ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 479 สู้ตาย

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว

นอกจากดวงตาที่แปลกประหลาดแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกส่วนอื่นไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันใด แต่ว่า ‘ตงเซิงจวิน’ ตรงหน้านี้ มีลักษณะแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง

‘มารตัวนี้ทำลายผนึกออกมาหรือ?’ ความคิดของเยี่ยนจ้าวเกอทำงานดุจสายฟ้า ‘ไม่ ยังไม่ได้ทำ…’

ในเหวลึกเบื้องล่างยังคงมีกลิ่นอายอันน่ากลัวสองสายกำลังโจมตีอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำลายผนึกที่ดวงอาทิตย์สีทองสร้างขึ้น

‘ตงเซิงจวิน’ ตรงหน้าถึงแม้จะดูแข็งแกร่ง แต่เทียบกับพลังอันน่าพรั่นพรึงที่อยู่ด้านล่างเหวลึกแล้ว ยังอ่อนด้อยกว่ามากนัก

‘เป็นเศษจิตมาร ใช้โอกาสที่ผนึกสั่นไหวซึมออกมา สิงร่างตงเซิงจวิน เท่ากับการหลอมร่างของตงเซิงจวินให้กลายเป็นร่างแยกของมัน’

ถึงกระนั้นมาตรว่าจะมาแค่ร่างแยกที่หลอมสำเร็จ แต่กลับแข็งแกร่งสุดขีด

จอมยุทธ์มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณจากตำหนักอัสนีสวรรค์ ที่มีพลังฝึกปรือใกล้เคียงกับตงเซิงจวินถูกเขากระแทกกระเด็นออกไป!

เยี่ยนจ้าวเกอกวาดสายตาไปรอบๆ พบว่ายังคงมีกระแสอากาศสีดำหลายสายแผ่ขยายอยู่ในเหวลึกอย่างไร้สุ้มเสียง

ทุกคนที่อยู่ในเหวลึกต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาปรากฏความขัดขืน แบกรับแรงกดดันมหาศาล

‘ตงเซิงจวิน’ หัวเราะขึ้น “โลกดีๆ เช่นนี้ มอบให้ข้าเถอะ!”

ท่ามกลางเสียงกู่ร้อง แสงสีดำในดวงตาของเขาหมุนเวียน วูบไหวร่าง พุ่งเข้าหาจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ที่อยู่ใกล้ตนที่สุด

นั่นคือศิษย์ร่วมสำนักในตอนแรกของเขา จอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

จอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นพยายามตั้งสติ ยกมือขึ้นป้องกัน

แต่เห็น ‘ตงเซิงจวิน’ แยกเขี้ยวเป็นรอยยิ้มแปลกประหลาด

แสงสีดำสัมผัสกับจอมยุทธ์มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้น แต่ไม่ได้โจมตีเขา กลับติดอยู่บนตัวจอมยุทธ์ผู้นั้นเหมือนกับหมึกดำ!

ผู้อาวุโสสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นส่งเสียร้องอย่างตกใจระคนโมโห ร่างกายสั่นไหวอย่างรุนแรงเหมือนกับอาการสั่นด้วยความหวาดกลัว

ในตอนนั้นเอง กระแสอากาศสีดำที่กระจายอยู่เต็มเหวลึกรวมตัวทะลักเข้าไปในร่างของยอดฝีมือมหาปรมาจารย์ผู้นี้อย่างบ้าคลั่ง

พริบตาต่อมา ร่างกายของผู้อาวุโสสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็หยุดสั่นอย่างฉับพลัน

บนใบหน้าชราของเขาปรากฏรอยยิ้มแปลกประหลาด สีหน้าเหมือนกับ ‘·ตงเซิงจวิน’ ไม่มีผิด!

ชายชราเงยหน้าขึ้นมา ในเบ้าตาทั้งสองข้าไม่เห็นตาขาวอีกแล้ว มีแต่เพียงสีดำแถบหนึ่ง

‘ตงเซิงจวิน’ กับชายชราผู้นี้เอ่ยปากพูดขึ้นพร้อมกัน ถึงแม้เสียงหนึ่งจะเป็นของคนหนุ่ม อีกเสียงเป็นของคนชรา แต่อารมณ์ในน้ำเสียงกลับเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน “มอบให้ข้าเถอะ”

แสงสีดำสองสายเคลื่อนไหวไปมาในเหวลึก พุ่งไปหาคนอื่นต่อ

พวกซี่จ้าวจวินรีบถอยหลบ แต่ว่าอีกฝ่ายรวดเร็วอย่างแปลกประหลาด พลังเองก็แข็งแกร่งยิ่ง ทำให้พวกเขามิอาจต้านทานได้

โซ่สีดำที่ปรากฏลายแสงสีแดงหลายสายสั่นไหวกลางอากาศไม่หยุด มารร้ายที่ดุร้ายหมายขวัญมากมายพุ่งไปหาจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ที่อยู่รอบๆ เช่นกัน

มารร้ายเหล่านี้ก่อให้เกิดการสังหารโหด กวนคนเป็นพายุหยาดฝนโลหิตมากมาย

‘ตงเซิงจวิน’ พุ่งเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอ ชายหนุ่มมีสีหน้าเคร่งขรึม ในมือปรากฏกระบองสั้นทำจากหินท่อนหนึ่ง

กระบองสั้นที่ทำจากหินขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเสาหินขนาดยักษ์เสาหนึ่งในชั่วพริบตา จากนั้นก็หล่นลงจากท้องฟ้า ชนใส่ศีรษะของ ‘ตงเซิงจวิน’

เสาหินที่มีขนาดยักษ์เหลือประมาณมีประกายแสงเจ็ดสีส่องระยิบระยับอย่างต่อเนื่อง เป็นเสาระเบียงวังเทพนั่นเอง

เนื่องจากพลังฝึกปรือของตัวเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงแม้ว่าเสาระเบียงวังเทพจะมีพลังในการสะกดผนึกที่แข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่อาจสะกดร่องแยกยมโลกที่เปิดออกอย่างแท้จริงได้

แต่ก็เห็นผลลัพธ์ชัดเจนเมื่อใช้กับ ‘ตงเซิงจวิน’ ที่ถูกมารร้ายสิงร่าง

พอถูกเสาระเบียงวังเทพพุ่งใส่ แสงสีดำแวววาวในดวงตาทั้งสองข้างของ ‘ตงเซิงจวิน’ ก็พลันริบหรี่ การเคลื่อนไหวของร่างกายช้าลง

แต่ว่าอีกด้านหนึ่ง มารร้ายก็ยังคงอาละวาดไม่หยุด

คนที่จิตใจเกิดความวิตกกังวล ความตั้งใจสั่นคลอนอย่างรุนแรง ต่างกลายเป็นพาหะของกระแสอากาศสีดำในเหลวลึก พากันกลายเป็นร่างแยกของมารร้ายคนแล้วคนเล่า

มีคนบางคนที่ความบ้าคลั่งในใจกลายเป็นความคิดมาร ดวงตากลายเป็นสีเหลือง ทั้งยังสาดประกายเลือด ถูกล่อลวงกลายเป็นมารโดยตรง

คนที่มีจิตใจแน่วแน่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีอันบ้าคลั่งของมารร้ายและผู้กลายเป็นมารเหล่านี้ ล้วนบาดเจ็บล้มตายมากมาย

จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ที่อยู่รอบๆ นอกจากเยี่ยนจ้าวเกอที่เป็นมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณเพียงคนเดียวแล้ว คนอื่นๆ ล้วนเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณทั้งสิ้น

ตามปกติแล้ว สำหรับโลกแปดพิภพ ทุกคนล้วนเป็นบุคคลที่อยู่ในระดับสูงที่สุด และสูงส่งกว่าคนทั่วไป

แต่ว่าในวินาทีนี้ เมื่อได้อยู่ที่นี่ กลับเหมือนเหยียบเข้าสู่อเวจีไร้สิ้นสุดอย่างแท้จริง!

มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณคนแล้วคนเล่าเสียชีวิต บางคนกลายเป็นร่างแยกและผู้ช่วยของมารร้าย

โซ่สีดำมากมายในตอนนี้สลัดหลุดจากธารแสงสีทอง แล้วพุ่งขึ้นข้างบนในทันใด ในขณะที่ฟาดใส่ดวงอาทิตย์สีทองไม่หยุด ยังพุ่งเข้าโจมตีหยวนเจิ้งเฟิงและเฉินลี่ด้วย

หยวนเจิ้งเฟิงขมวดคิ้ว ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งกดลงด้านล่าง เพิ่มพลังบนดวงอาทิตย์สีทองต่อ

ส่วนอีกมือหนึ่งตั้งขึ้นเป็นดาบ ฟันใส่โซ่สีดำเหล่านั้น

ประกายดาบที่ยิ่งใหญ่ประดุจท้องฟ้าสว่างขึ้นกลางอากาศ ทำลายโซ่สีดำที่มีแสงสีแดงส่องระยิบระยับหลายเส้น

เฉินลี่แค่นเสียงคำหนึ่ง เก็บพลังที่เสริมให้ดวงอาทิตย์สีทองกลับมา จากนั้นก็ใช้สองมือพร้อมกัน ประกายแสงสีม่วงหลายสายเปล่งประกายระยิบระยับ สายฟ้ามากมายแลบขึ้นในเหวลึก ฉีกกระชากความมืด ส่องสว่างท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล และผ่าใส่โซ่สีดำ

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองถูกกดดันให้ลงมือจัดการมารร้าย และผู้กลายเป็นมารจำนวนมากที่อยู่รอบๆ

มารร้ายและผู้กลายเป็นมารคนแล้วคนเล่าถูกสังหาร สถานการณ์ในที่สุดก็ถูกควบคุมไว้ได้อีกครั้ง

เพียงแต่จอมยุทธ์จากแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่เข้าสู่ปฐพีพิภพในครั้งนี้หายไปมากกว่าครึ่ง บาดเจ็บล้มตายมากมายนัก

ผนึกเบื้องล่างปั่นป่วนมากขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่สับสนเช่นนี้

ที่ก้นเหวลึกมีความมืดไร้สิ้นสุดทะลักขึ้นมา พลังที่น่าหวาดกลัวเริ่มผลักดวงอาทิตย์สีทองให้ลอยขึ้นข้างบนอีกครั้ง!

หากมองลงมาจากท้องฟ้าเหนือปฐพีพิภพบนโลกแปดพิภพ เส้นสายธารแสงอันยิ่งใหญ่ที่กระจายไปทั่วเหมือนกับใยแมงมุมปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เส้นสีทองและเส้นสีดำมากมายตัดสลับกันอย่างหนาแน่น

ธารแสงสีทองยังคงส่องแสงละลานตา เพียงแต่ครั้งนี้จำนวนของธารแสงสีดำกลับมีมากกว่าก่อนหน้า

ด้านในเหวลึก หลังจากการลอยขึ้นของดวงอาทิตย์สีทองและหลังจากการคลายตัวอย่างต่อเนื่องของผนึก หมอกเบื้องล่างยิ่งมายิ่งหนาแน่น เริ่มซัดขึ้นด้านบนไม่หยุด ถึงขนาดอ้อมข้ามดวงอาทิตย์สีทอง ม้วนเข้าหาหยวนเจิ้งเฟิงและเซินลี่!

หยวนเจิ้งเฟิงกับเฉินลี่ต่างโบกมือฟันใส่หมอกดำ แสงพิสุทธิ์กับแสงสายฟ้ากลายเป็นคมดาบ ต้านทานหมอกดำไว้

‘ตอนนี้ ได้แต่ต้องสู้ตายแล้ว!’ เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจลึก แววตาแน่วแน่ ก่อนจะเก็บเสาระเบียงวังเทพ จากนั้นก็พุ่งเข้าหาดวงอาทิตย์สีทอง

เมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์สีทองแล้ว ความร้อนที่รุนแรงก็กระจายออกมา ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเหมือนตนเองกำลังลุกไหม้

ถึงแม้ว่าพลังชีวิตจะค่อยๆ เบาบางลงแล้ว แต่ว่าพลังที่แฝงอยู่ในดวงอาทิตย์สีทองนี้กลับน่าตกตะลึงถึงขีดสุด

ก่อนหน้านี้ถูกซ่อนเร้นมาโดยตลอด หากอยู่ด้านนอกหรืออยู่ไกลออกไปจะไม่สามารถรู้สึกถึงได้

แต่เมื่อเข้าใกล้ เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกว่าดวงอาทิตย์สีทองตรงหน้านี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ของหวงกวงเลี่ยเสียอีก คล้ายกับพระอาทิตย์ของจริงบนท้องฟ้า

ยิ่งเข้าใกล้เท่าไร เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเหมือนถูกละลายมากเท่านั้น

เยี่ยนจ้าวเกอสงบจิตใจ ยื่นมือไปเขียนตราประทับลวดลายอาคมที่ลี้ลับมากมายกลางอากาศด้านหน้า

ตราประทับลวดลายอาคมเหล่านี้ส่องแสงสีทองระยิบระยับ มีพลังงานอันยิ่งใหญ่ของดวงอาทิตย์แผ่ซ่านออกมาจากด้านใน