TQF:บทที่ 622 กอดคอร้องไห้ (5)

 

2 สามีภรรยาฟางเต๋อหยวนที่ตามมาเห็น 2 พี่น้องร้องไห้เสียใจก็น้ำตาไหลตาม

 

จนกระทั่งเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเดินเข้าไปทำความรู้จักกับปู่เล็กทุกคนถึงได้สงบลง ทั้งครอบครัวนั่งล้อมอยู่ด้วยกัน ฟางซูหยุนก็เล่าเรื่องของตัวเองอีกครั้ง

 

ในตอนนี้ครอบครัวฟางเต๋อหยวนถึงได้รู้ว่าทำไมฟางซูหยุนถึงหายตัวไป ทำไมถึงหานางไม่พบ ไม่มีใครนึกถึงว่านางจะถูกคำสาป และทะลุมิติไปที่ผืนดินอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

นึกไปถึงว่าเวลาหลายสิบปีได้ผ่านไปแบบนี้ ทั้งครอบครัวก็ปวดใจไม่น้อย ขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจที่ฟางซูหยุนรักษาชีวิตไว้ได้ในตอนนั้น

 

แน่นอนว่าฟางซูหยุนไม่ได้เล่าเรื่องทุกข์ทนทรมานที่เจอ บอกแค่ว่าตัวเองมีลูกชาย 1 คน ตอนนี้มีหลานชาย 2 คน หลานสาว 2 คน ส่วนเรื่องของสามีตัวเองก็แค่บอกคร่าวๆเท่านั้น ไม่ได้อธิบายอะไรมาก

 

ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนฉลาด พอจะเดาออกได้ว่ามีเรื่องบางอย่างที่นางปิดบังไว้ ไม่อย่างนั้นคงต้องเอ่ยปากเล่าว่าสามีตัวเองเป็นคนยังไง ทั้งคู่มีความสุขกันมั้ย อีกอย่างกลับมาครั้งนี้คนที่เป็นลูกเขยกลับไม่ได้มาด้วย แต่กลับเป็นหลานสาวที่ตามมา ก็พอจะอธิบายอะไรได้หลายอย่างแล้ว

 

หลังจากที่ทุกคนคุยเรื่องสัพเพเหระกันเสร็จ ฟางซูหยุนชำเลืองมองหลานสาวตัวเองถามขึ้น “เสี่ยวเสี่ยว ขาของปู่เล็กเจ้ารักษาได้มั้ย”

 

“หยุนเอ๋อ เสี่ยวเสี่ยวรักษาอาการบาดเจ็บได้เหรอ” ท่านย่าทวดชะงักไป อดถามขึ้นมาไม่ได้

 

คนอื่นๆก็มีสีหน้าคาดหวัง พวกเขาไม่ได้ดูแคลนเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเพียงเพราะนางอายุน้อย แค่จากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ก็รู้แล้วว่าความสามารถนางนี้ไม่น้อย

 

ฟางซูหยุนยิ้ม มอง 2 สาวตรงหน้าด้วยความเอ็นดู “ท่านแม่ ไม่ใช่แค่เสี่ยวเสี่ยวที่รักษาได้ หยูเฮงน้อยก็ทำได้”

 

“ข้าขอดูท่านปู่เล็กหน่อยว่าอาการเป็นยังไง”

 

หยูเฮงน้อยรีบพุ่งไปข้างหน้า ยื่นมือเล็กๆออกไปบีบๆที่ขาของฟางหมิงเห้อ ไม่นานนักก็รู้ถึงสาเหตุ “ขาของท่านปู่ทวดถูกตีจนแหลกละเอียด และเศษกระดูกมากมายติดอยู่กับเลือดเนื้อ อย่าว่าแต่ยืนขึ้นเลย แค่จะรักษาให้หายก็ยากมาก”

 

“หยูเฮงน้อยพูดถูก ขาของเห้อเอ๋อเป็นแบบนี้จริงๆ ถ้าหากตอนนั้นสามารถหายาเม็ดเนี่ยผันได้ละก็ บางทีขาของเห้อเอ๋ออาจจะหายก็ได้ แต่ตอนนั้นข้าหาไปทั่วก็หายาเม็ดเนี่ยผันไม่ได้ ทำให้การรักษาล่าช้า เห้อ…”

 

เห็นลูกชายที่เดินไม่ได้แล้วฟางเต๋อหยวนก็มีสีหน้าเจ็บปวด ไม่มีพ่อคนไหนเห็นลูกชายที่เก่งกาจของตัวเองกลายเป็นแบบนี้จะไม่เสียใจหรอก

 

หยูเฮงน้อยกลับเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ท่านปู่ทวด ท่านวางใจเถอะ พวกเราจะคืนท่านปู่เล็กที่แข็งแรงให้ท่านได้อย่างแน่นอน”

 

“หาาาา”

 

“จริงเหรอ เจ้าหนู เจ้าช่วยเห้อเอ๋อได้จริงเหรอ”

 

“เจ้าหนูน้อย เจ้ารักษาอาการบาดเจ็บของสามีข้าได้จริงๆเหรอ”

 

“น้องสาว อาการของท่านปู่รักษาได้จริงๆเหรอ”

 

ทุกคนตื่นเต้นจนลุกฮือขึ้น มองหยูเฮงน้อยด้วยความคาดหวัง อาการบาดเจ็บของฟางหมิงเห้อเป็นเหมือนหนามที่ทิ่มแทงใจทุกคน ทุกคนอยากให้เขาหายดี อย่างไรซะเขาเพิ่งอายุ 50 กว่า ในโลกของผู้ฝึกฝนวิทยายุทธเขายังถือว่าหนุ่มอยู่

 

“ทุกคนวางใจได้ อาการบาดเจ็บของท่านปู่เล็กรักษาหายได้แน่” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเอ่ยเรียบๆ หันไปมองคนที่นอนอยู่แล้วพูดต่อ “บนตัวท่านปู่เล็กไม่ได้มีแค่อาการบาดเจ็บเท่านั้น ยังถูกคำสาปอีกด้วย ถ้าหากไม่คลายคำสาปละก็ อาการบาดเจ็บของท่านปู่เล็กก็รักษาไม่หาย”

 

“เสี่ยวเสี่ยวพูดถูก เห้อเอ๋อถูกคำสาปอย่างไม่รู้สาเหตุ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ถูกตีจนพิการในการประลอง”

 

พูดมาถึงตรงนี้ในตาของฟางเต๋อหยวนก็มีแววแค้น เขาเดาได้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนทำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่า ความเป็นครอบครัวที่ว่าก็ไม่มีค่าอะไรเมื่อเทียบกับผลประโยชน์

 

ตาของฟางซูหยุนก็เต็มไปด้วยความแค้น กัดฟันกรอด “พวกเรา 2 พี่น้องถูกเขาลอบทำร้ายหมด ครั้งนี้ต้องชำระแค้นด้วยเลือด”

 

คนอื่นๆพยักหน้า ในช่วงหลายสิบปีนี้พวกเขาถูกข่มเหง ใช้ชีวิตเยี่ยงคนรับใช้ ความแค้นนี้ได้ฝังเข้ากระดูกไปตั้งเนิ่นนานแล้ว

 

“ใช่ พวกเราจะไม่ปล่อยพวกเขาไว้เด็ดขาด” ฟางซีเสียนก็มีสีหน้าเคียดแค้น

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมีความคิดในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป คิดไปคิดมาก็พูดขึ้น “เรื่องอื่นเอาไว้ก่อน ข้าจะกับหยูเฮงน้อยจะรักษาอาการบาดเจ็บของท่านปู่เล็กให้หายดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

 

“รักษาตอนนี้เลยเหรอ?” ฟางเต๋อหยวนชะงักไป “เตรียมอะไรหน่อยมั้ย แล้วค่อยเริ่มพรุ่งนี้”

 

“ท่านปู่ทวด ไม่ต้องเตรียมอะไรหรอก พวกเราเริ่มกันตอนนี้เลย ทุกคนออกไปรอข้างนอกก่อน” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่ายหัว

 

หยูเฮงน้อยกล่าวขึ้นบ้าง “ใช่ ทุกคนออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะ ข้ากับคุณหนูจะรักษาท่านปู่เล็กให้หายโดยเร็วที่สุด”

 

“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกเราออกไปรอข้างนอกกันเถอะ ที่นี่ให้เป็นหน้าที่เสี่ยวเสี่ยว” ฟางซูหยุนรู้ฝีมือของหลานสาวดี และเชื่อเต็มร้อยว่านางจะรักษาทุกบาดแผลของน้องชายให้หายได้

 

พวกฟางเต๋อหยวนแม้แต่จะคลางแคลงใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เลือกที่จะเชื่อคนกันเองและพาทุกคนออกไป

 

เมื่อพวกเขาออกไปแล้ว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองท่านปู่เล็กที่ดูแล้วอ่อนกว่าย่าตัวเองอีก 10-20 ปีแล้วอมยิ้ม พลางถามขึ้น “ท่านปู่เล็ก ท่านเชื่อข้ากับหยูเฮงน้อยมั้ย”

 

“เชื่อสิ เชื่ออยู่แล้ว เจ้ากับหยูเฮงน้อยเป็นเด็กที่ไม่ธรรมดา ข้าเห็นความหวังบนตัวพวกเจ้า” ฟางหมิงเห้อยิ้มบางๆ

 

“หา จริงหรือนี่”

 

หยูเฮงน้อยเบิกตากว้าง มองเขาด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “ท่านปู่เล็ก ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้ากับคุณหนูไม่ธรรมดา”

 

“พรืดดด”

———————–