ตอนที่ 22 ความแค้นเคืองของประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์ โดย Ink Stone_Fantasy
“ผู้อาวุโสตงป๋อ หนึ่งในปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่ก็ได้ส่งรายนามมาแล้วเช่นกัน” ข่าวนี้แพร่ไปในหมู่ผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์อย่างรวดเร็ว พวกเขาเร่งมุ่งหน้าไปยังงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราทันที เพราะตามกฎของงานชุมนุม เมื่อห้าปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่ส่งรายนามมาหมดแล้ว งานชุมนุมใหญ่ดวงดาราก็จะประกาศรายนามนี้ออกมาอย่างเป็นทางการ
“หวังว่าข้าจะอยู่ในรายนามนะ”
“ต้องอยู่ ต้องอยู่แน่นอน”
ผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์จำนวนมากเข้ามายังสถานที่จัดงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราแล้วมองไปยังทิศของเจดีย์ดาว พวกเขาล้วนรอคอยให้รายนามสุดท้ายประกาศออกมา หลายคนตื่นเต้นและกระวนกระวาย จะเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งภายในโลกทิพย์อันกว้างใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนต่อไป หรือจะถลาขึ้นสู่ฟ้าในก้าวเดียวด้วยการเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์! พวกเขาบางคนที่บำเพ็ญมาไม่ถึงล้านล้านปีก็ยังมีคุณสมบัติจะเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราในครั้งต่อไปได้
แต่พวกที่บำเพ็ญมานาน หากพลาดครั้งนี้ไปแล้วก็จะไม่มีโอกาสอีก!
อาศัยตนเองในการเคี่ยวกรำและผจญอันตรายจำนวนนับไม่ถ้วน คิดจะเข้าสู่ขั้นอลวนก็ยากยิ่งนัก ตลอดคืนวันอันยาวนานของโลกทิพย์แห่งหนึ่งจะมียักษ์ใหญ่ขั้นอลวนทั้งหมดสักกี่คนกันเชียว ดังเช่นโลกทิพย์ทั้งสอง ระดับขั้นอลวนเกือบครึ่งล้วนมาจากขุมอำนาจสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนที่เหลือเหล่านั้น เดิมทีบางคนก็เป็นคนของขุมอำนาจสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่เมื่อเทพจักรวาลตกต่ำลง ขุมอำนาจสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็สลายหายไป พวกเขาจึงทำได้เพียงอาศัยตนเองเท่านั้น
หากพูดอย่างเคร่งครัดแล้ว ยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนถึงเจ็ดแปดส่วนล้วนบ่มเพาะมาจากขุมอำนาจของเทพจักรวาล โดยทั่วไปที่เหลืออยู่สองสามส่วนล้วนมาจากปาฏิหาริย์ต่างๆ
หากไม่มีปาฏิหาริย์มากพอ จะอาศัยตนเองสำเร็จเป็นขั้นอลวนก็ยากเกินไปแล้ว
ต่อให้ผจญอันตรายอยู่ข้างนอก เมื่อพบศิษย์ของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยทั่วไปก็ไม่กล้าสังหาร ส่วนผู้ที่ไม่มีเบื้องหลัง กลับต้องตายไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
“ต้องเข้าไปให้ได้”
“ในรายนามต้องมีชื่อข้าอยู่แน่ ต้องมีแน่นอน” ผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์เหล่านี้ต่างพากันเงยหน้ามองอย่างรอคอยด้วยความกระวนกระวายใจ
“ตู้ม!”
หลังจากกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ระลอกหนึ่ง
กลางท้องฟ้าข้างเจดีย์ดาวเริ่มมีรายนามปรากฏขึ้นห้าแถว
ด้านหน้าสุดของรายนามแต่ละแถว ยังมีชื่อของปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่อยู่ด้วย
เช่นรายนามที่ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งไปนั้นก็อยู่ในแถวที่ห้า…“ผู้อาวุโสตงป๋อ:มือกระบี่อวิ่นเฉิน สิงหั่วสวินอีและโหมวเจีย…”
“ชื่อข้า ชื่อข้า” ผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์เหล่านี้พากันเงยหน้ามองดูโดยละเอียด
กลางฟากฟ้า ชื่อของห้าปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่และผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์ทั้งร้อยคนปรากฏขึ้นมา ปรมาจารย์แต่ละคนมีรายชื่อที่เกี่ยวข้องทั้งหมดยี่สิบชื่อ
“ไม่มี…” ผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์บางคนก็มองดูอย่างตกตะลึง แล้วมองดูอย่างละเอียดรอบแล้วรอบเล่าเพราะไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง
“เป็นข้า!” และก็มีบางคนที่ถูกเลือก พวกเขาเผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา ผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์บางคนก็ถูกเลือกเช่นกัน เมื่อเห็นชื่อของตนอยู่กลางอากาศก็ยังคงยืนมาดขรึมอยู่ เพียงแต่มุมปากที่กระดกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นอารมณ์ในใจของพวกเขา
ผู้ที่ตื่นเต้นยินดีอย่างแท้จริงมีเพียงจำนวนน้อยนิดยิ่งนัก
หนึ่งร้อยคนที่ปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่เลือก บวกกับร้อยคนแรกที่ผ่านเจดีย์ดาวในรอบแรก รวมทั้งหมดก็แค่สองร้อยคนเท่านั้น! ผู้ที่เข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ดวงดารานั้นมีถึงหนึ่งหมื่นหกพันกว่าคน คนอื่นๆ ล้วนแต่ตกรอบทั้งสิ้น
“ข้าถูกประมุขวังเจียงฝู่เลือกแล้ว” ฟู่จวินในอาภรณ์อันเรียบง่ายแหงนหน้ามอง นัยน์ตาเปล่งประกายวิบวับ เขาหันไปมองสตรีอาภรณ์สีแดงไกลออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นก็คืออดีตสหายร่วมวิถีของเขา “คิดไม่ถึงว่าสิงหั่วสวินอีก็จะถูกเลือกด้วย ด้วยพลังของเขา และการมีจักรพรรดิสิงหั่วชี้แนะตั้งแต่เนิ่นๆ เกรงว่าผู้บำเพ็ญไร้สังกัดหลายคนคงจะมีความสามารถที่ซ่อนอยู่เหนือกว่าเขา แต่เขากลับถูกเลือกอย่างนั้นหรือ”
ฟู่จวินมองเห็นว่าท่ามกลางรายนามขนาดมหึมากลางอากาศนั้นมีชื่อของสิงหั่วสวินอีอยู่ เขาอดลอบรำพึงออกมามิได้
สิงหั่วสวินอีจับได้ว่าภรรยาของเขาปลอมตัวมาหลอกลวงเขา ฟู่จวินกลับมิได้ซาบซึ้งใจต่อสิงหั่วสวินอีเลย แต่ก็มิได้เคียดแค้น เขาเพียงแค่ไม่อยากพบสิงหั่วสวินอีอีก! แต่ขณะที่ได้เห็นรายนามนั้น ฟู่จวินกลับรู้สึกรังเกียจอยู่บ้าง เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายจะต้องอาศัยบิดาเป็นเบื้องหลังทำให้เข้ามาอยู่ในรายนามได้อย่างแน่นอน
“ไม่มีประโยชน์หรอก เส้นทางการบำเพ็ญต้องพึ่งตนเอง ต่อให้เข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังคงไม่มีอนาคตอยู่ดี” ฟู่จวินมองดูชายหนุ่มอาภรณ์ทองที่อยู่ไกลออกไปแวบหนึ่งแล้วก็คร้านที่จะมองต่อไปอีก
เขาไม่อยากพบหนีเยี่ยนผู้เป็นภรรยาอีกต่อ และไม่อยากพบสิงหั่วสวินอีอีกเช่นกัน
……
สิงหั่วสวินอีเงยหน้ามองรายนามกลางอากาศ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นผู้เลือกเขา
“ผู้อาวุโสตงป๋อยอมรับความสามารถที่ซ่อนอยู่ของข้าแล้วหรือ” สิงหั่วสวินอีออกจะตื่นเต้นอยู่บ้าง “อย่าเพิ่งร้อนรนไปเขาบอกว่าจะดูความสามารถที่ซ่อนอยู่ที่สำแดงออกมาตลอดทั้งงานชุมนุมใหญ่ดวงดารา รอให้งานชุมนุมใหญ่ดวงดารายุติลงเสียก่อน ก็อาจจะสามารถคารวะอาจารย์สำเร็จก็เป็นได้”
……
หนีเยี่ยนในอาภรณ์สีแดงทั้งร่างเงยหน้ามองดู ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ที่อันดับธรรมดาทั่วไปและระยะเวลาในการบำเพ็ญก็นานแสนนานเช่นนางย่อมไม่อยู่บนรายนาม ทว่า ‘ฟู่จวิน’ และ ‘สิงหั่วสวินอี’ ที่สนิทสนมกับนางมากก่อนหน้านี้ล้วนอยู่ในรายนามทั้งสิ้น
“ความสามารถที่ซ่อนอยู่ของฟู่จวินไม่ธรรมดาจริงๆ เบื้องหลังของสิงหั่วสวินอีก็ใช้ได้เลยทีเดียว ผู้ที่มีอันดับต่ำกว่านางอย่างเขายังได้รับเลือก เสียดายก็แต่ว่าข้าสะดุดด้วยเงื้อมมือของเขาเสียนี่หนีเยี่ยนพูดเสียงเย็นเยียบแล้วหมุนกายผละจากสถานที่จัดงานของงานชุมนุมใหญ่ดวงดารา ครั้งนี้นางแพ้อย่างน่าอนาถนัก
……
กลางท้องฟ้าข้างเจดีย์ดาวอันสูงตระหง่านมีชื่อขนาดมหึมาชื่อแล้วชื่อเล่าปรากฏขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้อยู่ห่างออกไปก็สามารถมองเห็นได้
ประมุขวังเจียงฝู่ซึ่งอยู่ในคูหากำลังดื่มสุราสีแดงก่ำเพียงลำพัง ประมุขวังเจียงฝู่ซึ่งดูเหมือนจะผอมซูบขาวซีดแหงนหน้ามองไป ก็มองเห็นรายนามกลางอากาศข้างเจดีย์ดาวที่อยู่ห่างออกไป สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่รายชื่อแถวหนึ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งไป
“น่าแปลก ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้ไม่เหมือนกับคนโง่งม ไยจึงเลือกบุตรชายอย่างสิงหั่วเล่า เพื่อที่จะเอาใจสิงหั่วหรือไร” ประมุขวังเจียงฝู่ส่ายหน้าน้อยๆ
……
“เลือกสิงหั่วสวินอีรึ” ประมุขเกาะจื่อถูก็เดินออกมาจากโถงตำหนักแล้วเลยหน้ามองดูชื่อต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นกลางฟากฟ้าไกลออกไปเช่นกัน ใบหน้าของนางก็เผยสีหน้าแตกตื่นออกมา “จักรพรรดิสิงหั่วคงจะมิได้บีบบังคับหรอกกระมัง หากเขาจะให้บุตรชายเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็มีวิธีอื่นอีก ไม่จำเป็นต้องทำให้ไม่น่ามองเช่นนี้เลย หรือว่าจะเป็นตงป๋อเสวี่ยอิงที่ตั้งใจสร้างสัมพันธ์ต่อจักรพรรดิสิงหั่วเองกันแน่”
แม้จักรพรรดิสิงหั่วจะมีวิธีอื่นที่ทำให้บุตรชายเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เช่นนั้นก็ต้องใช้ความสัมพันธ์เช่นเดียวกัน
ตงป๋อเสวี่ยอิงทำเช่นนี้แล้วจักรพรรดิสิงหั่วจะต้องรับน้ำใจอย่างแน่นอน
“ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงขั้นรวมเป็นหนึ่งเท่านั้น” ประมุขเกาะจื่อถูส่ายหน้าพลางแสยะยิ้ม คร้านที่จะไปยุ่มย่ามอีก
……
แม่ทัพเทียนกวงยังคงนั่งขัดสมาธิบำเพ็ญอย่างเงียบเชียบ หลังจากเขารู้รายนามแล้วก็ยิ้มหยันพลางพูดออกมาประโยคหนึ่งว่า “น่าขัน”
……
“ตอนแรกข้าก็คาดเอาไว้อยู่แล้วว่าเขาจะทำให้วังทวีสูญเสียหน้า” บรรพชนงูอู่เจ๋อผู้รังเกียจความชั่วร้ายดุจคู่แค้นเงยหน้ามองชื่อกลางท้องฟ้าไกลออกไปอย่างเย็นชา จากนั้นก็ก้มหน้าดื่มสุราชั้นเลิศเงียบๆ ต่อไป
……
เนื่องจากความคิดจิตใจของสิงหั่วสวินอีอยู่กับวิถีโลกเทียมอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นนอกจากขอคำชี้แนะจากตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว ก็มิได้ขอคำชี้แนะจากปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่อีกสี่คนเลย ประมุขวังเจียงฝู่และปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่คนอื่นๆ จึงย่อมตัดสินว่าความสามารถที่ซ่อนอยู่ของสิงหั่วสวินอีอยู่เกินอันดับที่ห้าพันเป็นธรรมดา และคิดว่าตงป๋อเสวี่ยอิงทำเรื่องไม่งามเกินไปแล้ว
“ฮ่าฮ่า เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าหยิ่งผยองถึงเพียงนั้น ที่แท้แล้วเพราะรังเกียจว่าข้าให้น้อยเกินไปนี่เอง” ประมุขวังปาอวิ่นอาศัยอยู่ในคูหาแห่งหนึ่งที่ทางเมืองราชันย์มีดจัดเตรียมเอาไว้ให้ ซึ่งอยู่ใกล้กับเจดีย์ดาวมาก เมื่อเงยหน้ามองดูชื่อนั้นเขาก็ยิ้มหยัน “สถานะอย่างจักรพรรดิสิงหั่วน่าจะรังเกียจที่จะทำเรื่องพรรค์นี้ คาดว่าสิงหั่วสวินอีบุตรชายของเขาคนนี้คงจะใช้สมบัติล้ำค่าซื้อตงป๋อเสวี่ยอิงไป”
เช่นใช้ศิลาปฐมโลกาหนึ่งหรือสองพันก้อน ก็เพียงพอให้ขั้นอลวนทั่วไปคนหนึ่งใจสั่นได้แล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมต้องใจสั่นอย่างแน่นอน
ด้วยสถานะของสิงหั่วสวินอี ถึงจะต้องกัดฟันก็ยังสามารถหามาได้!
สถานะอย่างจักรพรรดิสิงหั่วซึ่งอยู่เหนือขั้นอลวนทั่วไป สามารถปลิดชีพได้ในชั่วอึดใจ ทรัพย์สมบัติที่มีก็ย่อมเหนือกว่าพวกประมุขวังปาอวิ่นไปไกลโข
……
อันที่จริงเมื่อได้เห็นรายนามชุดนี้ คนอื่นๆ ยังดีอยู่ อย่างมากก็แค่รู้สึกว่าตงป๋อเสวี่ยอิงทำ ‘งามหน้า’ ไปหน่อย ทำให้วังทวีสูญเสียหน้าก็เท่านั้น
แต่คนอีกผู้หนึ่งของวังทวีสูญซึ่งมาที่นี่ก็คือ ‘ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์’ กลับเดือดดาลขึ้นมาแล้วจริงๆ!
“ตงป๋อเสวี่ยอิง เขา ทำไมเขา…” ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์ได้รายนามมาแล้วก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง เมื่อได้เห็นชื่อที่ปรากฏขึ้นมากลางอากาศข้างเจดีย์ดาวแล้วเขาก็มองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภายในยี่สิบรายชื่อที่ต่อท้ายชื่อของ ‘ผู้อาวุโสตงป๋อ’ มีสิงหั่วสวินอีอยู่จริงๆ!
“ไยเขาถึงทำเช่นนี้ได้ ท่านบรรพชนเชื่อเขา กูแลเขาอย่างดี ให้เขาได้เป็นปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่ในครั้งนี้ด้วยฐานะตัวแทนของวังทวีสูญแท้ๆ” ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์สีหน้าไม่น่ามองเอาเสียเลย แม้เขาจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ในตอนคัดเลือกสักเท่าใดนัก แต่จะให้ขั้นรวมเป็นหนึ่งผู้หนึ่งรับตำแหน่งเป็นปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่ ทายก็สามารถทายได้ว่าตอนนั้นบรรพชนเทียนอวี๋จะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจไปไม่น้อยเลยทีเดียว
“แต่เขากลับตอบแทนท่านบรรพชนเช่นนี้เองน่ะหรือ เขาไม่อยากรักษาหน้าตนเองไว้ก็แล้วไปเถิด วังทวีสูญเรายังอยากมีหน้ามีตาอยู่นะ!” สีหน้าของประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์ไม่น่ามองมากยิ่งขึ้น
เดิมทีเขารู้สึกดีต่อตงป๋อเสวี่ยอิงมากทีเดียว
นี่คือชนรุ่นหลังผู้แกร่งกล้าที่สุดของวังทวีสูญที่โจนทะยานขึ้นมา พวกประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์แต่ละคนล้วนรอคอยเป็นอย่างสูง ถึงขั้นคิดหาวิธีปกป้องเขาเอาไว้ให้ดี ด้วยรู้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ในอันตราย เขาจึงได้ส่งร่างแปรเป็นระยะทางอันไกลลิบมาด้วยตนเอง พวกประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์ล้วนตั้งตารอคอยเป็นอันมาก ว่าสักวันหนึ่งตงป๋อเสวี่ยอิงจะสามารถบรรลุได้เช่นกัน แล้วมาเป็นประมุขตำหนักเทียบเท่ากับพวกเขา
แต่ครั้งนี้ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์กลับโมโหตงป๋อเสวี่ยอิงขึ้นมาเสียแล้ว
หลักประกันเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตงป๋อเสวี่ยอิงก็คือวังทวีสูญของข้า! ไยจึงต้องไปประจบจักรพรรดิสิงหั่วด้วยเล่า วังทวีสูญมิได้แข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิสิงหั่วเป็นสิบเป็นร้อยเท่าหรือไร
………………………..