บทที่ 632 ขอให้แม่ทัพใหญ่อุทิศชีวิต

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 632 ขอให้แม่ทัพใหญ่อุทิศชีวิต
ขณะที่แม่ทัพใหญ่เซียวยังคงลังเลอยู่ กู้ชูหน่วนก็กล่าวต่อ

“ท่านเป็นแม่ทัพใหญ่อยู่ในสนามรบ เชื่อว่าแม้ร่างกายจะมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ แต่ท่านก็ยังคงสามารถสังเกตได้อยู่สินะ? ตรวจสอบกากชา หากว่าไม่มียาพิษก็จะดีที่สุด หากว่ามีพิษ ก็จะได้รีบรักษาตั้งแต่เนิ่นๆถูกหรือไม่?”

“แม้จะไม่รู้ว่าทำไมท่านถึงได้จงเกลียดจงชังข้าเพียงนี้ แต่ตั้งแต่ข้ารู้จักท่านก็ไม่ได้มีความแค้นเคืองอะไรต่อกัน และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำร้ายท่าน หากว่าคิดจะทำร้ายท่าน ก็ยิ่งจะไม่ให้ท่านตรวจสอบชา”

“แม่ทัพใหญ่ไม่เชื่อข้าก็ได้ แต่ท่านเป็นเสาหลักของแคว้นเย่ ก็ควรจะรักษาสุขภาพของตัวเองเพื่อนแคว้นเย่ใช่หรือไม่”

“ให้คนมา ไปเชิญหมอเฉิน หมอหม่ามา อย่าทำให้ผู้คนแตกตื่น และห้ามเผยแพร่ข่าวสาร”

“ขอรับ”

หมอเฉินและหมอหม่าติดตามแม่ทัพใหญ่เซียวมาหลายปี เป็นหมอทหารที่เขาไว้ใจที่สุด เพราะว่าแม่ทัพใหญ่เซียวขึ้นสนามรบมักจะได้รับบาดเจ็บอยู่เสมอ ดังนั้นหมอทั้งสองท่านนี้จะอยู่ในจวนแม่ทัพตลอด เพื่อจะได้รักษาบาดแผลให้เขาได้ทุกเวลา

ไม่ช้าหมอทั้งสองท่านก็มาที่ห้องหนังสือแล้ว ได้ตรวจสอบชาต่อหน้าแม่ทัพใหญ่เซียวและกู้ชูหน่วนด้วยตัวเอง

เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยาม หมอทั้งสองท่านก็ตกใจอย่างฉับพลัน

“ท่านแม่ทัพ ชานี้ผสมกับยาสมุนไพรที่ตีกันอยู่หลายชนิด เป็นยาพิษชนิดเรื้อรังนะขอรับ”

“ใช่ขอรับ สมุนไพรเหล่านี้มีสรรพคุณทางยาที่คล้ายคลึงกัน พวกข้าน้อยได้ทำการตรวจสอบซ้ำอยู่หลายครั้งกว่าจะตรวจสอบออกมาได้ ท่านแม่ทัพ หมู่นี้ที่สุขภาพของท่านไม่ดี เป็นไปได้ที่สุดที่จะเกิดจากชานี่ขอรับ”

“พวกเจ้ามั่นใจ? อาจจะตรวจผิดไปก็ได้?”

“เป็นไปไม่ได้ขอรับ พวกเราตรวจสอบหลายครั้งแล้ว เป็นยาพิษชนิดเรื้อรังอย่างไม่ต้องสงสัยขอรับ เพราะข้าน้อยไร้ความสามารถ คิดไม่ถึงว่าจะสังเกตไม่ได้ว่าชามียาพิษ หากว่า……หากว่าแม่ทัพยังดื่มอีกครึ่งเดือน เกรงว่า…..เกรงว่าพิษก็จะโจมตีเข้าสู่หัวใจแล้วขอรับ”

หมอทั้งสองท่านคุกเข่าลงไปทันที “ท่านแม่ทัพ แม้ว่าท่านจะโดนยาพิษอย่างหนักมาก แต่ก็ยังสามารถสู้ได้ เพียงแต่วิทยายุทธทั้งตัวของท่าน กลัวว่าจะต้องสูญสิ้นทั้งหมดแล้ว อีกทั้ง……อีกทั้งยังเป็นไปได้ที่จะเป็นอัมพาตครึ่งซีก กระทั่งมีชีวิตตกอยู่ในอันตรายขอรับ”

สีหน้าของแม่ทัพใหญ่เซียวซีดขาวทันที ในตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของหมอสองคน หรือเพราะอะไร

เขาโบกมืออย่างอ่อนแรง ให้หมอทั้งสองถอยไป ทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง “เรื่องนี้ ไม่ว่าผู้ใด ก็ห้ามเปิดเผยเด็ดขาด”

“ขอรับ……”

กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “แม่ทัพใหญ่ไม่จำเป็นต้องกังวล พิษนี้ข้าสามารถแก้ได้ ไม่ทำให้ท่านเป็นอัมพาตครึ่งซีก และไม่ทำให้ท่านเสียชีวิตอีกด้วย”

“แต่วิทยายุทธของข้าทั้งหมด จะสูญสิ้นใช่หรือไม่?”

กู้ชูหน่วนไม่ได้พูด

เขาถูกวางยาพิษมานานเกินไป แม้ว่าจะเป็นยาพิษชนิดเรื้อรัง แต่กลับมีอัตราการแพร่กระจายในร่างกายอย่างบ้าคลั่ง

แม่ทัพใหญ่เซียวยิ้มอย่างขมขื่น กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าโดนยาพิษมานานแค่ไหนแล้ว?”

“น่าจะ……ปีกว่าๆแล้วล่ะ”

“ปีกว่า……จะเป็นไปได้ยังไง……จะเป็นนางได้อย่างไร……”

นัยน์ตาของแม่ทัพใหญ่เซียวร่องรอย แรงกำลังทั้งร่างของเขาเหมือนถูกสูบไปจนแห้ง เขาทรุดนั่งลงบนเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง ราวกับว่านึกถึงคนที่วางยาได้แล้ว

กู้ชูหน่วนก็คาดเดาคนที่วางยาพิษได้โดยประมาณแล้ว

“แม่ทัพใหญ่อยู่ในสนามรบมาหลายสิบปี ควรจะรู้ว่า ดวงตาของคนผู้หนึ่งไม่สามารถหลอกใครได้ กู้ชูหยุนเป็นคนยังไง คิดว่าแม่ทัพใหญ่เซียวคงกระจ่างยิ่งกว่าข้า เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมแม่ทัพใหญ่ถึงได้เชื่อใจนางขนาดนี้”

แม่ทัพใหญ่เซียวนิ่งเงียบไม่พูดจา ราวกับว่ายังไม่เชื่อผลสรุปในท้ายที่สุดนี้

“ผู้น้อยขอบังอาจคาดเดา ที่แม่ทัพใหญ่เซียวให้ความสำคัญกับกู้ชูหยุนขนาดนี้ น่าจะเป็นเพราะตัวขอกู้ชูหยุนยังมีอีกตัวตนหนึ่งที่สำคัญ และตัวตนที่สำคัญนี้ แม่ทัพใหญ่เชื่อถือมาก ดังนั้นจึงไม่เคยได้ระวังสินะ”

“นางอายุยังน้อย ไม่ว่าจะมีตัวตนอะไร ก็ไม่คู่ควรให้แม่ทัพใหญ่ไว้ใจได้โดยไร้เงื่อนไขเช่นนี้ ดังนั้นปัญหาจึงอยู่ที่ตัวของท่านพ่อท่านแม่ของนางเป็นแน่”

“ข้าก็เป็นคุณหนูสามของจวนเฉิงเซี่ยง แต่แม่ทัพใหญ่กลับไม่สนใจไยดี ดังนั้นคนที่ทำให้แม่ทัพใหญ่เชื่อใจ ไม่ใช่กู้เฉิงเซี่ยงแน่นอน ความเป็นไปได้อย่างเดียวก็คือมารดาผู้ให้กำเนิดของกู้ชูหยุน”

“ตอนนี้มารดาผู้ให้กำเนิดของกู้ชูหยุนเป็นเพียงแค่อนุภรรยา นางไม่มีความสามารถมากมายอะไร ข้าเดาว่า แม่ทัพใหญ่คิดว่า มารดาผู้ให้กำเนิดของกู้ชูหยุนยังมีอีกคน”

แม่ทัพใหญ่เซียวดูเหมือนแก่ไปอีกสิบปี หางตาของเขาไม่มีประกายใดๆอีก แต่ก็ทอดถอนใจยาวๆ

“ท่านฉลาดมาก ฉลาดจนทำให้ข้านึกถึงคนที่รู้จักในอดีตขึ้นมา”

“แต่แม่ทัพใหญ่ ท่านเคยคิดหรือไม่ว่า หากมารดาผู้ให้กำเนิดของกู้ชูหยุนยังมีอีกคน แล้วนางจะรู้ชาติกำเนิดของตัวเองได้อย่างไรกัน? และทำไมถึงได้วางยาพิษทำร้ายท่าน?”

“เจ้าอยากพูดว่า ทุกอย่างล้วนเป็นแผนการของนาง?”

“แล้วไม่ควรคิดไปทางนั้นเช่นนั้นหรือ?”

“แต่ทำไมนางต้องทำร้ายข้า?”

“นี่ก็ต้องถามแล้วว่าบนตัวของแม่ทัพใหญ่เซียวมีความลับอะไร”

ความลับคำหนึ่ง ทำให้แม่ทัพใหญ่เซียวระมัดระวังตัวขึ้นมา นึกเชื่อมโยงถึงจุดประสงค์ที่นางมาจวนแม่ทัพเป็นเวลาสองวันติดต่อกัน

“ไม่เอ่ยถึงก่อนว่านางมีจุดประสงค์อะไร มาพูดถึงท่านก่อนเถอะ จุดประสงค์ของท่านคืออะไร?”

“ข้าต้องการมุกมังกร”

ปัง……

แม่ทัพใหญ่เซียวทิ้งกล่องพู่กันที่ถืออยู่ในมือทิ้งไปทั้งหมด ในตามีแววความตกใจแวบผ่าน

แค่ความตกใจนี้ได้สลายไปอย่างรวดเร็ว รวดเร็วจนราวกับว่าไม่เคยปรากฏมาก่อน

แต่กู้ชูหน่วนจับได้แล้ว

“ท่านเป็นใครกันแน่?” แรงสังหารของแม่ทัพใหญ่เซียวดุดัน แรงสังหารพรั่งพรูถาโถมโจมตีไปทางกู้ชูหน่วน เหมือนกับว่าแค่เขาคิดจะฆ่า ก็สามารถฆ่ากู้ชูหน่วนได้โดยตรง

กู้ชูหน่วนยกกระโปรงขึ้น คุกเข่าลง ทำความเคารพเอาศีรษะโขกพื้นแรงๆสามครั้ง นางเบ้าตาแดง กล่าวสะอึกสะอื้น “ผู้น้อยกู้ชูหน่วนหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยก รู้ดีว่าเรื่องที่ขอ ฟ้าดินก็ไม่สามารถให้อภัยได้ แต่ก็ยังวิงวอนขอให้แม่ทัพใหญ่ช่วยประชาชนนับพันหมื่นของเผ่าหยกด้วย”

ร่างกายของแม่ทัพใหญ่เซียวโซเซเล็กน้อย แทบจะยืนไม่มั่นคง ม่านตาเขาเบิกกว้าง มองดูกู้ชูหน่วนด้วยความเหลือเชื่อ

“ท่าน…..เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไร?”

“ผู้น้อยกู้ชูหน่วนหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยก วิงวอนขอให้แม่ทัพใหญ่ช่วยประชาชนนับพันหมื่นของเผ่าหยกด้วย แค่ท่านยอมช่วยเผ่าหยก ไม่ว่าท่านจะมีเงื่อนไขอะไร ผู้น้อยจะรับปากทั้งหมด และจะ……ใช้ชีวิตหนึ่งชดใช้ให้กับชีวิตหนึ่ง ฆ่าตัวตายหน้าหลุมศพของท่าน”

กู้ชูหน่วนพูดพลาง แล้วก็โขกหัวลงไปอีกสามครั้งอย่างแรง

นางไม่มีหนทางอื่นแล้ว

ทำได้เพียงวิงวอนให้แม่ทัพใหญ่เซียวยอมอุทิศชีวิตด้วยตัวเอง

หากว่าสามารถใช้ชีวิตของนางเข้าช่วยเผ่าหยกได้ นางก็จะเลือกสละชีวิตตัวเองโดยไม่ลังเลแม้สักนิด

แต่บังเอิญเป็นแม่ทัพใหญ่เซียว

ชีวิตของเขา ก็คือชีวิต นางมีสิทธิ์อะไรจำเป็นต้องให้เขาสละชีวิตตัวเองเพื่อเผ่าหยกด้วยล่ะ

“ท่านบอกว่าท่านเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยก ท่านใช้อะไรมาพิสูจน์?”

กู้ชูหน่วนหยิบป้ายประกาศิตชิ้นหนึ่งตรงหน้าอกออกมา ป้ายประกาศิตโบราณมีอำนาจ ด้านหน้าสลักอักษรหลิ่ง(ประกาศิต)ตัวใหญ่ไว้ ด้านหลังสลักคำว่าหยก ทั้งยังมีรูปดอกเหมยไว้ด้วย

“นี่เป็นป้ายประกาศิตของเผ่าหยก”

“อาศัยเพียงแค่ป้ายประกาศิตของหัวหน้าเผ่าหยกอย่างเดียวพิสูจน์ตัวตนของท่านไม่ได้ หากว่าท่านไปขโมยมาล่ะ”

“แม่ทัพใหญ่เซียวต้องการให้ผู้น้อยพิสูจน์อย่างไร”

“ท่านพาข้าไปที่เผ่าหยก ไปพบผู้อาวุโสของเผ่าหยกทุกท่าน เพียงแค่ได้พบผู้อาวุโสทุกท่าน ข้าก็จะเชื่อ”

“ได้ แต่ระยะทางจากที่นี่ไปสู่เผ่าหยกยังอีกยาวไกล หากแม่ทัพใหญ่เซียวเห็นด้วย ข้าขอพาท่านไปที่สำนักอสุราและหอหนึ่งในหล้าก่อน ทั้งสองสถานที่นี้ล้วนเป็นองค์กรของเผ่าหยก แม่ทัพใหญ่เซียวน่าจะรู้ ยังมีผู้อาวุโสหก ผู้อาวุโสเจ็ดอีกด้วย พวกเขาออกมาจากเผ่าหยกแล้ว อยู่ใกล้ๆกับพระนคร ท่านก็สามารถไปพบพวกเขาก่อนได้”

“ได้ อาวุโสหกและผู้อาวุโสเจ็ดของเผ่าหยกข้าก็รู้จักพวกเขาพวกพอดี”

กู้ชูหน่วนรู้สึกดีใจทันที “ผู้น้อยจะจัดรถม้าพาท่านไปเดี๋ยวนี้”