 

 

“ฉันรู้สึกได้ ไม่ผิดหรอก ช่างเถอะ ฉันว่าจะไปขอโทษล่ะ ยังต้องอยู่ในกองถ่ายอีกตั้งนาน แล้วผู้กำกับซวี่กวงยังเป็นที่นับหน้าถือตาในวงการบันเทิงอีก ฉันทำให้เขาโกรธไม่ได้หรอก” หลินหว่านพูดน้ำเสียงจริงจัง

 

 

“งั้นเธอก็ไปเถอะ ขอให้โชคดีนะ เธอก็อย่ากังวลใจไปเลย ฉันเชื่อนะว่าผู้กำกับซวี่กวงต้องยอมรับคำขอโทษของเธอ” อวิ๋นซีพูดด้วยรอยยิ้ม ตบบ่าหลินหว่านอย่างปลอบโยน

 

 

หลินหว่านรวบรวมความกล้ามายืนตรงหน้าผู้กำกับซวี่กวง เธอเห็นว่าผู้กำกับซวี่กำลังยุ่งจึงไม่เข้าไปรบกวน ยืนรอเขาที่ด้านข้างอยู่พักหนึ่ง

 

 

ซวี่กวงเหมือนจะเห็นหลินหว่านแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากกับเธอสักคำ

 

 

หลินหว่านเห็นว่าผู้กำกับซวี่กวงวางมือจากงานแล้วจึงเดินเข้าไปหาอย่างขัดเขินอยู่บ้าง

 

 

“ผู้กำกับคะ สวัสดีค่ะ” หลินหว่านยิ้มน้อยๆ พลางยื่นมือออกเพื่อจับมือทักทายกับซวี่กวง

 

 

ซวี่กวงยังคงมีสีหน้าเย็นเฉียบจนเป็นน้ำแข็ง แต่เขายังจับมือทักทายกับหลินหว่านตามมารยาท

 

 

“ผู้กำกับคะ ต้องขอโทษด้วยเรื่องเมื่อคราวก่อนนะคะ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ทราบว่าคุณจะถือที่พูดถึงคุณอันลั่วเฉิงขนาดนั้น ต่อไปฉันจะระวังค่ะ ขอให้คุณสบายใจได้เลย ครั้งนี้ต้องขอโทษอย่างมากจริงๆ ค่ะ หวังว่าผู้กำกับจะยกโทษให้ฉัน ได้ไหมคะ” หลินหว่านพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ

 

 

ซวี่กวงยิ้มบางๆ ออกมาในที่สุด เขามองหลินหว่าน ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ชี้มือไปที่เก้าอี้ที่ด้านหนึ่งเป็นทีให้หลินหว่านนั่งลง

 

 

หลินหว่านรู้สึกเหมือนจะลอยได้อยู่บ้าง แต่ก็ยังนั่งลงโดยดี ในใจผ่อนคลายอย่างโล่งอก

 

 

“คุณก็รู้จักชื่อเสียงของอันลั่วเฉิงในวงการบันเทิง คุณเห็นว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง คุณรู้สึกว่าเขามีความสามารถไหม” ซวี่กวงถามเสียงเบา ขณะที่ดวงตามองไปข้างหน้า

 

 

หลินหว่านรู้สึกเหลือเชื่อ ตอนแรกผู้กำกับซวี่กวงไม่อยากให้คนอื่นพูดถึงอันลั่วเฉิงไม่ใช่หรือไง ตอนนี้ตัวเขากลับพูดเสียเอง ทั้งยังพูดเหมือนไม่มีอะไรอีก หลินหว่านรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ไม่รู้ว่าผู้กำกับซวี่กวงคิดอะไรอยู่กันแน่

 

 

หลินหว่านฟังคำถามของซวี่กวงแล้ว ไม่เข้าใจว่าเขาพูดประโยคนี้หมายความว่าอะไร ไม่รู้ว่าเขาชอบหรือเกลียดอันลั่วเฉิงกันแน่ ต้องตอบอย่างไรจึงจะทำให้ภูเขาน้ำแข็งนี่พอใจได้นะ

 

 

หลินหว่านตอบอย่างรักษาท่าทีว่า “ในเมื่อเขาเป็นรุ่นพี่ในวงการบันเทิง ฉันก็ควรจะเรียนรู้จากรุ่นพี่ ฉันไม่กล้าวิจารณ์คนอื่นหรอกค่ะ”

 

 

ซวี่กวงดูเหมือนจะพอใจกับคำตอบของหลินหว่าน เขายิ้มบางๆ ออกมาในที่สุด เงยหน้าขึ้นมองหลินหว่านทีหนึ่ง

 

 

หลินหว่านถอนใจอย่างโล่งอก ในเมื่อเลือกแล้วที่จะเป็นบุคคลของสาธารณชน เธอต้องระวังทุกคำพูดและทุกการกระทำให้มาก เมื่อก่อนหลินหว่านถูกให้ร้ายบนอินเทอร์เน็ตอยู่นาน เธอจึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าคนเราสมัยนี้พูดผิดเพียงคำเดียวก็อาจต้องเจอกับปัญหาที่ตามมาอีกเป็นพรวน ดังนั้นเธอจึงจำต้องปรับเปลี่ยนเป็นระมัดระวังตัวอย่างมาก แม้แต่จะพูดก็ต้องคิดพิจารณาเสียก่อน

 

 

ซวี่กวงพูดด้วยเสียงนุ่มลึกว่า “ช่วงนี้อัลบั้มใหม่ของอันลั่วเฉิงมีเพลงอยู่เพลงหนึ่งกำลังหาตัวนักร้องหญิงมาร้องคู่ด้วย คุณอยากจะร่วมงานกับเขาไหม นี่เป็นโอกาสดีทีเดียว คนมากมายที่ได้แต่วาดหวังเท่านั้น ถ้าหากคุณตกลง ก็ลองไปทดสอบดูได้ อย่างไรเสียโอกาสนี้ก็ไม่ได้มาง่ายนัก”

 

 

หลินหว่านดีใจจนลืมตัวจ้องมองซวี่กวงด้วยสายตาที่บอกว่าเหลือเชื่อ พวกเขานึกถึงโอกาสที่ดีขนาดนี้ แล้วยังให้เธอไปด้วย นี่นับเป็นโอกาสดีที่หาได้ยากสุดๆ ของหลินหว่านเลยทีเดียว และเธอก็มีความสุขกับการร้องเพลงเสียด้วย