บทที่ 862 พี่น้อง

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 862 พี่น้อง

“พวกคุณพูดอะไรกัน?”

“ตกลงพวกคุณเป็นใครกันแน่?” ซูซูราวกับรับรู้อะไรบางอย่างจากคำพูดของฉินเปียวได้ในทันทีพลันอดที่จะตกใจออกมาไม่ได้

ในที่สุดยายแม่มดจึงได้เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของตัวเองออกมา นางที่จับมือของซูซูเอาไว้แน่นนั้น พลันกล่าววาจาออกมาด้วยท่าทีดุร้ายว่า “นังสารเลวนี่ กำลังตั้งครรภ์เมล็ดพันธุ์ของฉินเทียนอยู่ อย่างไรนางย่อมต้องตายอย่างแน่นอน!”

“นายน้อยเปียว ต่อไปนี้เมล็ดพันธุ์ของตระกูลฉินสายเก่า มีเพียงท่านที่เป็นผู้สืบทอดคนเดียวเท่านั้น!”

“หากจินตุนมาถึงเมื่อไหร่ เรื่องราวคงวุ่นวายมากกว่านี้แน่ รีบไปกันเถอะ!”

ยายแม่มดหาได้เห็นฉินเปียวอยู่ในสายตาไม่ ในยามนี้แผนการของนางใกล้จะสำเร็จแล้ว นางจึงวางมาดโอ้อวดราวกับผู้อาวุโสในทันที

ยามที่นางกำลังจะเดินผ่านฉินเปียวเพื่อออกไปจากที่นี่เร็ว ๆ นั้น

ทันใดนั้นเอง นางพลันรู้สึกเย็นวาบที่หลัง พร้อมกับภายในใจที่สั่นสะท้านไปครู่หนึ่ง เมื่อก้มหน้าลงมามองนั้น กลับพบใบมีดาบเล่มหนึ่งที่แทงเข้าที่หน้าอกของนาง

ยายแม่มดพลันอ้าปากค้างไปในทันที พลางมองไปเห็นรอยยิ้มลึกลับและแปลกประหลาดของฉินเปียวที่กำลังส่งยิ้มมาให้นาง

“นายท่าน!”

พร้อมร่างของชายผู้หนึ่งที่มีผิวขาว แม้แต่ผมและคิ้วก็ยังเป็นสีขาวเช่นเดียวกัน ราวกับว่า คนผู้นี้หาได้เคยพบเห็นดวงอาทิตย์มาตั้งแต่เกิดไม่ เขาพลันมานั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าฉินเปียว

ฉินเปียวเพียงพยักหน้าและยิ้มออกมา “ไป๋หยา เจ้าทำได้ดี”

“ฮุยเฮ้อก็ตายไปแล้ว ดาวสังหารที่อยู่ในมือของฉันเหลือแค่นายเท่านั้น ต่อไปนี้ก็ติดตามฉันดี ๆ เล่า”

“ขอรับนายท่าน!”

นักฆ่าที่มีฉายาว่าไป๋หยานั้น พลันค่อย ๆ ลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ พร้อมกับเดินไปอยู่ที่ข้างกายของฉินเปียวในทันที

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เวลาที่ซูซูมองไปที่เขานั้น ราวกับว่านางหลุดเข้าไปในห้องน้ำแข็งก็ไม่ปาน เมื่อนางหันมามองที่ฉินเปียว ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรต่อไปอีกกันแน่

เขาคิดจะฆ่าเธอหรือเปล่า

ฉินเปียวพลันเดินเข้ามาหนึ่งก้าว ก่อนที่คว้าดาบที่แทงเข้าไปในร่างของยายแม่มดออกมาอย่างช้า ๆ ราวกับไม่รีบไม่ร้อน

เมื่อมีดดาบที่ค่อย ๆ ถูกดึงออกมานั้น เลือดก็พลันคอย ๆ พุ่งออกมาจากบาดแผลในทันที พร้อมกับไหลนองออกมาด้านนอก

ยายแม่มดพลันเผยใบหน้าซีดขาวที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดออกมา

นางถลึงตาโตออกมาอย่างไม่คิดไม่ฝัน ก่อนจะเอ่ยพูดพึมพำออกมาว่า “ทะ….ทำไม?”

“ทำไม……ถึงทำแบบนี้…..”

พร้อมกับฉินเปียวที่ใช้แรงกระชากดาบออกมา

ยายแม่มดที่ถูกแทงพลันล้มลงไปนอนอยู่บนกองเลือดที่พื้นในทันที

หญิงชราที่นอนอยู่บนพื้นนั้น พลันจ้องมองไปที่ฉินเปียวก่อนจะพึมพำออกมา แม้นางใกล้จะตายก็ยังไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด

นางที่ซื่อสัตย์และภักดีต่อสองแม่ลูกคู่นี้เป็นอย่างดี แต่เพราะเหตุใด ทำไมนางถึงมีจุดจบเช่นนี้ได้

ฉินเปียวพลันเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “ข้าอดทนกับเจ้ามานานแล้ว”

“ในยามนี้ เจ้ายังกล้ามาแตะต้องพี่สะใภ้ของข้าอีก กล้ามาตัดขาดทายาทของตระกูลฉินสายเก่าเช่นนี้ เจ้ามันรนหาที่ตายให้กับตัวเอง”

พูดจบ ฉินเปียวพลันยกเท้าขึ้นมาเหยียบไปที่ลำคอของยายแม่มด เพื่อตัดบทวาจาร้ายกาจของนางทิ้งไป

ฉินเปียวหาได้มองไปที่ยายแม่มดไม่ เขาตัวราวกับตนเองเพิ่งจะเหยียบแมลงวันตายไปโดยไม่รู้ตัว

ก่อนที่จะหันมาแย้มยิ้มให้กับซูซูพร้อมด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเคารพและความชื่นชมมากมาย

“ด้านนอกไม่ค่อยปลอดภัยมากนัก พี่สะใภ้ ให้ผมส่งพี่กลับไปบนห้องท่านย่าเถอะ”

“ที่นั่นดูปลอดภัยกว่ามาก”

ฉินเปียวที่ดูอ่อนโยนและดูสุภาพเช่นนี้ ทำเอาซูซูเองก็รู้สึกหวาดระแวงในตัวเขาเช่นกัน นางต้องการที่จะหาที่สงบจิตสงบใจโดยด่วน

ซูซูจึงได้แต่พยักหน้าลง เพื่อให้ฉินเปียวเดินนำทางนางไปส่งที่ห้องนอนของนายหญิงใหญ่

“เชิญพี่สะใภ้”

ฉินเปียวพลันยืนอยู่ที่หน้าประตู เสมือนกับว่า หากเขาเดินเข้าไปนั้น ดูจะเป็นการไม่สุภาพต่อนาง

พร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มขึ้น ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ไม่แปลกใจที่พี่ชายของฉันจะบ้าคลั่งเพราะคุณ อีกทั้ง ยังยอมเผยพลังที่แท้จริงของตัวเองออกมา ก่อนจะฆ่าองครักษ์สีเงินมากกว่าห้าร้อยคนทิ้งไปอีกด้วย”

“ที่แท้ เป็นเพราะพี่สะใภ้ทั้งโดดเด่นและงดงามเช่นนี้นี่เอง”

“นายคือ…….น้องชายของฉินเทียนเหรอ?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูซูพลันรู้สึกสับสนไปเล็กน้อย

ในตอนที่ได้ยินแม่มดพูดนั้น ชายหนุ่มที่อู่ตรงหน้าคงจะเป็นนายน้อยเปียว อีกทั้งเขายังเรียกนางว่าพี่สะใภ้อีกด้วย ต้องเป็นน้องชายของฉินเทียนอย่างแน่นอน

แต่ดูจากเมื่อครู่แล้ว ฉินเปียวน่าจะเป็นพวกเดียวกันกับยายแม่มดเมื่อครู่ไม่ใช่เหรอ พวกเขากำลังคิดที่จะต่อกรกับฉินเทียน

แต่ทำไม นายน้อยเปียวถึงได้ให้คนของเขาทำการสังหารยายแม่มดทิ้งละ?

ทำไมเขาต้องมาช่วยนางด้วย?

ซูซูรู้สึกงุนงงไปชั่วขณะ

จู่ ๆ นางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา พร้อมทั้งเอยถามขึ้นมาด้วยท่าทีหวาดกลัวว่า “นายต้องการจะใช้ชั้นเพื่อมาข่มขู่ฉินเทียนงั้นเหรอ?”

“ในเมื่อพวกนางเป็นพี่น้องกัน แล้วทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย? คุยกันหาทางออกอย่างสันติไม่ได้หรือ?”

“มีคำกล่าวเอาไว้ว่า พี่น้องที่แท้จริงย่อมต้องสู้รบ..”

ฉินเปียวพลันกล่าวตัดบทซูซูออกมาด้วยท่าทีแย้มยิ้ม “เรื่องราวของพี่น้องเช่นพวกเรานั้น มิอาจใช้คำอธิบายออกมาให้กระจ่างแจ้งได้ภายในหนึ่งถึงสองประโยค”

“การที่ผมได้มาพบพี่สะใภ้ในวันนี้น้องสามีเช่นผมก็ถึงคราวที่จะต้องบอกลาแล้ว”

ฉินเปียวพลันลังเลไปเล็กน้อย พร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย พลางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า“บอกกับฉินเทียนด้วยว่า ถึงแม้ว่าแม่ของผมจะมีความผิดจริง ถึงแม้จะไม่อาจให้อภัยกันได้….. มารดาที่ทำเพื่อบุตรชายของตัวเองนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเช่นไรก็ตาม คนเช่นมารดาย่อมยินดีทำทุกอย่างเพื่อบุตรชายของตัวเอง”

“ในตอนที่ผมไม่อยู่ ขอให้เขาเห็นแก่หน้าของผมบ้าง อย่าทำให้เธอลำบากมากนัก”

“พี่น้องเช่นเราย่อมต้องได้พบกันอีกแน่!”

ฉินเปียวพูดจบ พร้อมกับโค้งกายคำนับให้กับซูซู ก่อนจะหันกายเดินจากไป โดยไม่หันกลับมามองอีก

เมื่อราชาจินตูนได้รับข่าวนั้น ฉินเปียวก็ได้เดินทางออกไปแล้ว ดังนั้น ในตอนที่ฉินเทียนและราชาจินตูนมาถึง ก็พลันพบกับซากศพที่กองเต็มไปหมด

“ซูซู!”

ฉินเทียนตัวแข็งทื่อราวกับถูกฟ้าผ่าไปในทันที

ปฏิกิริยาแรกของเขานั้น จึงนึกไปเองว่าซูซูจะต้องถูกทำร้ายอย่างแน่นอน!

นัยน์ตาที่มืดดำ พร้อมกับอาการจุกอกและเลือดลมที่ไหลเวียนไปทั่วร่าง

“ที่รัก!”

นับว่าโชคดีที่ ในยามที่โลกทั้งใบของเขากำลังจะพังทลายลงมาจนเกือบจะตกลงไปในความมืดมิดนั้น ก็พลันมีน้ำเสียงอ่อนหวานดังขึ้นมา พร้อมกับซูซูที่กระโจนออกมาจากภายในห้องเข้ามาในอ้อมกอดของเขา

“ ซูซู……คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“คุณไม่เป็นอะไรจริง ๆ ก่อนจะตะโกนออกมาราวกับเด็กน้อย

“นายหญิง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ?”

“ใครเป็นคนลงมือกัน!” ใบหน้าของจินตุนกวางพลันมืดครึ้มลงไปอย่างน่ากลัวเขาที่อยู่ในตระกูลฉินสายเก่ามานานหลายปีนั้น เขาเป็นบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่จริงจังในทุก ๆ เรื่อง

เสมือนกับว่า ใต้หล้านั้น ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้สามารถทำให้เขาแสดงอารมณ์ออกมาได้

จนกระทั่งในตอนนี้ ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนสีไปในทันที

ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสิบคนของเขาจะถูกสังหารตายจนหมด!

แม้ว่าจะเป็นคำสั่งของเขาให้ทำการปกป้องคุ้มครองซูซู ทว่าเขากลับทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาได้

ราชาจินตูนมิเคยรู้สึกเสียใจเท่านี้มาก่อนเลย!

นับว่าเป็นความอัปยศของเขาอย่างแท้จริง!

“ที่รัก ไม่เป็นไรแล้ว”

“บอกกับผมที ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” ฉินเทียนโอบกอดซูซูเอาไว้ พลางเอ่ยปลอบใจขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล

หลังจากที่ซูซูหายจากอาการตกใจขึ้นมาแล้วนั้น นางก็พลันเล่าเรื่องทุกอย่างออกมาให้ทุกคนได้ฟัง

“คุณพูดว่าอะไรนะ? ฉินเปียว?”

ฉินเทียนพลันอ้าปากค้างไปในทันที เขาตกตะลึงอย่างแท้จริง ฉินเปียวยังไม่ตายเหรอ?

เขาที่กระโดดตกลงไปบนหน้าผาเช่นนั้น เขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไงกัน?

ฉินเทียนไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด พร้อมกับรีบถามย้ำ ๆ ให้แน่ใจ พร้อมกับบอกให้ซูซูอธิบายลักษณะของฉินเปียวออกมา แต่ก็พบว่าคนที่มาช่วยซูซูนั้น คือฉินเปียวอย่างแท้จริง

ไอเด็กนั่นยังไม่ตายอีกเหรอ!

เขาที่เห็นมันกระโดดลงไปในหน้าผาเต็มตาแบบนั้น ที่แท้ก็แผนการของมันมาตั้งแต่แรก

ถึงแม้ว่าฉินเทียนจะถูกหลอก แต่ไม่รู้ว่าทำไม ภายในใจของเขากลับรู้สึกโล่งอกออกมา เป็นเพราะฉินเปียวไม่ได้ตายจริง ๆ งั้นเหรอ?

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าฉินเปียวไม่ได้ตายแต่ในอนาคตข้างหน้า ฉินเปียวจักต้องกลายมาเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของเขาอย่างแน่นอน ทว่า ฉินเทียนเองก็อดที่จะรู้สึกมีความสุขไปไม่ได้

คงจะเป็นเพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่อธิบายได้ยากกระมัง เช่น แม้ฉินเปียวจะหนีไปแล้ว ทว่าเขายังก็ยังทำการสังหารยายแม่มดเอาไว้ เพื่อเป็นการปกป้องซูซู

เพียงแค่เรื่องนี้ ก็ทำให้ฉินเทียนรู้สึกขอบคุณฉินเปียวมามากพอแล้ว

ฉินเทียนพลันครุ่นคิดกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมกับอดที่จะเอ่ยขึ้นมาภายในใจไม่ได้ว่า ฉินเปียว เรื่องของแม่แก ฉันจะยอมจบลงเพียงเท่านี้ และไม่คิดหาทางแก้แค้นอีก