ช่างเป็นการลงโทษทางจิตที่โหดร้ายจริงๆ
“ปัง ปัง”
เป็นเสียงของหมัดและเท้าที่เตะ ทุกคนต่างก็คิดว่าซูจิ้งคงอัดไปหลายยกแล้ว อย่างไรก็ตามมีเสียงหวูตี้หลายคนดังตามมาหลายครั้ง บอกให้รู้ว่าซูจิ้งยังอยู่กึ่งกลางอยู่ เขาดูเป็นปกติ มั่นคงขณะที่ใช้ทักษะมวย พวกเขาไม่มีโอกาสเลยสักนิด
ในเวลาเดียวกันนั้นอยู่ดีๆเขาก็เคลื่อนไหว เกือบจะเร็วพอๆกับเสือชีต้าเลย ทันใดนั้นก็เข้าไปประชิดตัวและชกออกไปปานสายฟ้า หวูตี้และคนอื่นๆถูกเขาชกเข้าอย่างจังและลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็เป็นฉากการกลิ้งไปอยู่ด้านข้าง แม้หลายคนล้อมรอบซูจิ้ง อย่างไรก็ตามซูจิ้งดูเหมือนจะมีตาอยู่ทุกที่และหลีกเลี่ยงการโจมตีได้อย่างง่ายดาย ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว เขาไม่พลาดเลยแม้เส้นขน เขาซ้อมอีกฝ่ายจนลงไปกองกับพื้น
ชกคนจนลอยกระเด็นจนลุกขึ้นมาอีกไม่ขึ้นและต้องนอนร้องคร่ำครวญอยู่ที่พื้นแทน เรื่องทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึง 5 วินาทีเลย นอกจากนี้ซูจิ้งยังใช้มือแค่ข้างเดียวด้วย ดูเหมือนว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขาสู้ด้วยมือแค่ข้างเดียว
“โอ้ พระเจ้า” พระเอกของกระบี่เทพธิดาถึงกับตะลึง
“ชิงชิง แฟนเธอไปโกรธอะไรมาเนี่ย?” หลินฉีหยูและนาลันเฟยต่างก็ตกตะลึง ฉือชิงไม่มาทางเลือกจึงได้แต่ยิ้ม ดูเหมือนว่าความกังวลของเธอจะไม่จำเป็นเลย พูดตามตรงเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมซูจิ้งถึงทรงพลังขนาดนี้ ตอนที่เขาอยู่มัธยมเขาสู้แทบจะไม่ได้เลย แต่เมื่อไรที่ชนะก็ต้องมีแต่รอยเขียวช้ำไปหมด
“ถ้าคุณซูอยากที่จะเล่นหนัง ผู้กำกับหน้าหนวดจะต้องตื่นเต้นมากแน่ๆ พูดตามตรงนะนอกจากเจ็ตลีแล้ว นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นการต่อสู้ที่เป็นธรรมชาติและดุเดือดเลือดพล่านขนาดนี้ ถ้าซูจิ้งยอมที่จะเล่นหนัง เขาจะต้องกลายเป็นดาราดังแน่ๆ”
“พี่จิ้ง แข็งแกร่งมาก” หู่เฟ่ยหยุนลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น เขาไม่แปลกใจเลยที่ซูจิ้งชนะแต่เขาแปลกใจที่ดูเหมือนซูจิ้งจะแข็งแรงขึ้นมาก
“ยังสู้ต่อไหม?” ซูจิ้งมองไปที่หวูตี้และคนอื่นๆพร้อมรอยยิ้มและรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ด้วยมือแค่ข้างเดียว เขายังไม่ได้ทำการตรวจจับพลังจิตเลยแต่พวกเขาก็ยังไม่คู่ควรที่จะเอามาซ้อมด้วย ดูเหมือนว่าในอนาคตถ้าเขาอยากที่จะซ้อม เขาต้องหาคนในระดับหมาป่านักรบ, ปีศาจปลาหมึกและพญางูเหมิงเหม่ยเอ๋อเท่านั้น มีคนธรรมดาหลายร้อยคนดาหน้าเข้ามาแต่กลับไม่ทำให้เขากลัวเลยสักนิด
“ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว” หวูตี้ลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจ บางคนอยากที่จะร้องไห้เลยด้วยซ้ำ พวกเขามองไปที่หู่เฟ่ยหยุนอย่างเศร้าๆและในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมหู่เฟ่ยหยุนถึงไม่อยากที่จะเล่นด้วย เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วมันก็ตลกดี ในตอนแรกพวกเขายังคิดว่า 7 ต่อ 1 จะเป็นการรังแกซูจิ้งหรือเปล่า? ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าไม่ใช่พวกเขาที่รังแกซูจิ้งแต่เป็นซูจิ้งต่างหากที่รังแกพวกเขา ซึ่งมันง่ายมากเหมือนกันขยี้ผักเลย ตอนนี้มันไม่ใช่แค่การทำลายล้างอย่างเดียว, เขาไม่ได้กินอาหารแถมต้องเป็นคนรับใช้ 3 วัน โอ้ นี่บ้าใช่ไหม?
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” หู่เฟ่ยหยุนมองไปที่สายตารันทดของพวกเขาและต้องหัวเราะออกมาอย่างจริงจัง
“คุณซู คือ คุณจะไม่สู้เป็นบ้าเป็นหลังไปตลอด 3 วันใช่ไหม?” หวูตี้คนหนึ่งพูดด้วยความหวัง
“แน่นอน เสียใจงั้นเหรอ?” ซูจิ้งพูดจุดความหวัง
“ไม่หรอก” หวูตี้ยิ้มให้พวกเขาซึ่งแย่กว่าการร้องไห้อีก ซูจิ้งไม่อยากให้พวกเขาทำอะไรแบบนี้แต่เขาต้องยอมแพ้ถ้าเขาพนัน ไม่งั้นเขาก็เสียพนันไปเปล่าๆคนเจ๋งๆพวกนี้สามารถเอาไปช่วยเปิดร้านเสื้อผ้าใหม่ของฉือชิงได้ทั้งช่วยทำความสะอาดและย้ายของด้วย พวกเขาทั้งแข็งแรงและก็แข็งแกร่งสำหรับใช้ในการฝึกต่อสู้ด้วย พวกเขาน่าจะเป็นคนที่เจ๋งมากๆ
“ฮ่าฮ่า” หู่เฟ่ยหยุนยังคงดีใจและโพสวิดีโอลงอินเทอร์เน็ตซึ่งดึงดูดความสนใจได้ในไม่ช้า
“พระเจ้า นี่ซูจิ้งอีกแล้ว คืนนี้เขาจะทำอะไรอีกเนี่ย? จะเป็นกู่ฉิน, ทำอาหารหรือการแข่งขันศิลปะการต่อสู้”
“ฮ่าฮ่า ฉันว่ามันบ้ามากๆที่เล่นในกลุ่มของ “กระบี่เทพธิดา””
“พระเจ้า โง่จริงๆ ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าซูจิ้งจะโง่ขนาดนี้ 1 ต่อ 7, มือเดียวและจัดการภายใน 5 วินาที”
“มันเจ๋งมากเลย แล้วก็โง่มากด้วย”
“ฉันเห็นวิดีโอหมัดเมาของเขาแล้วแต่เมื่อเทียบแล้วนี่หล่อกว่าเยอะเลย”
“เป็นการแสดงหรือเปล่าหรือเขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเลย”
“ไม่น่าจะจริง เดี๋ยวจะได้เห็นแล้วว่าคนเราจะตกต่ำได้ขนาดไหน”
พี่จิ้งคือครอบครัวเรา ถ้ามีเรื่องดราม่าอะไรมันก็จะเป็นแค่ในเน็ต”
“พูดได้ว่าเวลาที่เขาเมาเขาจัดการได้เป็นสิบ นี่ไม่ต้องพูดถึงตอนที่ไม่เมาเลย”
แฟนๆของซูจิ้งอีกครั้งที่ออกมาโต้ตอบแทนกับชาวเน็ตคนอื่นๆแต่แค่คำพูดจะเอามาหักล้างอะไรไม่ได้หรอก ใครกันที่เป็นไอดอลของพวกเขา? มันก็แค่ทวิตและมันดีกับแฟนๆอย่างมาก ผลประโยชน์สามข้อถูกปล่อยออกมาในคืนเดียว
นอกจากนี้คืนนี้แฟนๆของซูจิ้งก็มีความสุขอย่างมาก ไม่เพียงแค่ได้ฟังกู่ฉิน, ได้ดูวีดีโอทำอาหารสุดเจ๋ง, แต่ก็ยังได้เห็นวีดีโอศิลปะการต่อสู้อีกด้วยซึ่งน่าพึงพอใจอย่างมากจริงๆ พร้อมกันนั้นจำนวนแฟนๆของซูจิ้งก็เพิ่มมากขึ้นตามได้ด้วย
ซูจิ้งที่อยู่ในคฤหาสของผู้กำกับก็หยิบเหรียญตรานางฟ้าออกมาและเปล่งแสงแสงศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ซึมซับพลังวิญญาณ ผู้คนในคฤหาสน์มีการกระจายกำลังทางวิญญาณพอสมควร คืนนี้เหล่าดาราพวกนี้ต่างก็ชื่นชมซูจิ้ง หลังจากนั้นไม่นานพลังทางจิตวิญญาณอันไม่มีที่สิ้นสุดจากระยะไกลถูกดึงดูดซึ่งทำให้ซูจิ้งมีช่วงเวลาที่ดีมากๆ ส่วนหนึ่งของมันถูกฉีดเข้าไปในจิตของเขา, ส่วนหนึ่งของมันถูกทิ้งไว้ในเหรียญตรานางฟ้าและเปลี่ยนเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาพวกคนที่ดื่มเข้าไปเยอะเกินไปต่างก็เมามาย เที่ยวเล่นไปทั่วและสร้างปัญหา พวกเขาสนุกกันนิดหน่อยและเริ่มออกเดินทางตอนเที่ยงคืน ในช่วงเวลาที่ออกเดินทางหลินฉีหยูและน้าของเธอก็เรียกซูจิ้งไว้ ในตอนแรกเธอมีบางอย่างที่จะพูดคุยกับซูจิ้งแต่มีคนอยู่ในงานปาร์ตี้มากเกินไป มันไม่สะดวกที่จะพูดจึงรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย
ผู้กำกับหน้าหนวดยกทั้งห้องโถงให้พวก ซูจิ้ง, ฉือชิง, หลินฉีหยู พร้อมทั้งนาลันเฟยด้วย คนอื่นๆออกไปจากห้องโถงหรือไปอยู่กันในห้องนั่งเล่นแทน และไม่ได้เข้ามารบกวนพวกเขา
“คุณซู ขอพูดตามตรงนะ ฉันมีอะไรบางอย่างที่จะถาม” น้าของหลินฉีหยูพูด
“มันเป็นอาการของโรคหวัดหรือเปล่า?” ซูจิ้งเดาว่าสาเหตุของเรื่องนี้ก็คือน้าของหลินฉีหยูใส่เสื้อผ้าหลายชั้นเกินไป ที่ชั้นแรกเธอไม่ได้สวมเสื้อผ้าหนา อย่างไรก็ตามถ้ามองดีๆ มันน่าจะมีเสื้อผ้าอุ่นๆอยู่ข้างใน ในอากาศแบบนี้ถ้าเป็นคนปกติธรรมดาก็จะรู้สึกว่าสวมเสื้อแขนยาวมันร้อนเกินไปหน่อย บางทีน้าของหลินฉีหยูอาจจะได้ยินมาจากคุณนายซุนว่าชาของเขาช่วยรักษาอาการหวัดได้
“พูดตามตรงนะมันไม่ใช่อาการของโรคหวัดหรอกแต่เป็นอาการกลัวโรคเย็นมากกว่า” น้าของหลินฉีหยูพูด
“มันต่างกันตรงไหนเหรอครับ?” ซูจิ้งตะลึง
“ฉันได้ยินมาจากคุณนายซุนว่าชาของคุณช่วยรักษาอาการของเธอได้ เธอมีอาการโรคกลัวความเย็น แต่ของฉันรุนแรงกว่ามาก เวลาที่ฉันต้องเจอน้ำเย็นแบบกระทันหัน มันไม่ใช่แค่รู้สึกเย็นธรรมดานะแต่เป็นอาการช็อคเลยล่ะ” น้าของหลินฉีหยูถอนหายใจและอธิบายรายละเอียด โรคที่เรียกว่าโรคกลัวความเย็นบอกได้ว่าเป็นโรคที่ช็อคจากน้ำเย็นได้ง่ายมากๆ บางคนถึงขนาดมีอาหารลมพิษเลยทีเดียว หรือบางก็ก็ถึงขนาดช็อคหรือเสียชีวิตเลยก็ว่าได้หรือจะเจอลมเย็นๆด้วยก็ตาม โรคแปลกๆแบบนี้พวกหมอจะเรียกกันว่า “ลมพิษเย็น” นั่นคืออาการแพ้อุณหภูมิเย็นๆ (~ ~ ~)