”ถ้างั้นนายก็เปลี่ยนปืนสิ”เจียงเทียนชิงหยิบปืนไรเฟิลที่เล็กกว่าออกมาและตะโกนใส่เฉินช่าวเย่ “เฮลิคอปเตอร์ยังมีประโยชน์อยู่ นายจะไประเบิดมันทิ้งทำไมตั้งห้าลำ”
”ถ้านักบินตายเฮลิคอปเตอร์จะลอยอยู่ได้ยังไง? มันก็ต้องตกลงมาและระเบิดเป็นเศษๆ!” ซูเฟิงเองก็เห็นด้วย
”แต่ถ้าเราเล็งเป้าให้ดีปล่อยให้เฮลิคอปเตอร์ตกลงใส่ฝูงซอมบี้ก็จะสามารถฆ่าพวกมันได้ทีเดียวจำนวนมาก” หลิวยู่ติงที่อยู่ในแนวหน้าแสดงความคิดเห็นออกมา
เหอเฟิงฟังความคิดของทุกคนและนำไปไต่ตรองจนหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะสถานการณ์ที่ตึงเครียดอย่างมากต้องบอกเลยว่าคนของกองทัพเขี้ยวหมาป่าโดยเฉพาะตัวหลักสำคัญทั้งหลายนั้นซึมซับทุกอย่างจากชูฮันมาอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับเรื่องเฮลิคอปเตอร์ที่ลอยอยู่บนฟ้าซึ่งกำลังเป็นประเด็นสำคัญในตอนนี้ความคิดของคนเหล่านี้คืออะไรนะเหรอ?
ครั้งแรกคิดจะชิงมันมา!
แต่ถ้าชิงมันมาไม่ได้ก็ทำลายมันซะ!
นี้มันกลุ่มโจรทั้งนั้น!
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพเขี้ยวหมาป่ากำลังปรึกษาถึงประเด็นเรื่องเฮลิคอปเตอร์ที่โผล่มากระทันหันเฮลิคอปเตอร์ที่เป็นลำนำหน้าจู่ๆก็สะบัดอย่างรุนแรงจนเกือบจะตกลงมา มีวุสดีสีดำบางอย่างกระเด็นออกมาจากห้องโดยสาร
และก็ยังคงเป็นซูเฟิงที่ว่องไวที่สุดกล้องส่องทางไกลที่เขาใช้สอดส่องซอมบี้อยู่แล้วถูกเบนไปทางเฮลิคอปเตอร์อย่างว่องไว
”ที่ถูกโยนออกมาคือระเบิดใช่มั้ย?”เสียงของเฉินช่าวเย่ดังขึ้นมา พร้อมกับตั้งท่าเล็งเป้าอย่างชำนาญ “อะไร? ก็พวกมันจะชนหน้าผาอยู่แล้ว”
”ไม่”เสียงที่ไม่ปกติของซูเฟิงดังขึ้น เขาหันไปมองเหอเฟิงที่มองมาด้วยแววตาประหลาดใจ “มันคือวิทยุสื่อสาร”
ในเวลาเดียวกันบนเฮลิคอปเตอร์กำลังชุลมุน เหมิงชีเหว่ยที่ดีดตัวลุกขึ้นมาได้ก็รีบตะโกนถามนักบินด้านหน้า “ทำไมต้องรีบขนาดนี้? บังคับให้มันอยู่นิ่งๆไม่ได้เหรอไง เราเกือบจะชนภูเขา! วิทยุสื่อสารของเรากระเด็นออกไปแล้วเห็นมั้ย? แล้วจะทำยังไงถ้าไม่ได้คนชืนมา! รู้มั้ยว่าในโลกาวินาศของพวกนี้มันแพงมากขนาดไหน?”
”ใช่ว่าผมจะอยากให้มันเป็นแบบนี้นิครับ!”นักบินเองก็ทั้งหงุดหงิดและหวาดกลัว “มันมีชายอ้วนคนหนึ่งเล็งปืนบาซูก้ามาที่เฮลิคอปเตอร์ของเรา!”
การถูกเล็งเป้าจังๆแบบนี้เป็นธรรมดาที่ใครๆจะกลัวจนวิ่งหนี
”โอ้ะที่นายพูดถึงน่าจะเป็นเฉินช่าวเย่!” เหมิงชีเหว่ยไม่ทันได้พูดต่อ จางโควซึ่งเป็นหนึ่งในทีมของเหมิงชีเหว่ยอธิบาย “แล้วนั่นก็ไม่ใช่ปืนบาซูก้า แต่เป็นปืนไรเฟิลพิเศษสำหรับตอนนี้มันคือหนึ่งในอาวุธที่ทรงพลังที่สุดในจีน พลังทำลายล้างของมันรุนแรงยิ่งกว่าปืนบาซูก้าซะอีก มันไม่ใช่ปืนทั่วไป”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายที่ไม่น่าเชื่อทุกคนในห้องโดยสารต่างตะลึงค้างกันหมด พลานุภาพรุนแรงขนาดนี้ แล้วเฉินช่าวเย่ต้องการจะฆ่าพวกเขา?
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในความกลัววิทยุสื่อสารในมือของเหมิงชีเหว่ยก็ส่งเสียงซ่าขึ้นมา ตามมาด้วยเสียงผู้ชายที่อารมณ์เดือดคลั่ง “ต้องการจะทำอะไร? อย่ามาสร้างปัญหาวุ่นวายให้เรา ตอบมาภายในสามวินาทีไม่อย่างนั้นมือปืนของเราจะยิงทันที”
เสียงขู่ที่ดังขึ้นเป็นเสียงของเหอเฟิงแค่การสู้รบกับซอมบี้พวกนี้พวกเขาก็หืดขึ้นคอจนจะไม่รอดอยู่แล้ว เพื่อนสมาชิกของกองทัพเขี้ยวหมาป่าตายไปมากกว่า 500 คนแล้ว และพวกเขาก็ถูกกองทัพซอมบี้ไล่ต้อนบีบจนเข้ามาอยู่ในสุดหุบเขา พวกเขาไม่มีความอดทน หรืออารมณ์ใดๆมาต่อรองกับค่ายจินหยางในตอนนี้
มันไม่ใช่เรื่องเลยที่จะต้องมาฆ่ากันเองแบบนี้!
”แม่งเอ๊ย!”
ภายในห้องโดยสารแทบจะระเบิดทุกคนต่างหวาดกลัวจนหน้าซีด นักบินเองก็หัวใจเต้นรัวจนเกือบจะวาย แทบจะบังคับเครื่องให้ลอยอย่างมั่นคงไม่อยู่
”อย่าฆ่าเราเลยขอร้อง!”
”อย่าไปกลัวเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เราไม่ได้ทำอะไรผิด!”
”อย่าทำแบบนี้ไว้ชีวิตฉันด้วย ฉันจะไม่ขัดขืนอะไรเลย ฮือออออ!”
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความหวาดกลัวของทุกคนเหอเฟิงที่อยู่อีกฝั่งของวิทยุโดยสารก็ยังคงไม่พูดอะไรตอบ
”สาม!”
”สอง!” ”ปึก!”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันขวับไปตามที่มาของเสียงทันทีตามสัญชาตญาณสายตาของทุกคนจับจ้องไปยังเหมิงชีเหว่ยที่คว้าวิทยุสื่อสารขึ้นมาด้วยความกลัวสุดขีด
”พี่เหมิงพูดเร็ว! อีกฝ่ายจะฆ่าเราแล้ว!”
”หนึ่ง!”เสียงของเหอเฟิงดังขึ้นพอดี
”ฉันคือเหมิงชีเหว่ย!”เหมิงชีเหว่ยพุ่งตัวตะโกนสุดแรง มือสั่นจนเหงื่อชุ่ม
เงียบกริบ——
ความสงบเงียบเข้าสู่ภายในห้องโดยสารมีแต่เสียงใบพัดที่ดังจนหูอื้อเท่านั้น เวลาเดินช้าเอื้องเป็นพิเศษ ทุกคนยังคงตกอยู่ในความหวาดหวั่น ราวกับอยู่หน้าประตูความตาย รอช่วงเวลาสุดท้ายมาเยือน
ซือซือ!
มีเสียงฆ่าของคลื่นวิทยุดังขึ้นอีกครั้งตามมาด้วยเสียงเหอเฟิงที่นิ่งเรียบ “ให้ทุกคนวางอาวุธลง” ในเวลาเดียวกันเสียงของเฉินช่าวเย่ก็ดังแทรกขึ้นมาทันที “ฉันจะไม่พูดเป็นครั้งที่สอง แต่จะสอยพวกแกลงมาเลย”
ช็อค!
สมาชิกทีมหน่วยข่าวกรองลับที่อยู่ในห้องโดยสารทั้งห้าห้องปล่อยลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่สามารถรอดตายได้ความน่ากลัวของกองทัพเขี้ยวหมาป่านั้นสมกับคำร่ำรือ โชคยังดีที่พวกเขาเป็นพวกเดียวกัน ถ้าเป็นคนอื่นๆที่จู่ๆโผล่มาในสนามรบของพวกเขาละก็ ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าจุดจบของคนพวกนั้นจะเป็นอย่างไร
มันจริงที่หัวหน้าชูฮันเป็นคนสร้างกลุ่มนักรบนี้ขึ้นมาซึ่งครอบงำทั้งความใจเด็ด แน่วแน่ ดุดัน รุนแรง แม้แต่เฮลิคอปเตอร์ที่ลอยอยู่บนฟ้า พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะระเบิดทิ้ง!
เหมิงชีเหว่ยเหงื่อแตกหลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกอยู่สองสามที เขาก็กดวิทยุสื่อสารเพื่อพูดต่อ “เราไม่ใช่ศัตรูกันซะหน่อย? ทำไมต้องทำให้เรากลัวจนแทบตายกันขนาดนี้ ทั้งๆที่ฉันมาที่นี้เพื่อส่งเสบียงและอาวุธแท้ๆ!”
ที่สนามรบด้านล่างเหอเฟิงไม่มีเวลาจะมีพูดคุยกับเหมิงชีเหว่ย และไม่เสียเวลามานั่งสงสัยว่าเหมิงชีเหว่ยไปเอาเฮลิคอปเตอร์พร้อมข้าวของจากค่ายจินหยางมาได้ยังไงเพราะมันเหนือการควบคุมของเขา เรื่องนี้มันควรเป็นหน้าที่ของทั้งเขี้ยวหมาป่า สำหรับเขาในตอนนี้ ความรับผิดชอบอย่างเดียวที่เขามีคือชัยชนะของสงคราม
ดังนั้นเหอเฟิงจึงกรอกเสียงลงวิทยุสื่อสารไปทันทีที่เหมิงชีเหว่ยพูดจบ เขาก็ตัดเข้าตรงประเด็นทันที “ทั้งปืนและอาหารงั้นหรือ? แล้วมีอาวุธสงครามด้วยมั้ย?”
เหมิงชีเหว่ยแทบจะสบถใส่เหอเฟิงเขาไม่เคยเจอคนที่เถรตรงและเย็นชาได้เกือบเท่าหัวหน้าชูฮันขนาดนี้มาก่อน!
คนคนนี้เป็นใครกัน?!
มันสายเกินไปที่จะถามการถามหาชื่อในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานในยามสงครามไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ เหมิงชีเหว่ยรีบตอบทันที “เฮลิคอปเตอร์สองลำมีอาหารที่ให้พลังงานสูงอัดแน่น อีกลำเป็นอาวุธทั่วไป อีกสองลำเป็นอาวุธสงคราม!”
วิทยุสื่อสารเงียบสนิทไปราวสามวินาทีก่อนที่เหมิงชีเหว่ยจะได้ยินน้ำเสียงเย็นซึ่งแฝงไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ “มีระเบิดมั้ย?”
”มี!”เหมิงชีเหว่ยไม่จำเป็นต้องคิด เขาตอบคำถามทันทีอย่างไม่ลังเล “หนึ่งในสองของอาวุธสงครามคือปืนและกระสุน อีกหนึ่งคืออาวุธระเบิด”
เหอเฟิงที่ถือวิทยุสื่อสารอยู่ในมือมองไปยังสนามรบเบื้องหน้ากองทัพซอมบี้มหาศาลที่เบียดอัดแน่นเข้ามาขวางกั้นพวกเขาจนจนมุม แต่อุปสรรคพวกนี้จะไม่ยืดยาวอีกต่อไป เพราะพวกเขาจะทำลายกองทัพซอมบี้มหาศาลพวกนี้ให้หมด
ด้วยระเบิดที่มาได้ทันเวลา!