ตอนที่ 412 เปิดใจให้กว้าง / ตอนที่ 413 ใจหวั่นไหว

หมอยาหวานใจท่านประธาน

ตอนที่ 412 เปิดใจให้กว้าง 

 

 

แต่เฉวียนหมิงเป็นใคร เขาฉลาดมาก ไหนเลยจะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของอีลั่วเสวี่ย แล้วมองที่ดวงตาคู่นั้น แววตาที่เคยมองข้ามไป ปรากฏว่าเป็นคนคนเดียวกัน 

 

 

“คุณคือ…อาเสวี่ย คุณมีอะไรให้แปลกใจมากเหลือเกิน” เฉวียนหมิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี หมอปีศาจที่ทำให้คนรวยทั้งหลายในโรงประมูลใต้ดินพากันแปลกใจอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง ยังเป็นนักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบด้วย 

 

 

คำพูดนี้ถ้าเผยแพร่ออกไป เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อ ก่อนหน้านี้ที่โรงประมูลใต้ดินได้ข่าวว่าเธอคนเดียวจัดการกับพวกที่ล่าเธอ ข่าวใหญ่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก็เป็นฝีมือเธอทำ 

 

 

อีลั่วเสวี่ยยิ้มที่มุมปาก นั่งลงบนโซฟา “ฉันยังคิดว่าคุณน่าจะเดาได้นานแล้ว คิดไม่ถึงว่าฉันจะรู้ฐานะคุณก่อน” ที่จริงคราวก่อนที่เฉวียนหมิงเอาแหวนหยกให้เธอ เธอก็สงสัยแล้ว 

 

 

แต่เพราะตอนนั้นเธอไม่ได้สืบลึกลงไป บวกกับไม่อยากวิเคราะห์เฉวียนหมิงมากเกินไป เพราะยิ่งเข้าใจเขามากขึ้น ตัวเองก็จะเผยตัวออกไปโดยไม่รู้ตัว 

 

 

เฉวียนหมิงได้ยินที่เธอพูดล้อเล่นก็นั่งลงข้างเธอ “ใครให้คุณปิดบังตัวตนดีเกินไป ผมยังไม่อาจรู้ได้ แต่ว่าเรื่องแหวนหยกเป็นยังไงกันแน่ ทำไมหลิ่วเฟยซวงวกับคนอื่นถึงมีแหวนด้วย?” 

 

 

และเป็นเพราะสาเหตุนี้ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถอาศัยสิ่งภายนอกเพื่อมองออกว่าเป็นอีลั่วเสวี่ย หลังจากนั้นแหวนก็ปรากฏขึ้นในตลาด ทั้งยังมีมากมายด้วย 

 

 

“แน่นอนว่านั่นเป็นแผนของฉัน มีคนมากมายอยากได้ แทนที่จะเอาซ่อนไว้ สู้เอาออกมาใช้อย่างเปิดเผยยังดีกว่า เพราะอย่างไรเจ้าของแหวนที่แท้จริงก็คือฉัน” 

 

 

ของของตนเองแท้ๆ ไม่ใส่ออกมาอย่างเปิดเผย แล้วจะมีประโยชน์อะไร 

 

 

เฉวียนหมิงพยักหน้า “มีเหตุผล แต่ว่ายังต้องระวังคนอย่างซีเหมินหลงเซี่ยว คนคนนี้ไม่ธรรมดา” เดิมเขาไม่ใส่ใจจุดมุ่งหมายที่ฝ่ายนั้นมายังเมืองเอฟ แต่เวลานี้รู้แล้วว่าเป้าหมายเขาคืออีลั่วเสวี่ย เฉวียนหมิงไม่อาจเพิกเฉย 

 

 

“วางใจเถอะ ฉันยังไม่ใส่ใจเขาเลย อีกอย่างคุณคิดว่าที่นี่มีใครที่จะเอาชนะฉันได้หรือ?” นอกจากพื้นฐานดั้งเดิมของเธอเองแล้ว เธอยังมี**บมหาสมบัติอย่างร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงด้วย 

 

 

คิดดูแล้วก็ใช่ ทำให้เฉวียนหมิงค่อยรู้สึกคลายความกังวล “แต่จะประมาทไม่ได้ เป้าหมายของซีเหมินหลงเซี่ยวคือแหวนหยกในมือคุณ จะต้องมีแผนร้ายที่เราไม่รู้” 

 

 

“ไม่ว่าเรื่องอะไร ฉันจะไม่ยอมให้เขาสมหวัง จริงสิ ฉันจะแนะเพื่อนให้คุณรู้จัก” อีลั่วเสวี่ยกะพริบตา มองไปที่เจ้าลูกบอลเงินที่ลอยอยู่กลางอากาศ 

 

 

ลูกบอลเงิน “แม่คุณ เจ้าคิดจะทำอะไร?” 

 

 

อีลั่วเสวี่ยฉีกยิ้ม “ไม่ทำอะไร มา ลงมาทำความรู้จักกัน ก่อนนี้เจ้าเคารพนับถือเฉวียนหมิงมากไม่ใช่หรือ มา ฉันจะแนะนำให้เจ้ากับเขารู้จักกันไว้” 

 

 

เฉวียนหมิงสับสน “อาเสวี่ย คุณทำอะไรของคุณ?” 

 

 

“อย่าใจร้อน เดี๋ยวคุณก็รู้เอง” อีลั่วเสวี่ยยิ้มอย่างขี้เล่น แล้วเริ่มคุยกับเจ้าลูกบอลเงิน 

 

 

“แม่คุณ อย่าวุ่นวาย อย่าเปิดผยฐานะของเราต่อคนบนโลกจะดีกว่า ไม่งั้นอาจเกิดปัญหาขึ้นได้” ความรับรู้ของมนุษย์บนดาวดวงหนึ่งจะค่อยๆ เรียนรู้เพิ่มขึ้นตามการพัฒนาของพวกเขา แต่ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะเปิดเผยตัวเอง ไม่ได้หรอก 

 

 

“ให้เขาเก็บเป็นความลับก็ไม่ได้หรือ?” อีลั่วเสวี่ยสงสัย ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรกก็ควรถามให้ชัดเจนก่อนค่อยพูด 

 

 

ลูกบอลเงินลังเลเล็กน้อย “งั้นเจ้าถามเขาก่อนแล้วค่อยว่า” 

 

 

จากนั้นอีลั่วเสวี่ยก็ขอให้เฉวียนหมิงรับประกัน ยังล็อคประตูห้องแล้วจึงส่งสัญญาณให้เจ้าลูกบอลเงินปรากฏตัว 

 

 

“นี่มันตัวอะไร?” ลูกบอลสีเงินลอยอยู่กลางอากาศตรงหน้าเฉวียนหมิง เขาประหลาดใจมาก 

 

 

“ข้าก็คือสิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่าเทคโยโลยีจากต่างดาว พูอง่ายๆ ก็คือข้าคือนิ้วทองคำของอาเสวี่ยบ้านเจ้า คอยฟังคำสั่งของนาง กำไลที่เจ้าเอาให้นางก็คือผลิตภัณฑ์จากดาวของข้า เอาละ ไม่พูดมากแล้ว ขอให้เก็บเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับข้าเป็นความลับ ข้าขอตัวก่อน” จากนั้นก็มีแสงสีขาววาบขึ้น มันหายไปแล้ว 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 413 ใจหวั่นไหว 

 

 

ตามข้อตกลงที่ทำไว้ นอกจากอีลั่วเสวี่ยแล้ว มันจะไม่ให้ใครพบเห็น คนอื่นก็มองไม่เห็นมัน เมื่อกี้ที่ทำให้เฉวียนหมิงมองเห็นนั้นที่จริงมันใช้เครื่องโปรเจคเตอร์ฉายข้อมูลซึ่งเหนือกว่าการฉายภาพแบบโฮโลแกรม  

 

 

ดูแล้วเหมือนตัวจริง ทั้งยังได้ยินเสียงด้วย 

 

 

“มัน?” เฉวียนหมิงอยากพูดอะไร แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดจากตรงไหน มนุษย์ต่างดาวหน้าตาแบบนี้หรือ ไม่น่าใช่ เทคโนโลยีขั้นสูงจากต่างดาว ก็คือคนที่มีสติปัญญาระดับสูง คงเหมือนที่พวกเขาเห็นในทีวี 

 

 

นอกจากโลกแล้วยังมีมนุษย์ต่างดาวจริงๆ นี่เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่านี่เป็นความคิดที่วาบขึ้นในหัวเฉวียนหมิงเท่านั้น เขาจะเก็บทั้งหมดไว้เป็นความลับ 

 

 

เมื่อครู่อาเสวี่ยพูดแล้ว เจ้าสิ่งที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงนี้ติดตามเธอตลอดมา ถ้าถูกค้นพบล่ะก็ เธอเกรงว่าตัวเธอจะถูกจับไปพร้อมกับมันด้วยเพื่อทำการวิจัย จะเปิดเผยไม่ได้เด็ดขาด 

 

 

อีลั่วเสวี่ยเห็นท่าทางเฉวียนหมิงเช่นนี้ก็ยิ้มแล้วอธิบาย “มันก็เป็นอย่างนี้แหละ คุณไม่ต้องแปลกใจ เดี๋ยวก็คุ้นเอง” 

 

 

เฉวียนหมิงได้ฟังก็พยักหน้า “อาเสวี่ย เรื่องนี้คุณยังบอกให้คนอื่นรู้อีกไหม เพราะอย่างมัน ถ้ามีคนรู้ว่ามีมันอยู่ อาจจะทำให้เกิดเรื่องเดือดร้อนได้” 

 

 

“มีคุณคนเดียวที่รู้ว่ามีมันอยู่” คำพูดของอีลั่วเสวี่ยให้เฉวียนหมิงซาบซึ้ง ความลับที่ใหญ๋เช่นนี้เธอก็ยังบอกให้เขารู้ แสดงว่าเธอถือเขาเป็นคนของตนเอง 

 

 

เขาชำเลืองมองเธอด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความรัก มองดูใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเธอ ดวงตาสดใสที่ราวกับจะพูดได้ เฉวียนหมิงรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นเร็วขึ้นทุกที ไม่รู้ทั้งสิ้นว่าตนเองอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไร 

 

 

เขาเข้าใจเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น นั่นคืออยากกอดหญิงสาวตรงหน้าไว้ในอ้อมอก อยากกอดเหลือเกิน แล้วเขาก็ทำอย่างนั้นแล้วจริงๆ ก้มหน้าลงจุมพิดริมฝีปากสีชมพู 

 

 

“อาเสวี่ย…” ถึงตอนนี้เสียงที่มีเสน่ห์ดังขึ้น ราวกับเสียงที่จะคร่าวิญญาณ อีลั่วเสวี่ยรู้สึกว่าตัวเองลืมคิดทุกอย่างแล้ว เพียงแต่ตะลึงมองใบหน้าที่งดงามตรงหน้า 

 

 

จนกระทั่งริมฝีปากถ่ายทอดความรู้สึกอบอุ่นมาเธอจึงรู้ว่าอะไร มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ประสานกับการกระทำของเขา แล้วยื่นมือออกไปกอดเฉวียนหมิงไว้ 

 

 

เฉวียนหมิงรู้สึกหัวใจยิ่งวาบหวานขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่าคนในอ้อมกอดก็เป็นฝ่ายรุกด้วย เหมือนได้รับกำลังใจ 

 

 

ลูกบอลเงิน “ต๊ายตาย เห็นว่าไม่มีข้าอยู่ใช่ไหม? ช่างเถอะ ข้าไปจะดีกว่า ขืนดูต่อไปอาจจะถูกตี” ถูกตี? คงไม่ใช่แค่ถูกตีง่ายๆ อย่างนี้หรอก อาจจะถูกอีลั่วเสวี่ยที่รู้ตัวจับถอดเป็นชิ้นๆ ก็ได้ 

 

 

เจ้าลูกบอลเงินคิดทบทวนผลได้ผลเสียแล้ว ตัดสินใจรักษาชีวิตไว้ก่อนปลอดภัยกว่า ดูแล้วหนีไปเป็นแผนการที่ดีที่สุด จากนั้นก็ค่อยๆ ทะลุผ่านผนังห้องออกไปเงียบๆ ไปให้พ้นจากห้องที่ทำให้คนเลือดพลุ่งพล่านได้ 

 

 

พอไม่มีเจ้าลูกบอลเงินคอยรบกวน อีลั่วเสวี่ยกับเฉวียนหมิงก็กอดกันแน่นขึ้น แนบชิดกันยิ่งขึ้น อุณหภูมิในห้องกำลังสูงขึ้น ในความเงียบสงบมีเพียงเสียงหายใจของทั้งคู่ 

 

 

“เฉวียนหมิง…ฉัน” อีลั่วเสวี่ยรู้สึกว่าปากและลิ้นแห้งผาก ขณะที่กำลังจะบอกว่าขอดื่มน้ำ แต่เฉวียนหมิงไม่ให้โอกาสเธอ ที่อยากพูดจึงต้องกลืนลงไป 

 

 

เดิมทั้งสองกอดกันอยู่ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเฉวียนหมิงพิงลงไปบนโซฟา อีลั่วเสวี่ยก้มหน้าลงไล่ตามริมฝีปากเขา เป็นภาพที่ดูร้อนแรงอย่างยิ่ง 

 

 

“เสวี่ย อาเสวี่ย…” เฉวียนหมิงร้องครางด้วยความรัก อีลั่วเสวี่ยได้แต่พูดตอบอย่างสับสน ส่งเสียงร้องครางเบาๆ 

 

 

ทั้งคู่ลืมไปแล้วว่ากำลังทำอะไร รู้สึกเพียงแต่ว่าไม่อยากผละไปจากอีกฝ่าย อยากเข้าใกล้อีกนิด เข้าใกล้อีก 

 

 

นอกคฤหาสน์เป็นค่ำคืนที่มืดและเงียบสงัด ไม่ได้ยินเสียงใดๆ ลมต้นฤดูใบไม้ร่วงหนาวเย็นเล็กน้อย แต่ในห้องกับร้อนดุจแสงแดดในฤดูร้อน