ตอนที่ 739 การก้มหัวจากพ่อมดเถื่อน โดย ProjectZyphon
ภายใต้บรรยากาศที่เงียบสงัด ร่างอันสง่างามของจ้าวซิงเย่ปรากฏขึ้น
ดวงตาคู่งามของนางลึกล้ำปานมหาสมุทร กวาดมองไปทั่ว ความกดดันที่ยากพรรณนาก็แผ่กระจายตามออกมา
ราชินีกระหายเลือด!
ตอนที่จำฐานะของจ้าวซิงเย่ได้ ชิงเฮ่อและกลุ่มผู้แข็งแกร่งหัวใจตกไปอยู่ตรงตาตุ่มอย่างสิ้นเชิง สีหน้าซีดเซียว
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดหลินสือเอ้อร์ถึงเหิมเกริมเช่นนี้ และเข้าใจแล้วว่าเหตุใดศรธนูนั่นจึงมีอานุภาพที่ตะลึงโลกไร้เทียมทานเช่นนี้
ทุกอย่างล้วนเพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียว!
ผู้หญิงอันตรายที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนมานานนับพันปี!
พวกเขามั่นใจว่าแม้จะเผชิญหน้ากัน ราชันนภาเพลิงคงจะไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของผู้หญิงคนนี้ได้
“กลับไปบอกราชันกู่เจินว่า หลังจากนี้ถ้ามีบุคคลระดับราชันกล้าเข้าไปกำเริบเสิบสานในค่ายจักรวรรดิอีก ก็อย่าโทษว่าข้าตาต่อตาฟันต่อฟัน!”
เหนือความคาดหมายของทุกคน จ้าวซิงเย่ไม่ได้โจมตีต่อ แต่หลังจากพูดทิ้งท้ายเอาไว้ประโยคหนึ่งก็พาหลินสวินหมุนตัวจากไป
สังหารราชันภายในธนูเดียว จากนั้นพูดทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งก็จากไปอย่างคนบรรลุเป้าหมาย!
พวกชิงเฮ่อมองจ้าวซิงเย่และหลินสวินจากไป ค่อยๆ ห่างออกไปเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปขวาง ถึงขั้นที่ไม่กล้าพูดจา บรรยากาศดูเงียบงันผิดปกติ
……
ในวันนั้นที่ค่ายพ่อมดเถื่อน
ภายในกระโจมหลังหนึ่ง ชายชราในชุดหนังสัตว์ รูปร่างค่อมโก่ง ผมบางประปราย ดูชราอย่างมาก เมื่อได้ยินคำเตือนจากจ้าวซิงเย่ เขาก็ดูเงียบมากเช่นกัน
เนิ่นนานเขาจึงถอนหายใจเบาๆ เอ่ยเสียงแหบพร่าและทุ้มต่ำ “ศรธนูพลิกฟ้า! จ้าวซิงเย่!”
ภายในกระโจมยังมีบุคคลชั้นยอดของเผ่าพ่อมดเถื่อนนั่งอยู่ โดยระดับที่ต่ำที่สุดคือราชันกึ่งระดับ สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันก็ไม่น้อย
เพียงแต่ตอนนี้สีหน้าของพวกเขาดูอึมครึมมาก
โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงถอดถอนใจของชายชรา สีหน้าของพวกเขายิ่งมืดทะมึนจนแทบจะมีน้ำหยดลงมาได้แล้ว
ภายในวันเดียว จินเจาสุ่ยราชันสายคนเถื่อนทองคำถูกฆ่า ราชันนภาเพลิงแห่งสายคนเถื่อนอัคคีก็ถูกฆ่า และต่างตายด้วยน้ำมือผู้หญิงคนเดียวกัน การโจมตีอย่างหนักหน่วงเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
“เดิมข้าคิดว่าก่อนที่พิบัติมหามรรคจะมาเยือน พวกเราสามารถฉวยโอกาสนี้กวาดล้างค่ายทัพจักรวรรดิให้สิ้นซากในคราเดียว ทำสิ่งที่หลายพันปีมาไม่เคยสำเร็จได้เสียที ใครจะคิดว่ากลับมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดขึ้น…”
ชายชราสีหน้าไม่ยินดียินร้าย ดวงตาทั้งคู่แฝงความโชกโชน พูดเสียงเบา “เสียดายจริงๆ…”
ราชันคนหนึ่งขมวดคิ้ว ส่งเสียงอย่างโกรธเคือง “หากไม่ใช่เพราะหลินสือเอ้อร์และธนูในมือที่จู่ๆ โผล่มา จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร”
กลุ่มผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งอยู่ได้ยินชื่อ ‘หลินสือเอ้อร์’ ต่างขมวดคิ้ว ไอสังหารพลุ่งพล่านขึ้นในใจ
เด็กหนุ่มคนเดียวเท่านั้น แต่หลังจากปรากฏตัวในสมรภูมิกระหายเลือดก็ป่วนจนคลื่นลมเต็มฟ้า ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพอึดอัด ถูกโจมตีและพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง นี่ดูเหลือเชื่อและพาให้เดือดดาลอย่างมาก
“โทษคนอื่นตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร”
ชายชราที่นั่งอยู่บนตำแหน่งประธานดูนิ่งสงบผิดปกติ “ตั้งแต่มหาวาสนามาเยือนในป่าต้นหม่อนเป็นต้นมา เผ่าของเราสูญเสียราชันไปสี่คนแล้ว จะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว”
“หรือท่าน… ท่านจะยอมจ้าวซิงเย่นั่นจริงๆ?” คนใหญ่คนโตที่นั่งอยู่ต่างตกใจ
“เดิมทีผู้หญิงคนนี้ก็กระหายเลือดเป็นนิสัย ยิ่งตอนนี้ในมือมีสมบัติเย้ยฟ้า ถ้าสู้กับนางอีก แม้พวกเราสู้สุดกำลัง ผลลัพธ์ในตอนท้ายก็มีแต่จะสูญเสียทั้งสองฝ่าย”
ชายชรายืนขึ้นอย่างงกๆ เงิ่นๆ เดินออกนอกกระโจมไปพร้อมร่างที่ค่อมโก่ง “สั่งการลงไปว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้หยุดลั่นกลองรบ สงบศึกกับศัตรู”
ในระหว่างที่พูด ตัวเขาก็จากไปแล้ว
เพียงแต่แม้ตัวเขาจะจากไปแล้ว แต่คำพูดอันเบาแผ่วที่พูดทิ้งท้ายเอาไว้กลับประหนึ่งหนักเป็นพันชั่ง กดทับหัวใจของผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนในค่าย ทำให้ในใจพวกเขาแม้จะอัดอั้นและเดือดดาลอย่างที่สุด แต่กลับไม่อาจไม่ยอมรับ
เพราะชายชราท่านนี้ก็คือ สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับผู้นำของค่ายทัพพ่อมดเถื่อนนั่นเอง!
คำพูดของเขาราวกับราชโองการ ไม่มีใครกล้าละเมิด!
……
วันนี้ราชินีกระหายเลือดจ้าวซิงเย่โจมตีอย่างแข็งกร้าว สังหารราชันพ่อมดเถื่อนสองคน บีบจนราชันกู่เจินจำต้องรับปากสงบศึก!
เมื่อข่าวนี้แพร่กลับค่ายทั้งแปดของจักรวรรดิก็เกิดเสียงฮือฮามากมายในทันที ทำให้ผู้ฝึกปราณจักรวรรดิทุกคนต่างกระปรี้กระเปร่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทั้งตื่นเต้นและดีใจ
ช่วงที่ผ่านมานี้กองทัพพ่อมดเถื่อนคุกคามอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่ายทัพจักรวรรดิรับศึกหนัก สถานการณ์ตึงเครียดและกดดัน เรียกได้ว่าหวาดผวากันทั่วหน้า
ไม่ว่าใครก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าถ้าเปิดศึกกันอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยทรัพยากรที่เหลืออยู่จะสามารถทำให้ค่ายจักรวรรดิสู้จนถึงตอนท้ายได้หรือไม่
แต่ตอนนี้ทุกอย่างไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้ว!
นี่จะไม่ให้ตื่นเต้นดีใจได้อย่างไร กวาดหมอกควันและเงามืดที่มีมาอย่างต่อเนื่องของค่ายจักรวรรดิจนหมดสิ้น บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง
“แม่ทัพจ้าวเก่งกาจเกินไปแล้ว สังหารราชันพ่อมดเถื่อนด้วยถึงสองคนโดยลำพัง และยังบีบให้ราชันกู่เจินจำต้องก้มหัว อานุภาพระดับนี้เพียงพอสามารถเทียบเคียงความเจิดจรัสของสุริยันจันทราได้แล้ว!”
ผู้ฝึกปราณจักรวรรดิมากมายต่างร้องโห่ให้กับจ้าวซิงเย่ ความเคารพนับถือที่มีต่อนางถึงขั้นที่คลั่งไคล้อย่างไม่มีที่เปรียบแล้ว
“เท่าที่ข้ารู้ ที่ครั้งนี้แม่ทัพจ้าวประสบความสำเร็จได้ชัยมา ก็เพราะความช่วยเหลืออย่างสุดกำลังของคุณชายหลินสือเอ้อร์”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”
“ข้าจะบอกพวกเจ้าให้ว่า ตอนที่แม่ทัพจ้าวสังหารราชันพ่อมดเถื่อนทั้งสอง ก็อาศัยคันธนูและศรในมือคุณชายหลินนั่นแหละ!”
“ไม่ผิด ตามข่าวที่สายสืบแนวหน้าส่งกลับมา ราชันกู่เจินนั่นก็เหมือนจะหวาดเกรงคันธนูและศรคู่นั้นอย่างมาก จึงจำต้องตัดสินใจหยุดสงคราม”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นคุณชายหลินก็มีส่วนในคุณงามความดีในครั้งนี้ด้วย!”
พร้อมๆ กันนั้น เรื่องที่หลินสวินให้ความช่วยเหลือสุดกำลัง ให้ยืมธนูอย่างใจกว้างก็แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเรื่องน่ายินดีในชั่วขณะ
ผู้ฝึกปราณจักรวรรดิต่างสรรเสริญหลินสวินว่าคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมอย่างสุดหัวใจ มีคุณธรรมส่องสว่างโลก เป็นตัวอย่างของทุกคน และเป็นต้นแบบของเหล่าทหารหาญแห่งจักรวรรดิ
แต่ตอนที่ฉินฉู่ได้ยินข่าวนี้กลับโกรธจนแทบกระอักเลือด
ตอนแรกเขาก็เคยยืมธนูของหลินสวิน แต่ตอนนั้นหลินสวินปฏิเสธอย่างไม่ลังเล เช่นนี้น่ะหรือที่เรียกว่าคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมอย่างสุดหัวใจ
ไหนจะบอกว่ามีคุณธรรมส่องสว่างโลก เป็นต้นแบบของเหล่าทหารหาญแห่งจักรวรรดิอีก?
ถุ้ย!
เขามีสิทธิ์รับหรือ
ฉินฉู่ยิ่งคิดก็ยิ่งหดหู่ใจ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงตอนที่ตน ‘ยืมสมบัติ’ ไม่สำเร็จ แล้วยังถูกจ้าวซิงเย่เล่นงานอย่างหนัก ในใจเขาก็ยิ่งอัดอั้น
ทว่าไม่ว่าเขาจะคั่งแค้นอย่างไร ตอนนี้ในค่ายจักรวรรดิชื่อของ ‘หลินสือเอ้อร์’ เรียกได้ว่าดุจดั่งอาทิตย์กลางท้องฟ้า ถูกผู้ฝึกปราณมากมายเคารพยกย่อง
กลับเป็นตัวฉินฉู่เอง ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องที่เขาเคย ‘ยืม’ สมบัติของหลินสวินอย่างแข็งกร้าว ทำให้เขาโดนด่าลับหลังอย่างรุนแรง เสื่อมเสียชื่อเสียง
นี่ทำให้ฉินฉู่โกรธจนจมูกเบี้ยว อยากจะฆ่าพวกที่วิจารณ์และเยาะเย้ยเขาลับหลังแทบทนไม่ไหว
……
คืนที่หวนกลับค่ายหมายเลขเจ็ด
ภายในเรือนหลังหนึ่ง จ้าวซิงเย่เรียกหลินสวินเข้ามาหาโดยเฉพาะ จากนั้นก็หยิบธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาครามออกมา สีหน้าดูเคร่งขรึมและจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนพร้อมเอ่ย “สมบัติคู่นี้มีปัญหาใหญ่ ต่อไปหากไม่ใช่สถานการณ์คับขันถึงชีวิต อย่าใช้จะดีที่สุด มิฉะนั้นจะต้องโดนพลังสะท้อนกลับจากมันแน่!”
……………….