SD:บทที่ 91  ผมไม่เคยเป็นหมอ

 

ในที่สุด ซูฉิวไป่ ก็ยิ้มพร้อมกับเงยหัวขึ้น

ฉันจะไปโรงพยาบาลก่อน!

ตราบใดที่ผนึกพลังงานอยู่ใกล้ฉัน ฉันสามารถทํามันได้อย่างแน่นอนและยังมีเวลาที่จะทำให้มันสำเร็จ!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉิวไป่ เริ่มขับรถของเขาอีกครั้ง

ในขณะที่เขาขับรถไปโรงพยาบาลก็มีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้น

“ค้นพบผนึกพลังงานระยะทาง 1500 เมตร”

“ค้นพบผนึกพลังงานระยะทาง 1000 เมตร”

……..

ซูฉิวไป่ จอดรถของเขาที่จอดรถของโรงพยาบาลและรู้สึกตกตะลึง

เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ฉันกำลังมองหาอยู่ในโรงพยาบาล!

ใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องบังเอิญในโลกใบนี้ ดังนั้นเขาไม่ลังเลอีกต่อไปที่จะเข้าไปยังโรงพยาบาลและมองหาหมายเลขห้องผู้ป่วยที่ เซี่ยเซี่ยวโม ได้บอกเขาเอาไว้

ซูฉิวไป่ มีความสุขเมื่อพบว่าผลึกพลังงานอยู่ในโรงพยาบาลแต่ตอนนี้เขาต้องตกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาเดินไปตามทางที่ เซี่ยเซี่ยวโม ได้บอกเอาไว้ แต่ทำไมระบบนำทางจึงแจ้งให้เขารู้ว่าเขากำลังเข้าใกล้ผนึกพลังงานมากขึ้น?

ดูเหมือนว่า..ที่อยู่ที่ เซี่ยเซี่ยวโม ให้เป็นที่อยู่ของผลึกพลังงาน!

เมื่อออกจากลิฟท์ชั้นบนสุด ซูฉิวไป่ ก็เห็น หลิวเทียนหมิง แพทย์และพยาบาลหลายคนรวมทั้งครอบครัวของ เซี่ยเซี่ยวโม

พวกเขาทั้งหมดยืนขึ้นเมื่อเห็น ซูฉิวไป่ เดินมา

ทุกคนสังเกตเห็นหมอลัทธิเต๋าที่ผู้อำนวยการพูดถึง มีหมอบางคนอารมณ์เสียเล็กน้อย เหตุใดเราจึงไม่สามารถค้นพบสาเหตุที่แท้จริงของคนป่วย แต่ผู้อำนวยการกลับบอกว่าชายคนนี้สามารถรักษาได้

เซี่ยเทียน และครอบครัวก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน  เซี่ยเซี่ยวโม บอกว่าชายคนนี้เป็นเพียงคนขับรถแท็กซี่และดูเหมือนว่า…เขาเป็นคนขับรถแท็กซี่จริงๆ!

บางทีมีเพียงแค่ หลิวเทียนหมิง และ เซี่ยเซี่ยวโม เท่านั้นที่ฝากความหวังไว้กับ ซูฉิวไป่

หลังจากที่เห็นเขาเดินตรงเข้ามาทั้งสองคนเดินเข้าไปหา ซูฉิวไป่ ทันที ในขณะที่พวกเขากำลังพูด ซูฉิวไป่ ก็ชี้เข้าไปในห้องอย่างเงียบๆ

“ผู้ป่วยอยู่ที่นั่นหรอ”

หลิวเทียนหมิง คิดว่าพฤติกรรมของ ซูฉิวไป่ แปลกเล็กน้อยแต่เขายังคงพยักหน้าและชี้ไปที่ห้องพัก

จากนั้น ซูฉิวไป่ ไม่พูดกับใครและรีบเดินเข้าห้องพักโดยเร็ว เมื่อเขาเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งตัวแดงเถือกนอนอยู่บนเตียง ก็มีข้อความร้องเตือนขึ้นมา

“ค้นพบผนึกพลังงาน คุณต้องการที่จะเก็บมันหรือไม่?”

ในที่สุด ซูฉิวไป่ ก็เข้าใจว่าการคาดเดาของเขาถูกต้อง

ผนึกพลังงานอยู่ในร่างกายของหลานสาว เซี่ยเซี่ยวโม

ในขณะที่เขากำลังคิดว่าจะเก็บมันเขาก็สงสัย เขาจะส่งผลกระทบต่อเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆดีหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงใช้ค่าคะแนนการเติบโตเล็กน้อยเพื่อที่จะถามระบบ หลังจากได้รับคำตอบแล้วเขาก็ตัดสินใจ

แพทย์และครอบครัวของ เซี่ยเซี่ยวโม รอคอยอยู่นอกห้องพัก พวกเขามองผ่านหน้าต่างและเห็น ซูฉิวไป่ ยืนนิ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 2 เมตร มันทำให้พวกเขารู้สึกงุนงงมากยิ่งขึ้น

คนคนนี้เป็นหมอจริงๆหรอ ทำไมเขาไม่ดูรายงานการรักษา เขาไม่ได้พูดอะไรกับใครเลยแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องผู้ป่วยโดยตรง

เขาเป็นพวก 18 มงกุฎหรือเปล่า

คนไม่กี่คนที่อยู่นอกห้องพักผู้ป่วยมีความคิดคล้ายกัน แต่เมื่อพิจารณาว่า หลิวเทียนหมิง เป็นคนแนะนำ ซูฉิวไป่ ทุกคนจึงอยู่เงียบๆ

ในเวลาเพียงไม่ กี่วินาที  ซูฉิวไป่ ก็เสร็จสิ้นการเก็บผนึกพลังงาน ทันใดนั้นใบหน้าของเด็กสาวตัวเล็กๆค่อยๆกลับสู่ภาวะปกติ เขาหันหลังกลับแล้วเดินออกไป

“พี่ซู เธอเป็นยังไงบ้าง”

ซูฉิวไป่ รู้สึกแปลกๆที่ หลิวเทียนหมิง ชายวัย 60 ปีเรียกเขาว่าพี่ชาย แต่เนื่องจากมีคนมากมายอยู่รอบตัวเขาในขณะนี้เขาจึงไม่มีเวลาสนใจเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากำลังจะพูดชายหนุ่มที่อายุเท่ากันก็พูดก่อน

“ผมสงสัยว่าตอนนี้หมอลัทธิเต๋าค้นพบอะไร ผมได้เห็นคนมากมายที่แกล้งทำเป็นรู้แต่พวกเขาไม่เคยรู้จริง คุณรู้เกี่ยวกับความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจหรือเปล่า และอวัยวะใดที่เกิดโรคจนทำให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาพเช่นนี้..”

หมอหนุ่มพูดออกมาในครั้งเดียว

หลิวเทียนหมิง เข้าใจทันทีว่าหมอคนนี้ต้องการที่จะหยั่งเชิงกับ ซูฉิวไป่  แม้ว่าเขาจะรู้สึกอายเล็กน้อยแต่เป็นเรื่องปกติที่จะมีการพูดคุยในหมู่แพทย์

หมอคนอื่นๆอีกหลายคนที่ยืนอยู่ข้างเขามีรอยยิ้มน้อยๆ ในที่สุดพวกเขาก็ได้ระบายความไม่พอใจของพวกเขาออกมา

หลังจากที่หมอหนุ่มพูดเสร็จ มันเป็นคำใบ้เล็กน้อย และเห็นสายตาแสดงความอัปยศ ครั้งแรกที่เขาเห็น ซูฉิวไป่ เขารู้สึกอารมณ์เสียเพราะชายคนนี้อายุเท่ากับเขา

ทำไม หลิวเทียนหมิง จึงเรียกชายคนนี้ว่าหมอลัทธิเต๋า!และขอให้พวกเราทุกคนคอยต้อนรับเขา

และเมื่อเขามาเขากลับไม่สนใจการมีอยู่ของเรา เขาบอกให้พวกเราทุกคนเงียบ เขาคือใครถึงดูถูกพวกเราแบบนี้!

ซูฉิวไป่ ฟังคำถามของหมอหนุ่มด้วยความงุนงง

“คุณประสาทหรือเปล่า?ทำไมผมต้องรู้เรื่องพวกนี้”

ซูฉิวไป่ ตอบเขารู้สึกงงเล็กน้อย

เราเพิ่งรู้จักกันพวกคุณมีความสุขที่จะทำให้ฉันลำบากใช่ไหม?

เมื่อได้ยินคำพูดของเขาหมอหนุ่มตกตะลึง ไม่มีใครในชีวิตของเขาที่เคยพูดกับเขาแบบนี้!

เขาเป็นแพทย์ที่อายุน้อยที่สุดในโรงพยาบาล ทุกคนต่างปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ แม้แต่ผู้อำนวยการหลิวยังพูดกับเขาเป็นการส่วนตัวว่าเขาเป็นความหวังของวงการแพทย์ตงไห่

โชคดีที่ ซูฉิวไป่ ไม่ได้ยินประโยคนั้นที่พูดว่าแพทย์หนุ่มเป็นความหวังในอนาคตของวงการแพทย์ ไม่เช่นนั้นเขาจะหันไปบอกหมอหนุ่มโดยตรงว่า อาจารย์มู่หลงและแพทย์มืออาชีพอีกหลายคนยอมรับ ซูฉิวไป่ เป็นอาจารย์ของพวกเขา!

แม้ว่าจะเรียกว่าอาจารย์ อาจจะเกินจริงอยู่บ้าง…แต่เขาก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งของอาจารย์จริงๆ!

“คุณ..คุณกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง!คุณเป็นหมอหรือเปล่า?”

หลังจากนั้นหมอหนุ่มโกรธ ซูฉิวไป่ เป็นอย่างมากเขาตะโกนขึ้นด้วยเสียงสั่น

“ทำไมผมจะพูดไม่ได้?แล้วใครบอกว่าผมเป็นหมอ ผมเป็นคนขับรถแท็กซี่!”

ซูฉิวไป่ รู้สึกเสียใจมากขึ้นกว่าเดิม

คุณถามฉันอย่างกะทันหันและยังต้องการให้ฉันพูดกับคุณด้วยความเคารพ…คุณคิดมากเกินไปแล้วหนุ่มน้อย!

ทุกคนต่างพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดของ ซูฉิวไป่  อีกทั้งพวกเขายังได้ยิน ซูฉิวไป่ พูดว่าเขาเป็นคนขับรถแท็กซี่ในตอนสุดท้าย การแสดงออกของทุกคนมืดมนทันที

ดูเหมือนว่าไม่มีทางที่ชายคนนี้จะสามารถรักษาซินเอ๋อได้ บรรยากาศตกอยู่ในความเคร่งเครียดทันที  เซี่ยเซี่ยวโม นวดหน้าผากของเธอ

“ฮ่าฮ่า แล้วทำไมนายถึงมาที่นี่ ในเมื่อนายไม่ได้เป็นหมอ?นายรู้วิธีรักษาผู้ป่วยอย่างนั้นหรอ?กลับไปรถแท็กซี่ของนายซะ!”

หมอหนุ่มรู้สึกว่าในที่สุดเขาก็สามารถคว้าโอกาสในการเหยียบย่ำ ซูฉิวไป่ ได้ดังนั้นคำพูดของเขาจึงคมชัดยิ่งขึ้น และสุดท้ายเขายังบอกให้ ซูฉิวไป่ ไสหัวไปจากที่นี่

หลิวเทียนหมิง ไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป เพราะเขาเป็นคนเชิญ ซูฉิวไป่ มาที่นี่ แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้แต่เขาก็ไม่ควรได้รับการปฏิบัติเช่นนี้

ในขณะที่หมอหนุ่ม ถูกสะกิดจาก หลิวเทียนหมิง เพื่อให้หยุดพูดเรื่องนี้

“ ใครบอกว่าผมรักษาผู้ป่วยไม่ได้!”

ซูฉิวไป่ ขดริมฝีปากและพูดออกมาโดยตรง

บริเวณทางเดินเงียบสงบ จากนั้นทุกคนตื่นเต้น  เซี่ยเซี่ยวโม และครอบครัวของเธอจ้องมอง ซูฉิวไป่ ด้วยดวงตาเบิกกว้างและเต็มไปด้วยความหวัง

หมอหนุ่มที่พึ่งสงบด้วยการสะกิดจาก หลิวเทียนหมิง ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคนขับรถโม้ขึ้นมาอีกมันทำให้เขาไม่สามารถอดกลั้นอารมณ์ได้!

“นายสามารถรักษาความเจ็บป่วยของเธอได้อย่างนั้นหรอ?งั้นก็ทำสิรออะไรอยู่!”

ซูฉิวไป่ จ้องมองหมอหนุ่มด้วยสีหน้าจริงจังและพูดว่า

“ผมรักษาเธอหายแล้ว!”

ทันทีที่คำพูดเรหล่านั้นออกมาจากปากของ ซูฉิวไป่ บริเวณห้องโถงเงียบอีกครั้ง

เซี่ยเซี่ยวโม และคนในครอบครัวของเธอต่างประหลาดใจ พวกเขารู้สึกสงสัยทันทีพวกเขาเห็น ซูฉิวไป่ อยู่ในนั้นไม่ถึง 10 นาที อีกทั้งเมื่อแพทย์หนุ่มกล่าวก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่า ซูฉิวไป่ ไม่ได้ดูรายงานการรักษาหรือถามคำถามใดๆ คนต่างมองเห็นอย่างชัดเจนผ่านหน้าต่างว่า  ซูฉิวไป่ ไม่แม้แต่จะสัมผัส ซินเอ๋อ ในห้องผู้ป่วย เขายืนอยู่ตรงนั้นประมาณ 1 นาทีก่อนจะออกมา

รักษาหายแล้วอย่างนั้นหรอ?

แม้ว่า หลิวเทียนหมิง จะยังคงเงียบสงบแต่เขาก็แสดงออกคล้ายกัน เขาเชื่อในความสามารถของ ซูฉิวไป่ จริงๆแต่คำพูดของชายหนุ่มดูเหมือนแค่คุยโม้

เมื่อมองเห็นใบหน้าของ ซูฉิวไป่ หมอหนุ่มรู้สึกเหมือนม้าหมื่น ตัวกำลังเหยียบย่ำในหัวใจเขา

บัดซบ…อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกแนบเนียนกว่านี้หากพยายามจะคุยโม้?

รักษาหายแล้ว?คุณรักษาเธอเมื่อไหร่ เอาแต่ยืนนิ่งอยู่ข้างเตียงและเฝ้าดูคนไข้ จากนั้นออกมาและกล้าพูดว่ารักษาเสร็จแล้ว?

คุณคิดว่าคุณเป็นจักรพรรดิหยกหรือจักรพรรดิ์นีหรือยังไง!

ในขณะที่ความสงสัยของทุกคนกำลังระเบิดออกมาพวกเขาก็ได้ยินเสียงเด็กตัวเล็กๆดังขึ้นในห้องผู้ป่วย

“พ่อ พ่อ”

—————————————