บทที่ 761 มรดกบางส่วน!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

ขณะที่ดวงจิตในดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ตื่นขึ้น ร่างของหวังเป่าเล่อก็สั่นไหวรุนแรง เนื่องจากสัมผัสสวรรค์ของเขายังเชื่อมอยู่กับดวงจิต ความหิวกระหายของวิชาดวงเนตรปีศาจในกายที่ปล่อยออกมากลายเป็นมือขนาดเล็กพุ่งเข้าไปคว้าบางอย่างมาจากดวงเนตรหมื่นปีศาจ ในตอนนั้นเอง ข้อมูลมากมายจากที่ไหนไม่รู้ก็ปรากฏขึ้นในหัวชายหนุ่ม ร่างของเขาสั่นเทิ้ม รู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิด!

หากเป็นคนอื่นคงจะตายลงตรงนั้นไปแล้ว โชคดีที่ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อนั้นพิเศษ มันกลายเป็นหมอกพัดกระจายออกไปทันทีก่อนจะกลับมารวมตัวใหม่อีกครั้ง ด้วยวิธีนี้ทำให้ชายหนุ่มสามารถทนพลังรุนแรงนั้นได้

หลังจากทานทนพลังดังกล่าวได้ ร่างของหวังเป่าเล่อก็ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง แม้จะมีเลือดไหลออกตามทวารทั้งเจ็ด แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความสุขเกินกว่าที่จะเชื่อได้

นี่มัน… ดวงวิญญาณของชายหนุ่มสั่นไหว ร่างกายสั่นเทิ้ม เขาพบกระบวนท่าส่วนต่อของวิชาดวงเนตรปีศาจ!

กระบวนท่าเหล่านี้ไม่ใช่กระบวนท่าขั้นจุติวิญญาณ แต่เป็นกระบวนท่าขั้นเชื่อมวิญญาณ!

หรือถ้าจะอธิบายให้ชัดเจนมากขึ้นก็คือ กระบวนท่าที่ปรากฏในหัวของเขาไม่ใช่วิชาดวงเนตรปีศาจแต่เป็นวิชาดวงเนตรสวรรค์!

ถึงจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ไม่ใช่ทั้งหมด ด้วยความคุ้นเคยและความเข้าใจในวิชาดวงเนตรปีศาจ หวังเป่าเล่อจึงตัดสินได้ทันทีว่ากระบวนท่านี้ไม่ใช่ของปลอม แต่เป็นพลังเทพส่วนต่อที่เขาต้องการพอดี!

แม้การเรียนรู้กระบวนท่านี้โดยตรงจะไม่เหมาะเท่าไหร่ แต่ถ้าให้เวลาสักหน่อย ชายหนุ่มย่อมสามารถผสานวิชาแห่งศาสตร์มืดให้เข้ากับวิชาดวงเนตรสวรรค์ส่วนเล็กๆ ที่ได้มา และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นวิชาดวงเนตรปีศาจที่เหมาะกับเขาได้!

ของขวัญชิ้นใหญ่นี้จู่ๆ ก็โผล่มา จึงทำให้แม้แต่หวังเป่าเล่อเองยังตื่นตะลึงไป ครู่ต่อมา ความบ้าคลั่งก็ฉายชัดขึ้นในดวงตาของชายหนุ่ม เขาขยายสัมผัสเทพออกไปอีกครั้ง พยายามดึงข้อมูลมาเพิ่ม โดยไม่ได้สนใจสภาพปัจจุบันของตนเองแต่อย่างใด

แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่ชายหนุ่มคิดไว้ ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ ข้อมูลที่ได้มาเพิ่มทุกๆ ครั้งกลับซ้ำกับข้อมูลก่อนหน้านี้ตลอด ทำให้หวังเป่าเล่อไม่ได้ข้อมูลใหม่เพิ่ม

ดูเหมือนว่าหากชายหนุ่มต้องการข้อมูลเพิ่ม เขาจะต้องสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสัมผัสสวรรค์ของตนกับดวงจิตให้แข็งแกร่งกว่านี้ แต่…ถึงจะทราบเช่นนั้น ชายหนุ่มก็ไม่สามารถทำได้

เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าการเชื่อมโยงระหว่างสัมผัสสวรรค์และดวงจิตของดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์นั้นอ่อนพลัง ชายหนุ่มต้องการสร้างการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งกว่านี้ แต่ก็เหมือนมีชั้นป้องกันบางอย่างที่ยากจะทลายขวางอยู่ ทำให้ล้วงข้อมูลมาได้ยาก

หวังเป่าเล่อพยายามซ้ำๆ จนดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ค่อยๆ เลือนรางไปพร้อมดวงจิตด้านในที่หายวับไปอีกครั้ง เมื่อดารานิรันดร์กลับคืนสู่สภาพปกติ ชายหนุ่มก็ได้แต่ถอนหายใจและยืนครุ่นคิด ผ่านไปสักพักก็ก้มมองตราประจำกองทหารสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ ดวงตาของเขาฉายแสงวาบ หลังจากวิเคราะห์สถานการณ์เสร็จ หวังเป่าเล่อก็ได้คำตอบที่ตนเองก็ไม่ค่อยจะแน่ใจสักเท่าไหร่

เป็นไปได้หรือไม่ว่า…ดวงเนตรหมื่นปีศาจนี้คือมรดกตกทอด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรับไปได้ มีเพียงผู้ฝึกตนที่ได้เรียนรู้เคล็ดวิชาจากแหล่งเดียวกันเท่านั้นถึงจะรับไปได้!

เพราะเช่นนั้นคนอื่นถึงรับไปไม่ได้ แต่ข้ารับไปได้…ถ้าข้าเดาถูก แสดงว่าถึงจะมีสิทธิ์ แต่ก็ต้องมีคุณสมบัติต่างๆ จึงจะรับแต่ละส่วนได้ตามระดับต่างๆ….ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็อธิบายได้ว่าเหตุใดข้าถึงได้มาแค่ส่วนเล็กๆ หรือมันจะเป็นเพราะข้ามีอำนาจไม่เพียงพอ หวังเป่าเล่อมองตราประจำกองทหารสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ในมืออีกครั้งและตรึกตรองต่อ

จะว่าไปการเชื่อมโยงของข้ากับดวงจิตของดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์นั้นค่อนข้างอ่อนพลังหรือไม่ก็เชื่อมโยงได้แค่ขอบเขตด้านนอกของมันเท่านั้น พอจะเสริมการเชื่อมโยงให้แข็งแกร่งขึ้นก็ถูกกันไว้

หรือจะเป็นเพราะสิทธิ์ของกองทหารสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์นั้นไม่เพียงพอ หวังเป่าเล่อคิดต่อสักพักก่อนจะเก็บตราประจำกองทหารไป เขาต้องหาทางพิสูจน์เรื่องนี้ แต่ชัดเจนว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะทำเช่นนั้น เรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้คือก่อการจลาจลครั้งใหญ่!

คอยก่อนเถอะ กองทหารมังกรหยดหมึก! ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายแสงวาบ หลังจากสัมผัสได้ถึงพลังดวงเนตรหมื่นปีศาจที่มีแค่ตนที่สัมผัสได้ เขาก็หายวับออกไปจากดารานิรันดร์ในทันที

หวังเป่าเล่อใช้กระบวนท่าสารัตถะจำแลงกายตนเองและท่องไปทั่วอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ขณะที่กำลังมองหาโอกาสอยู่นั้น เขาก็ติดต่อไปหาเต๋อคุนจื่อและขอให้ช่วยจับตาดูการเคลื่อนไหวของกองทหารมังกรหยดหมึกไว้ เวลาผ่านไปครึ่งเดือน ชายหนุ่มก็เข้าใจการเคลื่อนไหวของกองทหารมังกรหยดหมึกอย่างชัดเจนหลังจากรวมข้อมูลของตนเองเข้ากับข้อมูลของเต๋อคุนจื่อ

ออกประกาศจับข้าทั่วอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เสร็จก็ออกล่าเลยหรือ หวังเป่าเล่อนั่งมองห้วงอวกาศห่างไกลอยู่บนสะเก็ดดาว ดวงตาของเขาฉายแสงเย็นเยียบ หลังจากรวบรวมข้อมูลอยู่ช่วงหนึ่ง ชายหนุ่มก็รู้ว่าก่อนที่กองทหารมังกรหยดหมึกจะมาปล้นตนเอง พวกเขาพบความสูญเสียครั้งใหญ่จากอวกาศชั้นนอก พอกลับมาจึงตกอยู่ในห้วงของความโกรธแค้นและสิ้นหวัง

แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาปล้นข้าเลย! หวังเป่าเล่อพ่นลมทางจมูก หลังจากรวบรวมข้อมูลจากหลายๆ แหล่งก็พบเส้นทางที่กองทหารมังกรหยดหมึกใช้เดินทางกลับ และตอนนี้เขาก็อยู่ตรงนั้น ตั้งใจจะประกาศให้กองทหารมังกรหยดหมึกได้รู้ว่าใครเป็นใหญ่ในที่แห่งนี้

คิดได้ดังนั้น หวังเป่าเล่อก็ตรวจดูอุปกรณ์ในกระเป๋าคลังเก็บ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร ร่างกายของเขาก็ค่อยๆ กลายเป็นหมอกหลอมรวมเข้ากับสะเก็ดดาว ไม่หลงเหลือร่องรอยหรือพลังใดๆ ขณะซุ่มรออยู่เงียบๆ

ชายหนุ่มรออยู่เช่นนั้น เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า พริบตาเดียว ครึ่งเดือนก็ผ่านไป หวังเป่าเล่ออดทนรอ แม้กองทหารมังกรหยดหมึกจะไม่โผล่มาเลยตลอดครึ่งเดือน แต่เขาก็ยังรออยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหน

อีกครึ่งเดือนผ่านไป จู่ๆ คลื่นรบกวนก็พัดกระจายมาจากห้วงอวกาศซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป หมอกบนสะเก็ดดาวพลันขยับ ภายในมีดวงตาแหลมคมหนึ่งคู่ที่สังเกตเห็นได้ไม่ค่อยชัดเจนนักปรากฏขึ้น

มาแล้วหรือ… ขณะที่หวังเป่าเล่อพึมพำอยู่ในใจ ในห้วงอวกาศห่างออกไปไม่มาก กองทัพเรือบินรบขนาดยักษ์หลายร้อยลำก็กำลังมุ่งหน้าตรงมา

เรือบินรบแต่ละลำนั้นมีขนาดและพลังยิ่งใหญ่กว่าเรือบินรบของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์อยู่มากโข ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเหล่าเรือบินรบดูคล้ายหมึกยักษ์ แต่ละลำเป็นเรือบินรบชีวภาพ ถ้ามีคนไม่ทราบสถานการณ์มาเห็นเข้าคงจะคิดว่าพวกมันทั้งหมดเป็นฝูงสัตว์ในห้วงอวกาศ

นั่นเพราะมีเรือบินรบชีวภาพในกองเรือกว่าสิบลำที่เป็นสีม่วงทั้งลำ พวกมันมีขนาดใหญ่กว่า พลังกดดันที่ปล่อยออกมาก็แข็งแกร่งกว่าเรือบินรบลำอื่นๆ จนดูราวกับเป็นหัวหน้าของฝูงสัตว์ก็ไม่ปาน

แม้เรือบินรบชีวภาพเหล่านี้จะได้รับความเสียหายแตกต่างกันไปและเหมือนว่าได้ผ่านศึกหนักหน่วงมา แต่คลื่นพลังที่ปล่อยออกมานั้นกลับแฝงไปด้วยความตื่นเต้น

เรือบินรบชีวภาพแต่ละลำแล่นด้วยความเร็วสูงท่องผ่านอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ทุกที่ที่มันผ่าน คลื่นพลังที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นก็สามารถกวาดข้ามสิ่งที่กีดขวางทั้งหมดไปได้ และในตอนนี้ กองเรือบินรบก็กำลังเคลื่อนทัพเข้าไปใกล้สะเก็ดดาวที่หวังเป่าเล่ออยู่!

ชายหนุ่มไม่ขยับเขยื้อน เขาจับตาดูกองเรือบินรบอย่างใกล้ชิดพร้อมแสงประหลาดที่ฉายวาบขึ้นในดวงตา พลังที่แผ่ออกมาจากเรือบินรบสีม่วงอยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณ หลังจากค้นหาอยู่สักพักเขากลับไม่พบเรือบินรบเวทของผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึก หรือสัมผัสถึงพลังขั้นจิตวิญญาณอมตะ

ชายหนุ่มรู้สึกฉงน

นางไม่อยู่หรือ หรือว่าซ่อนตัวอยู่ในเรือบินรบลำอื่น แต่ถ้าคิดดูแล้ว นางก็ไม่น่าจะเดาความคิดข้าได้… ขณะที่กำลังครุ่นคิด กองเรือบินรบของกองทหารมังกรหยดหมึกก็มาถึงสะเก็ดดาวที่หวังเป่าเล่ออยู่ พวกเขาไม่พบสิ่งปกติอะไรในสะเก็ดดาว จึงเคลื่อนทัพผ่านไป

เมื่อเห็นว่ากองเรือบินรบของกองทหารมังกรหยดหมึกกำลังจะผ่านไป หวังเป่าเล่อก็ไม่มีเวลาให้คิดอีก เขาอยู่ในจุดที่ถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว!

ช่างปะไร! นางไม่อยู่นี่ละดีแล้ว! คิดเช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็เลิกลังเลใจ ขณะที่หมอกเคลื่อนตัว สะเก็ดดาวก็ระเบิดทำลายตัวเอง!

แรงสั่นสะเทือนกระจายไปทั่วบริเวณ เศษหินนับไม่ถ้วนกระเด็นไปทางกองทหารมังกรหยดหมึก ขณะที่กองทหารมังกรหยดหมึกกำลังจะตอบโต้ หวังเป่าเล่อก็ปรากฏตัวขึ้นจากหมอก เขายกมือขวากวาดลงด้านล่างอย่างรุนแรง ทันใดนั้น เรือบินรบทำลายตัวเองที่คุมโดยหุ่นเชิดหลายร้อยลำก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้ากองทหารมังกรหยดหมึก!

“จงระเบิด!” หวังเป่าเล่อร้องคำราม พลันเรือบินรบทำลายตัวเองนับร้อยก็พุ่งเข้าใส่กองทหารมังกรหยดหมึกเหมือนกับเป็นฝูงสุนัขคลั่ง

จะดีมากถ้าเรือบินรบพุ่งชนกับกองทหารมังกรหยดหมึก แต่ถ้าไม่ เรือบินรบพวกนั้นก็จะระเบิดในระยะใกล้อยู่ดี พลังทำลายตัวเองของเรือบินรบหลายร้อยลำที่ผสานกัน ประกอบกับการโจมตีอย่างไม่คาดฝันทำให้กองทหารมังกรหยดหมึกไม่สามารถตั้งตัวได้ทัน แรงระเบิดทำลายตัวเองขนาดสั่นสะท้านฟ้าดินปะทะเข้ากับกองทหารมังกรหยดหมึกเข้าอย่างจัง

แรงสั่นสะเทือนรุนแรงกระจายไปทั่วห้วงอวกาศในทันที!

………………………………….