ตอนที่ 682 ฝืนสังขารอีกสิบปี

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

สามวันหลังจากนั้น มู่เฉียนซีก็พ่ายแพ้!

กล่องนั้นยังคงว่างเปล่าอยู่เช่นเดิม ในนั้นไม่มีแม้แต่ยาเม็ดสักเม็ดเดียว

กล่องเล็กกล่องนี้เหมือนกับสัตว์ป่าที่ตะกละตะกลามตัวหนึ่ง ไม่ว่าจะหาอะไรให้กินเท่าไรก็ไม่รู้จักอิ่ม ช่างน่าปวดหัวเสียจริง

เสี่ยวเย่ากล่าว “สาวน้อย อย่าเพิ่งท้อแท้นะ! เวลาในการคัดเลือกในครั้งนี้ยังมีอีกมาก เจ้าจะต้องสู้และเชื่อว่าตนเองจะสามารถทำได้”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ารู้ ที่แพ้ก็เพราะว่าข้านั้นไม่ไวพอ!”

“ข้าจะเพิ่มความเร็วให้ไวขึ้น!”

ในเวลานี้ นอกจากหุบเขาโอสถแล้ว คนของหุบเขาเวินเหรินก็ติดตามสถานการณ์ในการคัดเลือกครั้งนี้เช่นกัน

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว “การคัดเลือกในครั้งนี้ไม่เลวเลย และยังมีผู้ที่สามารถขึ้นไปยังชั้นที่หกได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย”

“แต่ถึงจะทะลวงขึ้นไปชั้นที่หกได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะดูเหมือนว่าการทดสอบอันวิปริตของชั้นที่หกนั้นจะไม่มีใครสักคนที่สามารถผ่านการทดสอบมาได้หลายพันปีแล้ว”

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินเองก็เคยขึ้นไปชั้นที่หกมาแล้ว จึงได้รู้เกี่ยวกับการทดสอบอันวิปริตนั่น

“นั่นมิใช่สิ่งที่มนุษย์จะสามารถทำได้ หากจะไปให้ถึงความเร็วขนาดนั้นได้ เช่นนั้นก็คงจะไม่ใช่มนุษย์เสียแล้ว หากแต่เป็นเครื่องจักรแห่งการปรุงยาต่างหาก การทดสอบของชั้นที่หกนั้นช่างยากลำบากและทรมานมนุษย์อย่างเราเสียจริง”

ผู้อาวุโสแห่งหุบเขาโอสถถอนหายใจแล้วกล่าว “แต่ว่าในครั้งนี้ หากไม่มีผู้ที่สามารถทะลวงขึ้นไปยังชั้นเจ็ดได้ เกรงว่าอายุขัยของหอโอสถนั้นคงจะต้องถึงกาลสิ้นสุดเสียแล้ว พวกเราได้ปกปักรักษาหอโอสถมาเป็นเวลานานเช่นนี้ และหอนั่นก็เป็นเหมือนดั่งอาจารย์ของเรา ข้านั้นไม่อยากที่จะให้มันต้องพังทลายลงเลยจริงๆ”

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินถอนหายใจ “ทั้งหมดนี้ก็คงจะต้องดูกันที่โชคชะตาแล้วละ!”

มู่เฉียนซีนั้นไม่รู้ว่าตนเองได้ล้มเหลวไปแล้วกี่ครั้ง แต่ว่านางจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน

ทุกครั้งที่นางล้มเหลวนางก็จะไปคิดทบทวนสิ่งที่ผ่านมา ในระยะเวลาสามวันจำนวนของยาที่นางสกัดออกมานั้นแต่ละวันมีจำนวนมากขึ้นกว่าวันก่อนหน้า ขอแค่เพียงก้าวหน้าต่อไปเรื่อยๆ เช่นนั้นก็จะสามารถผ่านด่านไปได้อย่างแน่นอน

การปรุงยาระดับเก้าเช่นนี้ มู่เฉียนซีเองก็ยิ่งคุ้นชินมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่ใช้ในการสกัดออกมาก็ไวขึ้นเช่นกัน

ส่วนอวี้เหลียนชิงและไป๋เหลิ่งชวงก็ได้มาถึงยังชั้นที่หกแล้ว พวกเขาเองก็ได้ฟังกฎไปแล้วและหลังจากที่ได้ล้มเหลวไปแล้วครั้งหนึ่ง พวกเขาก็รู้สึกว่าหนทางข้างหน้านั้นช่างมืดมน

“ในครั้งนี้กลับมีผู้ที่สามารถขึ้นไปยังชั้นที่หกได้ถึงสามคน!” ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งหุบเขาโอสถกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง

“แต่ถ้าหากว่าไม่มีใครสามารถขึ้นไปที่ชั้นที่เจ็ดได้ ความหวังของพวกเราก็คงจะไม่เป็นจริง!” หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวออกมาด้วยความจนปัญญาเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยความพยายามอย่างหนักของมู่เฉียนซี ถึงแม้ว่านางจะล้มเหลวไปอีกครั้ง แต่ในกล่องนั้นกลับมียาถึงครึ่งหนึ่งที่ไม่ได้ถูกกลืนกินไป

ดวงตาของมู่เฉียนซีส่องประกายออกมา ในที่สุดเจ้ากล่องน้อยนี่ก็ถึงขีดจำกัดแล้วหรือ?

ในเมื่อรู้ว่ากล่องนี้ได้ถึงขีดจำกัดของมันแล้ว นางจึงได้ฮึดสู้ขึ้นอีกครั้งและจะต้องสามารถผ่านด่านไปได้อย่างแน่นอน

ในตอนนี้เสี่ยวเย่านั้นไม่กล้าที่จะส่งเสียงออกมารบกวนมู่เฉียนซี แต่มันกลับแอบตื่นเต้นอยู่ในมุมมืด และมันมีความสุขเป็นอย่างมาก

มันไม่ได้มองคนผิดไปจริง ๆ สาวน้อยจะต้องสามารถทำลายสถิติที่ไม่มีใครเคยผ่านด่านของชั้นหกไปได้อย่างแน่นอน นางจะต้องทำได้อย่างแน่นอน

สิบครั้ง มู่เฉียนซีได้ล้มเหลวเพิ่มอีกครั้งหนึ่ง

แต่ทว่ายาที่อยู่ในกล่องนั้นกลับมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ในครั้งที่สิบนั้นมันขาดไปแค่เพียงเม็ดเดียวเท่านั้น

กว่าจะมาถึงขั้นที่เหลือยาอีกเพียงเม็ดเดียวก็จะสามารถเติมเต็มกล่องนั้นได้ มู่เฉียนซีได้ทุ่มพลังทั้งหมดที่มีสกัดยาอยู่เป็นเวลาถึงเก้าวัน ในที่สุดก็นับได้ว่าใส่ยาเม็ดได้เต็มกล่องนั้นเสียที

ปัง! มู่เฉียนซีนั่งลงบนพื้น นี่เป็นการปรุงยาที่สิ้นเปลืองแรงพลังที่สุดตั้งแต่นางเคยประสบมา

แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะเป็นผู้ที่บ้างานผู้หนึ่งก็ตาม แต่ก็ไม่เคยทำงานอย่างหนักเช่นนี้มาก่อน!

เสี่ยวเย่ารู้ว่ามู่เฉียนซีต้องการที่จะพักผ่อนจึงมิได้รบกวนนาง มันเพียงแค่กล่าวขึ้นด้วยเสียงอันเบาว่า “สาวน้อย เจ้าทำสำเร็จและผ่านด่านแล้ว ตอนนี้ยังมีเวลาเหลืออยู่อีก เจ้าพักผ่อนให้ดีๆ อย่าได้ให้ตนเองนั้นเหนื่อยจนร่างกายพังเสียเล่า”

มู่เฉียนซีดื่มยาฟื้นฟูกำลังไปหลายขวดพร้อมทั้งยานอนหลับ นั่นจึงทำให้หัวสมองของนางว่างเปล่าและหลับไปในทันที

นางอยากจะพักผ่อนให้เต็มที่จริง ๆ เพราะการทดสอบของชั้นที่เจ็ดนั้นจะต้องวิปริตกว่านี้อีกเป็นแน่ ร่างกายของนางจะต้องฟื้นฟูให้ถึงสภาพที่ดีที่สุดเท่านั้น ถึงจะสามารถไปตะลุยชั้นต่อไปได้

เมื่อมู่เฉียนซีตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ร่างกายของนางก็ได้ฟื้นฟูจนถึงขั้นที่ดีที่สุดแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “เสี่ยวเย่า เข้าจงพาข้าไปชั้นที่เจ็ด!”

เสี่ยวเย่ากล่าวอย่างดีใจว่า “ได้! ได้! ได้! ข้าจะส่งเจ้าไปยังชั้นที่เจ็ดเดี๋ยวนี้เลยสาวน้อย”

เมื่อมู่เฉียนซีได้มาถึงชั้นที่เจ็ด ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งหุบเขาโอสถก็ตะลึงค้าง

“หัวหน้าหุบเขา! มีคนไปชั้นที่เจ็ดแล้ว มีคนขึ้นไปบนนั้นแล้ว ช่างประเสริฐนัก”

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินไม่อยากที่จะเชื่อสายตาของตนเอง “จริงเหรอ ? มีคนไปชั้นที่เจ็ดแล้วจริง ๆ เหรอ? ข้านั้นกำลังอยู่ในภาพลวงตาหรือไม่”

“เป็นเรื่องจริง! พวกเราชาวหุบเขาโอสถได้รอมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ในที่สุดก็มีผู้ที่ขึ้นไปชั้นที่เจ็ดได้เสียที”

หัวหน้าหุบเขาโอสถสูดลมหายใจเข้าไปอย่างลึกและกล่าวออกมา “อย่าเพิ่งดีใจกันไวไปนัก ถึงแม้ว่าจะไปถึงชั้นที่เจ็ดแล้วก็ไม่แน่ว่าจะสามารถผ่านการทดสอบของชั้นที่เจ็ดไปได้ ไม่เคยมีใครรู้ว่าการทดสอบของชั้นที่เจ็ดนั้นคืออะไร ? ถ้าหากว่าไม่สามารถผ่านการทดสอบไปได้ ถึงแม้ว่าจะขึ้นไปบนชั้นที่เจ็ดได้แต่ก็ไร้ประโยชน์เช่นเดิม”

ผู้อาวุโสเหล่านั้นได้สงบอารมณ์ของตนเองลง “หัวหน้าหุบเขากล่าวถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ได้ขึ้นไปบนชั้นที่เจ็ด อย่างไรเสียนั่นก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง! บัดนี้ได้มีอัจฉริยะที่เราก็ไม่รู้ว่าเป็นใครสามารถทำเรื่องที่ไม่มีใครสามารถทำได้มาหลายพันปี”

พวกเหล่าผู้อาวุโสกำลังถกเถียงกันถึงเหล่าผู้อัจฉริยะที่ทำคะแนนได้โดดเด่นในตอนแรก และยังเดากันต่อว่าเป็นใครที่ขึ้นไปบนชั้นที่เจ็ด

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถรู้ได้ว่าชั้นไหนมีคนอยู่จำนวนเท่าไร แต่พวกเขาก็ไม่สามารถรู้อย่างละเอียดว่าผู้ใดอยู่ที่ชั้นไหน ตอนนี้ในใจของพวกเขานั้นรู้สึกคันเพราะใคร่ที่จะรู้ยิ่งนัก

“หรือว่าจะเป็นลูกศิษย์ของเจ้าเฒ่าประหลาดแห่งหุบเขาหมอเทวดานั่น ถึงเจ้าเด็กนั่นจะมีลูกเล่นแต่เขาก็ไม่ได้เก่งกาจถึงขั้นนั้นนี่นา!”

“ข้าคิดว่าจะต้องเป็นสาวน้อยชวงผู้เย็นชาและหยิ่งทะนงผู้นั้น!”

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวขึ้น “หรือว่าพวกท่านลืมสาวน้อยผู้อยู่อันดับหนึ่งที่ได้สร้างเรื่องอัศจรรย์นั้นขึ้นมาแล้วหรือ?”

“สาวน้อยผู้นั้นได้สร้างความอัศจรรย์เอาไว้ก็จริง แต่ข้าได้ยินมาว่าเด็กสาวนั่นเป็นเพียงแค่จักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สองเท่านั้น ซ้ำร้ายนางยังเป็นผู้บำเพ็ญภูตธาตุน้ำอีก อย่าว่าแต่ไปถึงชั้นที่เจ็ดเลย ต่อให้เป็นชั้นที่ห้าก็ยังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวอย่างไม่เห็นด้วยว่า “เด็กสาวผู้นั้นทำเรื่องให้ข้าประหลาดใจตั้งมากมาย เช่นนั้นข้าจึงคิดว่าทุกเรื่องนั้นล้วนเป็นไปได้!”

“ดูเหมือนว่าท่านหัวหน้าหุบเขาจะให้ความสำคัญกับเด็กสาวนั่นมาก! หวังว่านางจะสามารถพอที่จะสร้างเรื่องอัศจรรย์ขึ้นมาได้อีกเรื่องหนึ่ง”

มู่เฉียนซีนั้นได้เตรียมตัวมาแล้วเป็นอย่างดี คิดว่าการทดสอบของชั้นที่เจ็ดนั้นจะต้องวิปริตเป็นอย่างมาก แต่ที่จริงแล้วมันกลับไม่เป็นเช่นนั้น

การทดสอบของชั้นที่เจ็ดนั้นเรียบง่ายเป็นอย่างมาก

“สาวน้อย เจ้าจงสกัดยาที่เจ้าถนัดที่สุดและมีระดับขั้นสูงที่สุดออกมา”

แต่ มันจะง่ายดายเช่นนั้นเลยหรือ?

เสี่ยวเย่าเองก็ยังคงกลัดกลุ้มอยู่ มันกล่าวขึ้น “แต่เรื่องนี้มันมีข้อกำหนดว่า อย่างน้อยจะต้องเป็นยาขั้นปฐพี ถ้าหากว่าเป็นยาเม็ดธรรมดาทั่วไปละก็ หอโอสถจะมองข้ามมันไปในทันที”

“ในตอนนั้นนายท่านของข้าคาดไม่ถึงว่า ผู้ที่สามารถขึ้นมาชั้นที่เจ็ดได้จะเป็นเพียงจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สองเท่านั้น ดังนั้นจึงได้ออกบททดสอบที่ยากลำบากแก่สาวน้อยเอาไว้”

“สาวน้อย ถึงแม้ว่าจะล้มเหลวก็ไม่เป็นไร อายุของเจ้านั้นคงยังไม่เกินยี่สิบปี ข้านั้นจะอดทนอยู่ให้ได้อีกสิบปี รอให้เจ้าในอีกสิบปีข้างหน้ามาท้าทายทำการทดสอบ ในตอนนั้นเจ้าจะต้องเป็นจักรพรรดิแห่งภูตที่มีระดับขั้นอย่างสูงแล้วเป็นแน่ และการที่จะสกัดยาขั้นปฐพีออกมานั้นจะต้องไม่เป็นปัญหาอย่างแน่นอน”

มู่เฉียนซีถามขึ้น “สิ่งที่เจ้าพูดหมายความเช่นไร? อะไรคือสิ่งที่ว่าจะอดทนอยู่รอข้าให้ได้อีกสิบปี? เจ้านั้นเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์โบราณและได้ดำรงอยู่มาแล้วหลายพันปี แล้วระยะเวลาเพียงแค่สิบปีแต่เจ้ากลับบอกว่าจะอดทนอยู่ให้ถึง”