ตอนที่ 286 พูดเหลวไหล / ตอนที่ 287 ไว้ใจ

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 286 พูดเหลวไหล

 

 

อันกุ้ยเฟยจงใจจะเล่นงานถังเฉียน แต่ถังเฉียนนึกถึงคำพูดเช่นนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว นางรู้ว่าอันกุ้ยเฟยย่อมไม่ยอมปล่อยโอกาสที่กำจัดตนซึ่งเป็นเหมือนหนามยอกอก นางจึงเตรียมพร้อมก่อนแล้ว เมื่อได้ฟังการเค้นถามเช่นนี้นางจึงตอบอย่างสงบนิ่งว่า

 

 

“อาหรูน่าทูลแนะนำว่าระยะนี้ฝ่าพระบาทไม่ควรเสด็จไปยังจวนมหาเสนาบดีเพคะ แม้แต่คนที่เคยไปที่จวนทางที่ดีก็ไม่ควรมาปรากฏตัวเบื้องหน้าพระพักตร์ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคติดต่อมาถึงพระองค์ ย่อมไม่ดีแน่นอน เวลานี้ต้องสั่งปิดจวนมหาเสนาบดีไว้ รออีกเจ็ดวันโรคไม่กำเริบแล้วจึงจะได้เพคะ”

 

 

เจ็ดวัน?

 

 

อันกุ้ยเฟยจ้องมองถังเฉียนแล้วพูดว่า

 

 

“แล้วเหตุใดเจ้ากล้ามาเข้าเฝ้า ฝ่าพระบาททรงขับไล่หมอผีนางนี้ออกไปเร็วเถอะ นางคิดจะทำร้ายฝ่าพระบาทเพคะ”

 

 

ถังเฉียนนึกนับถือที่อันกุ้ยเฟยพูดจากลับขาวเป็นดำอย่างไม่รู้จักละอายใจ คำพูดก่อนและหลังช่างขัดแย้งกันมาก

 

 

“ฝ่าพระบาท อาหรูน่ามีเทพแมลงปีศาจคอยคุ้มครอง ไม่เคยถูกสิ่งโสมมสัมผัสตัว ทรงวางพระทัยเถอะเพคะ อาหรูน่าคือทูตของเทพเจ้า เลือดหม่อมฉันสามารถรักษาชาวบ้านนับหมื่น มีความพิเศษเหนือผู้ใดเพคะ”

 

 

ถังเฉียนจงใจกราบทูลให้ตัวเองมีความร้ายกาจ นางสังเกตดูฮ่องเต้ระยะนี้นางไม่มีอันตรายถึงชีวิต นางสามารถยกตัวเองให้สูงได้ มีแต่ทำเช่นนี้ฮ่องเต้จึงจะเห็นว่านางแตกต่างจากคนทั่วไป แล้วทรงให้นางอยู่ข้างพระวรกาย

 

 

“ฝ่าพระบาท อย่าทรงเชื่อที่นางพูดเหลวไหล เป็นการหลอกลวงนะเพคะ”

 

 

ถังเฉียนไม่พูดอะไร แต่ฮ่องเต้ไม่ทรงโง่งม

 

 

“กุ้ยเฟยเหนื่อยแล้วก็กลับไปพักก่อนเถอะ มหาเสนาบดีป่วย กุ้ยเฟยต้องส่งคนไปดูแลบ้าง”

 

 

นับตั้งแต่ที่ถังเฉียนมาถึงเจาหยาง ฮ่องเต้ทรงใส่พระทัยต่ออันกุ้ยเฟยน้อยลง ทุกคนเชื่อว่าพระองค์ทรงเบื่อหน่ายต่ออันกุ้ยเฟยบ้างแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพระองค์จะมีความทรงสนพระทัยต่อหมอผี

 

 

ฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชาให้ทุกคนออกไปจากตำหนัก อยากทอดพระเนตรนางตามลำพัง นางกลับไม่รังเกียจ แต่เหล่าขุนนางกลับกลัวว่าถังเฉียนจะทำร้ายพระองค์

 

 

“ฝ่าพระบาท ที่จริงพระองค์ไม่จำเป็นต้องทรงวิตก ถ้าถังเฉียนจะลงมือจริงๆ แค่ขว้างขวดยาพิษขวดนี้ลงบนพื้น ทุกคนในห้องนี้จะต้องตายทันที ถังเฉียนเป็นหมอผี เรียนรู้ทั้งวิชาเวทย์และวิชาแพทย์ ล้วนใช้เพื่อช่วยเหลือคนเพคะ”

 

 

ถังเฉียนเคยใช้เลือดตนเองร่วมกับเถิงเสวี่ยช่วยชาวบ้านหนานเจียงนับไม่ถ้วน เป็นเรื่องที่คนมากมายรับรู้ ดังนั้นคนเหล่านั้นจึงยกย่องว่านางเป็นหมอที่มีจิตใจเมตตา ไม่มีใครมองว่านางทำร้ายชาวบ้าน

 

 

ฮ่องเต้ทรงใช้พระราชอำนาจอย่างเฉียบขาด ไม่ทรงปล่อยให้เหล่าขุนนางมีโอกาสทูลขออยู่ต่อ มีพระบัญชาให้ทหารราชองครักษ์พาพวกเขาออกไปนอกตำหนัก คนที่เชื่อฟังยอมออกไปเอง ใครที่ไม่เชื่อฟังก็ถูกทหารราชองครักษ์คุมตัวออกไป ในตำหนักจึงเหลือเพียงฮ่องเต้กับถังเฉียน พระองค์กลับทรงรู้สึกคลายความกังวลลงแล้วทรงถอนหายใจ จากนั้นจึงตรัสกับถังเฉียนอย่างอ่อนโยน

 

 

“เวลานี้เหลือเพียงข้ากับเจ้าเท่านั้น ถอดหน้ากากออกให้ข้าดูหน้าหน่อยได้หรือไม่”

 

 

ถังเฉียนจับขอบหน้ากากไว้ ที่จริงนางลังเลมาก นางรู้ว่าฮ่องเต้ไม่เคยทอดพระเนตรเห็นนางมาก่อน แม้กระทั่งในเมืองหลวงนอกจากที่บ้านสกุลถังและหวังหยวนแล้ว ไม่มีใครเคยเห็นนาง แต่นางยังคงกังวล เพราะคราวก่อนเรื่องผู้คุมยังคงเป็นบทเรียนสำหรับนาง ขอเพียงมีการเปิดเผยครั้งแรกย่อมต้องมีครั้งที่สอง ฐานะของนางต้องถูกคนชั่วรู้ไม่ช้าก็เร็ว

 

 

ที่ผ่านมาที่หนานเจียงแม้ว่านางจะกลัว แต่สุดท้ายท่านอ๋องก็ยกโทษที่นางโกหก นั่นเป็นเพราะนางมีบุญคุณช่วยชีวิตฉู่จิ่งเหยาไว้ ทั้งยังไม่ใช่เพียงครั้งเดียว แต่สำหรับฮ่องเต้แล้ว พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ได้รับการเคารพสูงสุดในแผ่นดิน จะทรงยอมให้ใครหลอกลวงพระองค์หรือ

 

 

 

 

ตอนที่ 287 ไว้ใจ

 

 

“ทูลฝ่าพระบาท ไม่ใช่อาหรูน่าจงใจไม่ยอมเปิดเผยใบหน้าตนเอง แต่อาหรูน่าเป็นคู่หมั้นของเถิงเฟิง เถิงเฟิงคือว่าที่หัวหน้าผู้บวงสรวงแห่งเผ่าพีส่า ฝ่าพระบาท พระองค์อาจจะไม่ทรงทราบว่าเผ่าพีส่ายึดมั่นเรื่องผัวเดียวเมียเดียวตลอดมา ชั่วชีวิตของอาหรูน่าคือคนของเถิงเฟิง เพื่อความบริสุทธิ์ของหม่อมฉัน หม่อมฉันต้องสวมหน้ากากตลอดชีวิต จะเผยใบหน้าตนเองต่อหน้าสามีหม่อมฉันเท่านั้นเพคะ”

 

 

เมื่อถังเฉียนทูลเช่นนี้แล้ว ฮ่องเต้จึงไม่สะดวกที่จะบังคับนาง แต่ความคิดที่อยากเห็นใบหน้านางกลับรุนแรงขึ้น

 

 

“ข้าคือเจ้าแผ่นดิน แต่กลับไม่สามารถสั่งเด็กสาวอย่างเจ้าได้เช่นนั้นหรือ”

 

 

ที่ตรัสเช่นนี้แสดงว่าพระองค์ทรงกริ้ว แต่ถังเฉียนต้องยืนกราน

 

 

“ฝ่าพระบาทเพคะ อาหรูน่าไม่ใช่หญิงงามอะไร หน้าตาก็แค่พื้นๆ ที่สามารถแต่งกับว่าที่หัวหน้าผู้บวงสรวงก็ถือว่าเป็นบุญวาสนาของหม่อมฉันแล้ว ถ้าเพราะวันนี้อาหรูน่าเผยใบหน้าที่แท้จริงของตนเองเบื้องหน้าพระพักตร์ แล้วถูกยกเลิกการแต่งงาน อาหรูน่าต้องเศร้าใจมาก ถึงตอนนั้นคงไม่สามารถทุ่มเทจิตใจรับใช้ฝ่าพระบาทได้เต็มที่เพคะ”

 

 

ที่ถังเฉียนพูด ที่สุดแล้วก็แค่ใบหน้าของหญิงคนหนึ่ง ชั่วชีวิตฮ่องเต้ทรงเห็นใบหน้าผู้หญิงนับไม่ถ้วน เคยทอดพระเนตรโฉมสะคราญทั่วแผ่นดินมามากมาย แต่ที่ถังเฉียนพูดกลับยิ่งทำให้พระองค์ทรงอยากทอดพระเนตรใบหน้านางยิ่งขึ้น ฮ่องเต้เป็นคนที่ชอบเอาชนะ ถังเฉียนจำได้ว่าบิดาเคยบอกว่าถ้าฮ่องทรงต้องการอะไร ไม่มีที่พระองค์จะไม่ได้ แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ถังเฉียนก็ยิ่งยอมให้พระองค์สมพระทัยง่ายๆ ไม่ได้

 

 

“เด็กสาวอย่างเจ้า คารมคมคายจริงนะ มิน่าอันกุ้ยเฟยจึงไม่ชอบเจ้า ต่อให้นางสองคนก็ไม่อาจเทียบเจ้าได้ เจ้าทำให้คนรู้สึกลึกลับ”

 

 

ถังเฉียนยิ้ม มือที่แตะที่หน้ากากค่อยๆ ลดลง จากนั้นจึงทูลว่า

 

 

“อาหรูน่าเป็นแค่สามัญชน ถ้าสามารถเป็นที่ต้องพระเนตรที่เฉียบคมของฝ่าพระบาท ย่อมถือเป็นบุญวาสนาของหม่อมฉัน และเป็นการอวยพรแห่งเทพแมลงปีศาจ เพราะพระองค์ทรงเป็นบุญวาสนาสูงสุดของเหล่าประชาราษฎร์ อาหรูน่ารู้สึกยินดีที่สามารถถวายการรับใช้ด้วยความจงรักภักดีเพคะ”

 

 

ถังเฉียนทูลเช่นนี้ทำให้ฮ่องเต้แย้มพระสรวลอย่างพอพระทัย เลิกใส่พระทัยว่าจะทรงเห็นหน้านางหรือไม่ นางถวายบันไดให้พระองค์ก้าวลงอย่างสง่างาม

 

 

นับว่านางฉลาด เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วฮ่องเต้จึงทรงเลิกล้มความคิดที่จะทอดพระเนตรใบหน้านาง แต่นางเข้าใจดี นี่แค่วันนี้เท่านั้น ฮ่องเต้ยังไม่ทรงเข้าพระทัยนาง ถ้าวันหนึ่งทรงรู้นิสัยนางแล้ว เกรงว่าจะไม่ทรงปล่อยนางง่ายๆ เช่นนี้

 

 

ถังเฉียนทูลอธิบายเบื้องหน้าพระพักตร์ว่าเพราะเหตุใดนางจึงอาละวาดที่จวนมหาเสนาบดี ตอนนั้นนางทูลให้ตนเองดูน่าสงสาร ส่วนฮ่องเต้จะทรงเชื่อมากน้อยแค่ไหน นางไม่อาจใส่ใจ

 

 

แต่เมื่อถังเฉียนทูลเรื่องนี้ออกไปแล้ว ฮ่องเต้จะทรงเชื่อหรือไม่ก็ตาม อย่างไรก็ต้องทรงมีพระราชวินิจฉัย

 

 

“เรื่องที่จวนมหาเสนาบดีนั่น ไม่อาจพิสูจน์ว่าเป็นฝีมือเจ้า ข้าย่อมไม่ประหารเจ้า แต่ในเมื่อเจ้ารักษาให้หายได้ข้าก็ย่อมให้รางวัลเจ้า”

 

 

ที่ตรัสเช่นนี้กลับไม่แปลก แต่ตรงไปตรงมากว่าที่นางคิดไว้ ถ้าไม่ใช่ถึงเวลาที่จำเป็นต้องใช้นางจริงๆ ฮ่องเต้จะทรงปล่อยนางง่ายๆ หรือ เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงมหาเสนาบดี…

 

 

ถังเฉียนคิดทบทวน แล้วรู้สึกว่าฮ่องเต้ไม่ทรงจำเป็นต้องประหารนาง แต่เงื่อนไขเบื้องต้นคือฮ่องเต้จะทรงสามารถใช้นางเป็นประโยชน์หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น แต่ฮ่องเต้ไม่ได้ทรงหยั่งเชิงดู หรือแม้แต่ให้นางสาบาน ความสงบเช่นนี้กลับทำให้ถังเฉียนรู้สึกว่าหลังจากนี้จึงจะเป็นแผนร้ายที่ยิ่งใหญ่

 

 

ทำให้ฮ่องเต้ทรงเชื่อฐานะของนางคือจุดมุ่งหมายของถังเฉียนที่มาเข้าเฝ้าวันนี้ เพราะนางอยากกลายเป็นคนของฮ่องเต้ มีแต่การที่นางกลายเป็นคนของพระองค์เท่านั้น จึงจะสามารถเข้าออกวังหลวงได้สะดวก จึงจะสืบรู้ได้ว่าใครที่ทำร้ายครอบครัวนาง