ตอนที่ 517 อสูรอันธพาล

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

เมื่อทราบสาเหตุที่ฝูงหมาป่าคลุ้มคลั่งเกินควบคุมเช่นนี้ ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็เริ่มคิดไตร่ตรองอย่างรวดเร็ว

หมาป่าฝูงใหญ่ข้างนอกมุ่งหน้าตรงเข้ามาในทิศทางของคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างรวดเร็ว หากพวกนางต้องการที่จะหลบหนีออกไป มันก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตาม หากทำเช่นนั้น จอมยุทธ์ผู้ที่เข้ามาในป่ากายสิทธิ์หลังจากนี้จะต้องตกอยู่ในอันตรายจากการถูกฝูงหมาป่าที่คลุ้มคลั่งเหล่านี้ล้อมโจมตีอย่างแน่นอน

“ท่านผู้นำ พวกเราจะจัดการกับฝูงหมาป่าที่คลุ้มคลั่งเหล่านี้รึไม่ ?”

สายตาของวังหลงและคนอื่น ๆ จับจ้องมาที่ฉินอวี้โม่และรอการตัดสินใจของนาง ในเมื่อพวกเขาเลือกเข้าร่วมกับเรือนเฟิงเสวี่ยแล้ว พวกเขาย่อมเคารพฉินอวี้โม่และปฏิบัติตามคำสั่งของนางอย่างเคร่งครัด

“ตราบใดที่เราจัดการหมาป่าขนทองได้ หมาป่าบ้าคลั่งพวกนั้นก็จะหยุดการเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หมาป่าขนทองตัวนี้ดูจะรับมือได้ไม่ง่ายเลย”

เมิ่งหมิ่นและคนอื่น ๆ ล้วนมีปัญญาเป็นเลิศ เมื่อเห็นหมาป่าขนทองขนาดใหญ่ตรงหน้า ทุกคนก็เข้าใจได้ทันทีว่าสิ่งที่ควบคุมหมาป่าพวกนั้นคือสิ่งใด อย่างไรก็ตาม พวกนางสัมผัสได้ถึงสภาวะพลังที่แผ่มาจากร่างหมาป่าขนทองและตระหนักได้ว่าการรับมือกับมันคงมิใช่เรื่องง่าย

“นายหญิง ข้าเชื่อว่าหมาป่าขนทองควรจะสูญพันธ์ุไปนานแล้ว มันเป็นเรื่องแปลกจริง ๆ ที่หมาป่าขนทองตัวนี้ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ข้าคิดว่าเราควรสยบมันและถามมันเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวมของที่นี่”

มารยาขมวดคิ้วและกล่าวออกไป ในความเข้าใจของมัน หมาป่าขนทองเป็นอสูรที่หายสาบสูญไปจากเดินแดนนานนับพันปีแล้ว ทว่าเวลานี้มันกลับปรากฏตัวให้เห็นตรงหน้า เรื่องนี้คงไม่เรียบง่ายอย่างที่เห็นเป็นแน่

เมื่อได้ยินวาจาของมารยา ฉินอวี้โม่ซึ่งลังเลในตอนแรกก็ตัดสินใจได้ทันที

“มารยา ข้าจะยกหมาป่าดุร้ายพวกนั้นให้เป็นหน้าที่ของเจ้าก็แล้วกัน”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะให้กับอสูรสาว ตราบใดที่มารยาควบคุมฝูงหมาป่าดุร้ายเหล่านั้นในชั่วขณะหนึ่งได้ นางก็สามารถเข้าไปสยบหมาป่าขนทองที่ได้รับบาดเจ็บตัวนี้ได้

มารยาพยักศีรษะด้วยสีหน้าที่จริงจัง หมาป่าพวกนั้นบ้าระห่ำเกินไปจนมันไม่มั่นใจนักว่าจะควบคุมพวกมันไว้ได้รึไม่

“นายหญิง พี่มารยากับข้าจะจัดการหมาป่าพวกนั้นเอง”

พลับพลึงแดงกล่าวพร้อมรอยยิ้มขณะร่างของมันปรากฏข้างกายฉินอวี้โม่และกล่าวด้วยความมั่นใจ

พลับพลึงแดงเป็นอสูรมายาที่มีความสามารถโดดเด่นในด้านการควบคุมและเห็นได้ชัดแล้วว่าจิตของหมาป่าเหล่านั้นน่าจะถูกควบคุมโดยหมาป่าขนทอง เหตุนั้นมันจึงต้องการลองดูว่าจะทำลายการควบคุมจากหมาป่าขนทองได้หรือไม่

“เอาล่ะ ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าทั้งสองจัดการก็แล้วกัน”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและไม่กล่าวสิ่งใดต่อ

“นายหญิง ท่านจะจัดการกับหมาป่าขนทองนั่นอย่างไรรึ ?”

มังกรอัสนีและอสูรอื่น ๆ ก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ พวกมันยังไม่รู้ว่านายหญิงของพวกมันจะจัดการกับหมาป่าขนทองตัวนี้ด้วยวิธีใด

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ”

ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างมั่นใจและกล่าวขึ้นเบา ๆ

หากหมาป่าขนทองตัวนี้อยู่ในสภาพความแข็งแกร่งเต็มร้อย นางก็คงไม่สามารถสู้ได้แน่ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หมาป่าขนทองบาดเจ็บสาหัสและประสิทธิภาพในการต่อสู้ของมันก็ลดลงไปมาก ตราบใดที่ฝูงหมาป่าเหล่านั้นไม่เข้ามารบกวน นางก็มั่นใจว่านางจะจัดการหมาป่ายักษ์ใหญ่ตรงหน้านี้ได้อย่างง่ายดาย

หลังจากบอกให้วังหลงและคนอื่น ๆ รออยู่ภายในคฤหาสน์เฟิงหัวต่อไป มารยาและเสี่ยวม่านก็ออกจากคฤหาสน์หลังน้อยไปก่อน

เสียงท่วงทำนองไพเราะเสนาะหูดังขึ้นเมื่อเสี่ยวม่านใช้ทักษะการควบคุมของมัน ในขณะเดียวกัน มารยาก็เริ่มวางข่ายอาคมหลายจุดอย่างรวดเร็วโดยที่ข่ายอาคมเหล่านั้นไม่ได้ทรงพลังมากนัก ทว่าเน้นไปที่พลังการควบคุมเพื่อขวางกั้นไม่ให้หมาป่าฝูงใหญ่ผ่านเข้ามาได้

หมาป่าบ้าคลั่งเหล่านั้นได้รับผลกระทบจากเสียงขลุ่ยควบคุมของเสี่ยวม่านและการเคลื่อนไหวของพวกมันก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนค่อย ๆ ช้าลงเรื่อย ๆ

หมาป่าขนทองซึ่งนอนแผ่อยู่บนพื้นก็รู้สึกถึงความผิดปกติและลืมตาโพลงพร้อมด้วยแสงสว่างจ้าปรากฏในดวงตาสีเขียวของมัน

“เจ้าหมาป่าขนทอง ไม่ต้องมองไปไหนทั้งนั้น คู่ต่อสู้ของเจ้าก็คือข้าเอง”

ฉินอวี้โม่ยิ้มกริ่มและปรากฏกายตรงหน้าหมาป่าขนทองอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มบนใบหน้าของนางยังคงไม่คลายไปขณะจ้องหน้าหมาป่ายักษ์ใหญ่ตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน

“มนุษย์รึ ?”

เมื่อมีมนุษย์ปรากฏตรงหน้า หมาป่าขนทองก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย มันไม่เข้าใจเลยว่าฉินอวี้โม่สลัดฝูงหมาป่าภายใต้การควบคุมของมันได้อย่างไร

“เจ้าหมาป่าขนทอง เจ้ามีจุดประสงค์อะไรจึงได้ควบคุมหมาป่าฝูงใหญ่พวกนี้และทำร้ายเหล่าจอมยุทธ์ที่เดินทางผ่านเข้ามาในป่ากายสิทธิ์ ?”

ฉินอวี้โม่รู้สึกได้ว่าแท้จริงแล้วหมาป่าขนทองตัวนี้มิได้ต้องการเพียงปกป้องตัวเองเท่านั้น ทว่ายังมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่

“เจ้ามนุษย์ หยุดพล่ามไร้สาระเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการจับตัวข้าและทำให้ข้ากลายเป็นอสูรมายาคอยรับใช้เจ้า แม้ตอนนี้ข้าจะบาดเจ็บหนัก ข้าก็ยังเป็นอสูรที่มีเกียรติศักดิ์ศรี หากเจ้ากำลังคิดอย่างที่ข้ากล่าวออกมาจริง…จงสลัดความคิดนั้นไปเสีย ข้าไม่มีทางยอมจำนนต่อเจ้าอย่างแน่นอน”

หมาป่าขนทองยืนขึ้นทั้งที่ยังคงมีเลือดสดไหลบริเวณช่วงท้องและขา ทว่าแววตาของมันที่มองฉินอวี้โม่ยังคงเปี่ยมไปด้วยความแน่วแน่และหนักแน่น

“หมาป่าขนทอง ผู้แข็งแกร่งย่อมได้รับความเคารพ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรืออสูรมายาอย่างเจ้า มันก็เป็นความจริงที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์ สาเหตุที่เจ้าไม่ต้องการจำนนต่อข้าเป็นเพียงเพราะเจ้าเชื่อมั่นในสายเลือดที่สูงส่งของตนเองก็เท่านั้น”

ฉินอวี้โม่ยิ้มเยาะและเข้าใจความคิดของหมาป่าขนทองได้ในทันที

“แล้วยังไงเล่า ? ข้ามีสายเลือดที่สูงส่งและไม่มีทางยอมเป็นอสูรรับใช้มนุษย์ตัวน้อยอย่างเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ามีพลังเพียงขอบเขตเซียนขั้นเก้าซึ่งถือว่าอ่อนแออย่างยิ่ง ต่อให้ข้าเป็นอสูรมายาของเจ้า ข้าก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ กลับคืนมา แล้วเหตุใดข้าจะต้องยอมเป็นอสูรมายาของเจ้า ?”

หมาป่าขนทองกล่าวโดยไม่สะทกสะท้านที่ฉินอวี้โม่เยาะเย้ยความคิดของมัน มันเป็นถึงราชาของเผ่าหมาป่าและอยู่ในระดับสูงที่สุด แน่นอนว่ามันไม่มีทางยอมจำนนต่อมนุษย์ที่ต่ำต้อยอย่างง่ายดาย

“ข้อดีของมันคือเจ้าจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป”

ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาและเพลิงลุกโชนปรากฏบนปลายนิ้ว ทว่านั่นทำให้หมาป่าขนทองสั่นสะท้านขึ้นมาทันที

แม้ว่ามันจะเป็นถึงราชาของเผ่าหมาป่า ทว่ามันก็ยังคงรู้สึกถึงแรงกดดันอันแรงกล้าเมื่ออยู่ต่อหน้าเทพอสูร นี่เป็นแรงกดดันในระดับสูงและมิใช่สิ่งที่ความแข็งแกร่งของมันจะสามารถเอาชนะได้

“เจ้าหมาป่าขนทองตัวน้อยเอ๋ย กล้าที่จะโอ้อวดว่าตนเองมีสายเลือดสูงส่ง อีกทั้งยังกล่าววาจาหยามเกียรตินายหญิงของข้า เชื่อข้าเถอะว่าข้าจะเผาเจ้าจนกลายเป็นหมาป่าย่าง !”

น้ำเสียงอันน่าเกรงขามของซิวดังขึ้นในโสตประสาทของหมาป่าขนทอง ทว่าเจ้าของเสียงมิได้ปรากฏร่างให้เห็น

เมื่อไม่นานมานี้ ซิวเข้าสู่สภาวะเก็บตัวจำศีลอีกครั้ง บัดนี้เมื่อมาอยู่ในดินแดนเทพมายาแล้ว อีกไม่นานมันก็จะได้เผชิญกับทัณฑ์สายฟ้า

หากมันผ่านพ้นการลงทัณฑ์สายฟ้าไปได้ ความแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดไปถึงระดับพสุธาเซียนขั้นสูงสุดซึ่งเพียงพอที่จะประจันหน้ากับฉินมู่ยวี่บุคคลทรยศนั้นได้ หรือแม้แต่ยอดฝีมือระดับหัวกะทิจากภูมิภาคกลางของดินแดนเทพมายาที่เผชิญหน้ากับพลังอำนาจของมันในตอนนั้น พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะได้

เมื่อได้ยินน้ำเสียงน่าเกรงขามและยโสโอหังของซิว หมาป่าขนทองก็อยากสาดวาจาตอบโต้ทันที ทว่ามันก็ถูกกดข่มไว้ด้วยแรงกดดันอันทรงพลังของซิวและกล่าวสิ่งใดออกไปไม่ได้

“จะยอมจำนนแต่โดยดีหรือจะให้ข้าลบล้างจิตใต้สำนึกทั้งหมดของเจ้าและให้นายหญิงของข้าทำพันธสัญญากับเจ้าอย่างบังคับฝืนใจ ?”

หมาป่าขนทองหวาดกลัวอย่างยิ่งและเสียงของซิวดังขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าใช้น้ำเสียงที่ทะนงตนอย่างที่สุด หมาป่าขนทองก็สัมผัสได้ว่ามันมิใช่การกล่าวโกหกอย่างแน่นอน เจ้าของเสียงที่ทรงพลังนี้มีความแกร่งกล้าอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม หมาป่าขนทองเป็นอสูรมายาที่มีสายเลือดสูงส่งและบริสุทธิ์ การยอมจำนนแต่โดยดีมิใช่ธรรมชาติของมัน เวลานี้มันจ้องหน้าฉินอวี้โม่ด้วยแววตาดุดันขณะที่ร่างพองโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่คาดคิดว่ามันต้องการจะระเบิดตัวเอง

“คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้ามีโอกาสระเบิดตัวเองงั้นรึ ?”

แน่นอนว่าเมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของหมาป่าขนทอง ซิวก็กล่าวอย่างเยือกเย็นทันที แรงกดดันอันทรงพลังแผ่ออกไปยังร่างของหมาป่าขนทอง ส่งผลให้พลังทั้งหมดในร่างของมันติดชะงักและทำอะไรไม่ได้อีก

หากว่าหมาป่าขนทองตัวนี้อยู่ในสภาพแข็งแกร่งเต็มร้อย ซิวก็คงมิอาจควบคุมมันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ทว่าตอนนี้หมาป่ายักษ์ใหญ่บาดเจ็บสาหัสส่งผลให้ความแข็งแกร่งของมันในตอนนี้อยู่เพียงระดับพสุธาเซียนขั้นต้นเป็นอย่างมาก

แม้ว่าซิวจะมีความแข็งแกร่งเพียงผิวเผินและตอนนี้ยังไม่ถึงขอบเขตเซียนด้วยซ้ำ ทว่าด้วยแรงกดดันทางสายเลือดที่ทรงพลังของมัน แม้แต่ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของอสูรระดับพสุธาเซียนขั้นสูงสุดก็ต้องลดน้อยลงอย่างมากเมื่อเผชิญหน้ากับมัน

“นายหญิง ทำพันธสัญญากับมันเถอะ”

เมื่อเห็นหมาป่าขนทองทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างอ่อนแรงและไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป ซิวก็กล่าวกับฉินอวี้โม่เบา ๆ เพื่อให้นางทำพันธสัญญากับหมาป่าตรงหน้า

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่รอช้า นางทำพันธสัญญากับหมาป่าขนทองและมันก็กลายเป็นอสูรมายาของนางในทันที

เป็นเพราะกายเทพมายา หลังจากทำพันธสัญญากับฉินอวี้โม่ ไม่เพียงแต่บาดแผลบนร่างหมาป่าขนทองจะฟื้นตัวโดยสมบูรณ์เท่านั้น ทว่าความแข็งแกร่งของมันก็เพิ่มขึ้นทีละน้อยจนบรรลุถึงระดับพสุธาเซียนขั้นสูง

“นี่มัน…”

หลังจากทำพันธสัญญาเสร็จสิ้น แรงกดดันจากซิวก็ถูกถอนกลับไปเช่นกัน หมาป่าขนทองตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตัวมันเองและสีหน้าบ่งบอกถึงความอัศจรรย์ใจอย่างชัดเจน

ตอนนี้มันกลายร่างเป็นเด็กหนุ่มรูปงามที่มีเส้นผมสีทองสลวยและอาภรณ์สีเหลือง

“ฮ่า ๆ ๆ ไม่เคยมีใครนึกเสียใจกับการที่ได้ทำพันธสัญญากับนายหญิง”

เสียงของมังกรอัสนีดังขึ้นในหูของหมาป่าขนทองและหมาป่าราตรีก็ปรากฏขึ้นมาข้างกายของหมาป่าขนทองพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน

“มังกรอัสนี หมาป่าราตรี หงส์แดง…”

หลังจากทำพันธสัญญากับฉินอวี้โม่ แน่นอนว่ามันก็รับรู้ถึงตัวตนของอสูรอื่น ๆ เช่นกัน เมื่อสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งของอสูรเหล่านั้นไม่ธรรมดาและยังมีสายเลือดที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง มันก็ประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม

“กายเทพมายา !”

เมื่อสัมผัสถึงพลังงานพิเศษในร่างของฉินอวี้โม่อีกครั้ง หมาป่าขนทองก็โพล่งออกมาทันที

เมื่อครู่นี้ที่ประจันหน้ากับฉินอวี้โม่ผู้ครองกายเทพมายาที่อสูรทุกตัวต่างก็ใฝ่ฝัน ไม่คาดคิดว่ามันจะต้องการระเบิดตัวเองและคิดว่าไม่มีทางยอมจำนนต่อฉินอวี้โม่แน่ เมื่อนึกย้อนกลับไปในตอนนี้ ความคิดเช่นนั้นก็ช่างน่าขันสิ้นดี

“เป็นอย่างไรล่ะ ? ทีนี้เจ้าจะยอมจำนนแต่โดยดีหรือไม่ ?”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวออกไป นางเข้าใจถึงปฏิกิริยาของหมาป่าขนทองตรงหน้าได้เป็นอย่างดี

“แน่นอนว่าข้ายอมรับในตัวท่านแล้ว”

หมาป่าขนทองพยักหน้าหงึกหงักและแววตาแสดงถึงความเคารพอย่างแท้จริง ในเมื่อมีนายหญิงที่มหัศจรรย์เช่นนี้ มันก็ต้องยอมรับอย่างแน่นอน มันเพียงแต่หวังว่าผู้เป็นนายจะไม่เอารัดเอาเปรียบมันเหมือนมนุษย์คนอื่น ๆ

“ทำให้หมาป่าคลั่งพวกนี้ถอยออกไปก่อนเถอะ !”

เมื่อมองไปยังฝูงหมาป่าบ้าระห่ำที่มารยาและเสี่ยวม่านกำลังรับมือ ฉินอวี้โม่ก็กล่าวขึ้นเบา ๆ

“โฮกกก !”

หมาป่าขนทองพยักศีรษะและส่งเสียงคำรามออกไป

เมื่อได้ยินเสียงคำรามของหมาป่าขนทอง หมาป่าฝูงใหญ่ก็เรียกสติกลับคืนมาได้ในทันที พวกมันมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาประหลาดก่อนหายตัวไปจากตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

จากนั้นฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็กลับเข้าในคฤหาสน์เฟิงหัวและมองดูหมาป่าขนทองพร้อมกล่าว “หมาป่าขนทอง สิ่งใดกันที่ทำให้เจ้าบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ได้ ?”

นี่เป็นสิ่งที่ฉินอวี้โม่สงสัยใคร่รู้อย่างมากและมันก็เป็นสิ่งที่คนอื่น ๆ อยากทราบเช่นกัน

“นายหญิง มันเป็นฝีมือของเจ้าอสูรอันธพาลนั่นบนเทือกเขากายสิทธิ์!”

ใบหน้าของหมาป่าขนทองเปลี่ยนไปเล็กน้อยและใบหน้าหล่อเหลาของมันแสดงถึงความหวาดหวั่นในทันที

.

.