TB:บทที่ 111 การช่วยเหลือ
“2หมื่นล้าน? เราไม่ได้ต้องการมากขนาดนั้น ลดลงหน่อยก็ได้ครับ” เฉินหลงรู้สึกตะลึงเมื่อได้ยินจำนวนเลขนั้น
พูดตามความเป็นจริง เฉินหลงต้องการให้ระบบภาพเสมือนจริงกับประเทศนี้ ไม่สำคัญว่าจำนวนเงินจะมากหรือน้อย ยิ่งไปกว่านั้นเฉินหลงก็อยากที่จะพึ่งเจ้าระบบนี้เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับประเทศในอนาคตและเงินจำวนวน 2หมื่นล้านหยวนนี้ก็ดูมากเกินไป
อีกอย่างคือมันน่าแปลกใจมากที่ตำแหน่งทหารของพวกเขาจะเลื่อนยศเป็นนายพลใหญ่ได้ขนาดนี้
“คนที่ทำธุรกิจและขายของก็ต่างหวังที่จะได้ผลตอบรับสูง ยิ่งสูงยิ่งดี งั้นแล้วคุณจะสร้างรายได้ที่มากกว่านี้ได้ยังไงละ?” ท่านผู้นำคนที่สองมองเฉินหลงอย่างสนใจพร้อมกับพูด
เป็นครั้งแรกที่เขาส่งเครื่องกำจัดฝุ่นมายังประเทศนี้และเป็นครั้งที่สองที่เขาส่งระบบภาพเสมือนมา ตอนนี้เฉินหลงยังคงมีความสำนึกในเรื่องทางการเมือง ท่านผู้นำคนที่สองนั้นก็ยิ่งพอใจในตัวเฉินหลงมากขึ้นไปอีกและอีกอย่างเขาก็เป็นสมาชิกของกลุ่มซีโร่ด้วย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีหลานสาว ไม่อย่างนั้นเขาคงจะรับเฉินหลงมาเป็นหลานเขยไปแล้ว
“พวกเราก็มาจากประเทศจีนมหาอำนาจ สิ่งที่ตอนนี้ประเทศกำลังกังวลก็คืออนาคตของพันกว่าล้านคนในประเทศจีน ไม่ว่าคุณจะชอบเงินมากแค่ไหนก็ตาม คุณก็ไม่สามารถหาเงินได้ ให้ผมแค่หนึ่งหรือสองพันล้านหยวนก็พอและส่วนเงินที่เหลือผมจะนำไปเป็นเงินสนับสนุนให้กับประเทศ” เฉินหลงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ถึงแม้ว่าเฉินหลงจะต้องการเงินจำนวน 2หมื่นล้านหยวน แต่ตอนนี้เขาก็ยังมีเงินเป็นพันล้านหยวนและสามารถสร้างได้มากกว่านี้ในอนาคต ครั้งนี้ 2หมื่นล้านหยวนเป็นเงินของประเทศชาติ เขาจึงยอมยกให้ก่อน
ทั้งสองฝั่งยื่นมือจับกันและพูดว่า “งั้นพวกเราก็เอาเปรียบคุณอีกครั้งนะสิ ถ้างั้นเงินของคุณก็จะเป็นทั้งหมด 2พันล้านหยวน และถ้าหากคุณเจออุปสรรคอะไรในอนาคต คุณสามารถติดต่อมาได้โดยตรงเลยนะครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของท่านผู้นำสูงสุด เฉินหลงก็รับรู้ได้ว่าเป้าหมายของเขาครั้งนี้สำเร็จได้ด้วยการการันตีจากท่านผู้นำที่มีอำนาจรัฐสูงสุดจากทั้งสองท่านด้วยเงินจำนวน 2หมื่นล้านหยวน ธุรกิจประเภทนี้ดูคุ้มค่าที่จะทำ
หลังจากนั้นเฉินหลงก็ส่งมอบระบบภาพเสมือนจริงให้กับรัฐซึ่งเขาก็ได้ค่าตอบทนกลับมาเป็น 2000 ล้านหยวน ในขณะเดียวกันเขาก็ได้เลื่อนขั้นเป็นพลตรีที่อายุน้อยที่สุดในราชวงศ์จีน
หลังจากที่รัฐบาลได้ระบบไปก็ได้เริ่มทดสอบกับมนุษย์อย่างลับๆในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีเว่ยหลงก็ยังคงตัดระบบภาพเสมือนต่อไป ในเวลาเดียวกันบริษัทเทคโนโลยีเว่ยหลงก็เริ่มเปิดรับสมัครคนจากในสังคมและมหาวิทยาลัย
สุดท้ายในการสร้างเกมส์ขึ้นมานั้นไม่ใช่สิ่งที่คนหนึ่งหรือสองคนจะสามารถสร้างขึ้นมาได้
บางโรงงานในประเทศก็ได้เริ่มผลิตสิ่งที่เหมือนกับที่คาดหัวซึ่งเป็นบริการของเกมส์จากบริษัทเทคโนโลยีเว่ยหลง หลังจากที่ลงโปรแกรมเกมส์ลงไปในที่คาดหัวแล้ว ผู้ใช้งานสามารถเข้าสู่โลกเสมือนจริงเพื่อค้นหาความเร้าใจที่เหล่าผู้ใช้ต้องการได้
เฉินหลงได้ขอให้รัฐบาลช่วยผลิตที่คาดหัวพวกนี้แต่เขาก็ไม่ได้ให้เงินกับรัฐบาลไปเลย ซี่งใน
คำพูดของเฉินหลงที่ว่ารัฐได้ผลประโยชน์จากเขาไปเยอะมากแล้วคุณยังต้องขอเงินจากผมอีกหรอ?
ทางด้านของรัฐบาลก็รู้ว่ามันน่าอายที่จะต้องขอเงินจากเฉินหลง ดังนั้นรัฐจึงไม่พูดถึงเรื่องเงินอีกและนั้นก็ทำให้เฉินหลงสบายใจไม่มีทางและไม่ว่าใครก็ตามที่เอารัดเอาเปรียบแล้วในใจจะยังคงมีความสุข เดิมทีเฉินหลงคิดว่าธุรกิจของบริษัทควรจะมอบอำนาจให้กับเจิ้งอี้ แต่หากพวกรัฐบาลจะเข้าไปทำเอง เขาก็โอเคเพราะเขาก็ไม่คาดหวังที่จะเจอกับอะไรอยู่แล้ว
บุคคลคนแรกที่เข้ามาที่บ้านของเฉินหลงทุกวันก็คือลู่เซียง เธอชอบทำให้เฉินหลงรำคาญและมักขอให้เฉินหลงรับเธอเป็นเด็กฝึกงาน แม้ว่าเฉินหลงอยากจะปิดบังวิธีรักษาปู่ของเธอ แต่เธอก็รู้จนได้ อย่างไรก็ตามลู่เซียงก็ยังคงหมกหมุ่นอยู่กับเฉินหลงจนฮ่าวซือเหวิน(ฮ่าวฉิเหวิน)กลัวว่าจะเกิด
เรื่องระหว่างทั้งเฉินหลงกับลู่เซียง ในเมื่อลู่เซียงไปเซ้าซี้เฉินหลงทุกวัน ดังนั้นฮ่าวซือเหวินก็เลยตามดูเธอทุกวัน ส่วนบุคคลที่สองที่มาหาเฉินหลงวันนี้ก็คือคนรู้จักของเฉินหลงและในอนาคตก็อาจมีคนอย่างพวกเขาเพิ่มขึ้น คนคนนี้ก็คือลั่วฮุยซึ่งเป็นพี่สี่ของตระกูลลั่วที่เฉินหลงได้เจอที่ปักกิ่ง แน่นอนว่าตอนนี้เฉินหลงเป็นบุคคลสำคัญในปักกิ่ง
ถึงแม้ว่าตระกูลของลั่วฮุยจะไม่ใช่หนึ่งในสี่ของตระกูลชนชั้นสูงในเมืองหลวงแต่ฐานะและอำนาจของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพวกสี่ตระกูลชนชั้นสูง
“พี่สี่ ทำไมวันนี้ถึงมาหาผมได้ละ?” หลังจากที่เชิญให้ลั่วฮุยนั่งลง เฉินหลงก็ถามด้วยรอยยิ้ม
“น้องเฉิน ฉันจะไปที่โถงซานเปา ฉันมาที่นี่เพื่อมาขอให้นายช่วย” ลั่วฮุยแสดงสีหน้าอย่างช่วยไม่ได้
ในฐานะตระกูลลั่ว ลั่วฮุยได้ออกมาจากตระกูลแล้วเขาจึงไม่สามารถทำสิ่งใดได้ตามที่ต้องการ
และถ้าหากครั้งนี้มันไม่ยากเกินไป เขาก็คงไม่มาขอความช่วยเหลือจากเฉินหลงหรอก
“พี่สี่ พูดออกมาเถอะ ถ้าผมช่วยได้ ผมจะช่วย” เฉินหลงพูดอย่างจริงจัง
เฉินหลงเคยได้ยินข่าวลือมาบ้างเกี่ยวกับลั่วฮุยที่ปักกิ่ง ว่าลั่วฮุยเป็นคนรุ่นใหม่ของตระกูลลั่วและเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในตระกูลก่อนที่เขาจะออกไป ลั่วฮุยเป็นผู้นำรุ่นใหม่ในปักกิ่งโดยอาศัยความสามารถในการผูกมิตรเก่งของตนเอง แต่โชคก็ไม่เข้าข้างเขา คนอย่างลั่วฮุยจึงไม่สามารถผ่านบททดสอบได้อย่างสวยงาม ตอนลั่วฮุยอายุได 25 ปี เขาได้พบกับผู้หญิงที่มีค่าที่สุดในชีวิตเขา นั้นก็คือ หมินซี
แต่อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ตระกูลลั่วได้ทำการหมั้นหมายกับคงอี้เหยียนไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเธอก็เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลชนชั้นสูง ตัวเอกสำคัญในการหมั้นครั้งนี้ก็คือลั่วฮุยกับคงอี้เหยียน คงอี้เยียนเป็นลูกสาวของผู้นำตระกูลคง ลั่วฮุยก็เป็นหนุ่มหล่อส่วนคงอี้เหยียนก็มีเสน่ห์และเธอก็เป็นที่รู้จักไปทั่วแถมเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถด้วย
แต่ยังไงลั่วฮุยก็ได้เจอกับหมินซีแล้ว มันเหมือนขั้วบวกกับขั้วลบที่ดึงดูดเข้าหากัน ลั่วฮุยตกหลุม
รักหมินซีจนถอนตัวไม่ขึ้นและไม่สามารถมองผู้หญิงอื่นได้อีกแล้ว
ตระกูลของพวกชนชั้นสูงจะให้ความสำคัญมากกับเรื่องปัญหาหน้าตาทางสังคม ลั่วฮุยเหมือนตบหน้าคงอี้เหยียนอย่างจังจึงย่อมทำให้ตระกูลคงไม่มีทางอภัยได้ง่ายๆ ดังนั้นเขาก็เหมือนสร้างปัญหาให้กับตระกูลลั่วและเขาจึงขอให้ครอบครัวของเขาช่วยอธิบายให้
เนื่องจากลั่วฮุยเป็นคนรุ่นหลังของตระกูลลั่วที่มีพรสวรรค์มากที่สุด คนในครอบครัวตระกูลลั่วเลยโน้มน้าวให้ลั่วฮุยแต่งงานกับคงอี้เหยียน จากนั้นก็ไปค่อยไปคบกับหมินซีลับๆ วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะรักษาหน้าให้กับตระกูลคง ลั่วฮุยก็ไม่ต้องแยกทางกับหมินซีด้วย
แต่กระนั้นครอบครัวตระกูลลั่วนั้นประมาณหัวใจของลั่วฮุยต่ำเกินไป เพราะลั่วฮุยยอมที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อหมินซี เช่นนั้นลั่วฮุยจึงประกาศออกจากตระกูลลั่วต่อหน้าคนในตระกูลลั่วและตระกูลคง ดังนั้นการหมั้นหมายจึงถูกยกเลิกไป
หลังจากที่ลั่วฮุยประกาศออกจากตระกูลลั่วแล้ว เขาก็ได้ออกจากเมืองหลวงมาพร้อมหมินซี
เดิมทีลั่วฮุยคิดว่าถ้าเขาทำแบบนี้แล้ว เขาจะสามารถใช้ชีวิตที่เหลือกับหมินซีได้อย่างมีความสุข แต่น่าเสียดายที่มีใครบางคนไม่อยากให้มันจบง่ายขนาดนั้น
ในระหว่างทางที่ลั่วฮุยและหมินซีกำลังเดินทางออกจากเมือง เขาทั้งสองถูกไล่ล่าซึ่งคนที่ไล่ตามพวกเขามาก็เป็นพวกมีฝีมือ ลั่วฮุยผู้ซึ่งมีพละกำลังแค่เพียงเล็กน้อย ท่อนบนของร่างกายย่อมถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ โชคดีที่คนฝีมือดีของตระกูลลั่วมาถึงทันเวลาและช่วยเขาและหมินซีไว้ได้ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ครอบครัวตระกูลลั่วก็โกรธเป็นอย่างมากและพูดสั่งไว้ว่า
ถึงแม้ว่าลั่วฮุยจะไม่ใช้คนในตระกูลลั่วอีกต่อไปแล้ว แต่ใครก็ตามที่กล้ามาทำร้ายลั่วฮุย พวกเขาก็พร้อมที่จะเป็นศัตรูด้วย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็จะถูกตระกูลลั่วคิดบัญชีคืนแน่นอน
ทุกคนต่างรู้ชัดว่าผู้ชายที่ไล่ตามลั่วฮุยไปนั้นต้องถูกส่งมาจากตระกูลคงแน่ จากนั้นตระกูลลั่วจึงได้ส่งคนไปบอกกับตระกูลคงว่าจะรักษาหน้าให้กับตระกูลคงทั้งหมด แต่ถ้าจะเล่นลับหลังกันขนาดนี้ก็คงต้องหยาบคายใส่บ้างแล้ว
หลังจากที่ตระกูลลั่วได้ฝากคำพวกนี้ไปถึงตระกูลคง ฝั่งตระกูลคงเมื่อรับรู้ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับมา
ด้านลั่วฮุยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาจึงยังคงไม่มีเรี่ยวแรงหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ และหมินซีก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา เมื่อร่ากายของเธอโดนทำร้ายและโดนกระทบกระเทือน ร่างกายของเธอจึงอ่อนแอและป่วยได้ง่าย และในเวลาเดียวกันเธอก็หมดโอกาสที่จะเป็นแม่คนแล้ว
ลั่วฮุยรู้ว่าทั้งหมดที่เขาทำไปนั้นทำให้ตระกูลคงเสียหาย เขาเคียดแค้นตระกูลคง แต่เขารู้ว่าเขาไม่ได้มีความสามารถที่จะแก้แค้นในตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็คือดูแลหมินซี
แต่เมื่อเดือนที่แล้ว ร่างกายของหมินซีนั้นรับไม่ไหวแล้ว แม้ลั่วฮุยจะเชิญแพทย์จำนวนมากมาดูอาการเธอ แต่ก็ไม่มีแพทย์คนไหนสามารถรักษาอาการของเธอได้ซึ่งมันก็ทำให้ลั่วฮุยหมดหวัง
ในเวลานี้ หลังจากที่ได้ยินว่าเฉินหลงเคยรักษาโรคมะเร็ง หัวใจของเขาก็เริ่มมีความหวัง
“น้องเฉินหลง”ลั่วฮุยพูดกับเฉินหลงด้วยน้ำเสียงที่ราวกับกำลังอ้อนวอนเขา