บทที่ 1075 คนหนึ่งโจมตี คนหนึ่งป้องกัน คนหนึ่งสนับสนุน

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1075 คนหนึ่งโจมตี คนหนึ่งป้องกัน คนหนึ่งสนับสนุน

บทที่ 1075 คนหนึ่งโจมตี คนหนึ่งป้องกัน คนหนึ่งสนับสนุน

คนหนึ่งโจมตี คนหนึ่งป้องกัน คนหนึ่งสนับสนุน

ไม่ว่าฮวาอิ่งจะต่อสู้กับทางด้านไหนก็ต้องใช้พลังเป็นอย่างมาก ประกอบกับค่ายกลอักขระที่ปล่อยกระบวนท่าสังหารออกมาในบางเวลา ซึ่งทำให้นางไม่ทันตั้งตัว และเกือบจะตกเป็นเหยื่อของค่ายกลอักขระอยู่หลายครั้ง

พวกเขาสามารถมอบชีวิตและความเชื่อใจของตนไว้กับอีกฝ่าย

เนื่องจากหากมีใครคนใดคนหนึ่งตายไป ชีวิตของพวกเขาทั้งสามก็จะตกอยู่ในอันตราย

หลังจากบาดหมางกันมาเป็นเวลาหลายปี เวลานี้พวกเขาได้ร่วมมือกันแล้ว และความแข็งแกร่งของพวกเขาก็พุ่งขึ้นไปถึงขีดสุด

ฮวาอิ่งได้รับบาดเจ็บจากเหวินเส่าอี๋โดยไม่ตั้งใจ

นางลูบหน้าอกของตนเองด้วยดวงตาอันแดงก่ำ

ฮวาอิ่งเลียนิ้วที่เปื้อนเลือดของตน บิดคอของตนอยู่หลายครั้ง กล่าวเย้ยหยันด้วยความชั่วร้าย

“คนหนึ่งตาบอด คนหนึ่งขาเป๋ คนหนึ่งโง่ ทั้งหมดก็เป็นแค่ขยะ แต่กลับ……”

ไม่ทันรอให้นางพูดจบ จอมมารก็เย้ยหยันออกมาด้วยความเจ็บปวด

“แต่กลับ แต่กลับ แต่กลับอะไร คนหนึ่งตาบอด คนหนึ่งขาเป๋ คนหนึ่งโง่แล้วมันยังไง อย่างน้อยพวกข้าก็มีสุขภาพจิตที่ดี ไม่เหมือนกับเจ้า……ฮ่าฮ่าฮ่า สมควรแล้วที่ถูกทอดทิ้ง สมควรแล้วที่ไม่มีผู้ชายคนไหนต้องการ หากข้าเป็นเจ้า ข้าคงยอมตายไปตั้งนานแล้ว อยู่ต่อไปก็เปลืองอากาศหายใจ สิ้นเปลืองอาหาร”

“ไม่ใช่ จริงอยู่ว่าคนหนึ่งตาบอดและคนหนึ่งขาเป๋ แต่ทำไมข้าถึงโง่? อ่า……ก็จริง ผู้หญิงที่มีความคิดบิดเบี้ยวอย่างเจ้า เจ้ารู้ไหมว่าอะไรเรียกโง่ อะไรเรียกกระปรี้กระเปร่า? คนอย่างเจ้าจะไปเข้าใจอะไร”

เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋มองมาที่ซือม่อเฟยอย่างพร้อมเพรียงกัน

เจ้านี่……

หรือว่าความทรงจำจะกลับมาแล้ว?

เขากลายเป็นคนช่างพูดตั้งแต่เมื่อไหร่?

กู้ชูหน่วนเองก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

วันนี้ดูเหมือนซือม่อเฟยจะมีบางอย่างแปลกไป

คำพูดของเขาแต่ละคำสามารถฆ่าคนได้ด้วยความโกรธ

จ้องมองเขาด้วยความงุนงง

เป็นเพราะเขากระปรี้กระเปร่าหรือว่าโง่เหมือนเมื่อก่อนกันแน่?

แต่ทำไมดูเหมือนว่าจะได้ความทรงจำกลับมาแล้ว

แต่ก็ดูเหมือนคนโง่อยู่ดี

เสียงของฮวาอิ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน

“ข้าไม่ต้องการพวกเขา เป็นข้าที่ไม่ต้องการพวกเขา”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เรื่องนี้ใครจะไปรู้”

“ผู้ชายน่ารังเกียจ ข้าว่าพวกเจ้ามันน่าสะอิดสะเอียน โดยเฉพาะเจ้า กับเจ้า”

ฮวาอิ่งชี้ไปที่เหวินเส่าอี๋และซือม่อเฟย

สองคนนี้ทำให้นางต้องอับอาย

พวกเขาทำให้นางได้รับบาดเจ็บ

นานแค่ไหนแล้ว

นานแค่ไหนแล้วที่นางไม่ได้บาดเจ็บสาหัสเช่นนี้

คนพวกนี้ทั้งหมดสมควรตาย

ฮวาอิ่งเรียกโครงกระดูกออกมา โครงกระดูกหลายพันตัวเหล่านั้นส่งเสียงดังรบกวนออกมาจนน่าตกใจ ทำให้ผู้คนที่ได้ยินต้องปิดหู ไม่เช่นนั้นอาจเจ็บปวดจนเลือดออกหู

ตาของเหวินเส่าอี๋มองไม่เห็น เขารับรู้ทุกอย่างได้จากการฟังเท่านั้น

แต่เมื่อเสียงถูกรบกวน

ต่อให้วรยุทธ์ของเขาสูงส่งเพียงใด แต่ไม่ได้ยินก็ไร้ประโยชน์

ในเวลานี้เหวินเส่าอี๋ไร้การป้องกัน เขาเกือบจะถูกฮวาอิ่งทำลายวรยุทธ์ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

โชคดีที่เยี่ยจิ่งหานซึ่งมีหน้าที่คอยคุ้มกันช่วยเอาไว้ทัน จึงสามารถรักษาชีวิตของเขาไว้ได้

และในขณะเดียวกัน เยี่ยจิ่งหานก็ถูกล้อมไว้ด้วยโครงกระดูกมากมาย

รอยยิ้มปรากฏออกมาตรงมุมปากของซือม่อเฟย เขาพูดออกมาด้วยความมั่นใจ

“ใช้โครงกระดูกพวกนี้ต่อหน้าข้า เจ้าจะดูถูกพวกข้าเดินไปหรือเปล่า?”

เขาชูมือขึ้น ตั้งใจจะอัญเชิญดอกดาตูราออกมา

แต่ฝ่ามือของเขากลับว่างเปล่า อย่าว่าแต่ดอกดาตูราเลย แม้แต่กลีบดอกยังไม่มีด้วยซ้ำ

บัดซบที่สุด

เขาลืมอีกแล้วว่าตนเองสูญเสียวรยุทธ์

นิ้วของซือม่อเฟยโบยบิน วาดประตูอักขระขึ้นมา จากนั้นตะโกนว่า “ทำลาย”

เงียบ

ทุกอย่างเงียบไปหมด

มันเงียบมาก เงียบจนได้ยินเสียงการต่อสู้ของเยี่ยจิ่งหาน

ซือม่อเฟยไม่อยากเชื่อ เขาลองทำอยู่หลายครั้งแต่กลับไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย

ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยถึงกับเหงื่อตก

นี่จอมมารกำลังทำอะไร?

เขาเป็นลมบ้าหมูอีกแล้วงั้นหรือ?

ถูกจับไปไม่กี่วัน ทำให้เขาโง่มากกว่าเดิมงั้นหรือ?

การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่พลังมากพอที่จะช่วยเหลือ ทำได้เพียงรอดูผลลัพธ์ของมันเท่านั้น

กู้ชูหน่วนได้รับบาดเจ็บสาหัส ยืนพิงต้นไผ่และไม่สามารถลงไปนั่งบนพื้นได้ จึงทำให้ต้นไผ่เอนและหักลงบนพื้น

สิ่งที่นางเห็นคือ จอมมารเอาแต่ลองใช้วิชาของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ไม่รู้ว่าเขาจะลองอะไรหนักหนา

ในตอนที่ทุกคนรู้สึกหมดหวังกับซือม่อเฟย พวกเขาก็ได้เห็นดอกดาตูราบานออกมาในระยะไกล

ดอกดาตูราคำรามส่งเสียงเตือน โครงกระดูกเหล่านั้นราวกับหนูที่เห็นแมว วิ่งหนีออกไปในชั่วพริบตา ราวกับว่ามีสัตว์ร้ายกำลังวิ่งตามหลังพวกมันอยู่