บทที่ 229 ความสุข โดย EnjoyBook

บทที่ 229 ความสุข

หญิงสาวคุยกับบรรดาสะใภ้ทั้งหลายและแทะเมล็ดแตงไปด้วย มีแค่หนึ่งหรือสองวันในปีหนึ่ง ๆ เท่านั้นที่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้ ยิ่งกว่านั้นวันนี้ยังเป็นวันสิ้นปี เป็นวันที่ทุกคนต่างร่าเริงมีความสุข ในเมื่อทั้งครอบครัวมีทั้งอาหารและเงินทองที่หามาได้ด้วยตัวเองแล้ว พวกเขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไรล่ะ?

จะว่าไปแล้ว ครอบครัวตระกูลโจวเหมือนจะมีอิสระมากกว่าครอบครัวอื่น ๆ โดยแท้

แม้แต่สะใภ้รองเองก็รู้สึกเหนือกว่าตอนที่หล่อนเปรียบเทียบตัวเองกับสะใภ้บ้านอื่น

หลินชิงเหอกลับบ้านไปหลังจากนั่งอยู่ราว 2 ชั่วโมง

เธอรินซุปงาใส่ถ้วยกระเบื้องเคลือบและเอ่ยกับโจวชิงไป๋ “คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”

“ไม่นานนักหรอก” โจวชิงไป๋ตอบ

ทั้งคู่ออกไปด้วยกัน หลินชิงเหอไปคุยกับสะใภ้ทั้งหลายพร้อมกับแทะเมล็ดแตงไปด้วย ไม่นานนักผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเธอก็มาหา พวกเขาคุยกันและพูดถึงเรื่องในครอบครัว ในขณะที่โจวชิงไป๋ไปเยี่ยมบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งที่นั่นมีคนหลายคน จนเขาเพิ่งจะได้กลับมา

ส่วนเจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเจ้าสาม ยังไม่มีใครกลับมาที่บ้านเลย

“คุณดื่มสักหน่อยสิคะ” หลินชิงเหอรินซุปงาให้เขาถ้วยหนึ่งเช่นกัน

โจวชิงไป๋รับไปดื่ม

“พรุ่งนี้น้องชายกับน้องสะใภ้ของฉันจะมาหานะคะ” หลินชิงเหอบอกเขา

เธอได้ยินจากเจ้าใหญ่ว่าครั้งนี้ท่านพ่อหลินป่วย เธอจึงไม่ได้ส่งเงินไปให้แม้แต่เหมาเดียว หากเธอไม่รู้เรื่องนี้ก็ลืมไปซะเถอะ แต่ลูกชายคนโตของเธอไปเจอมาด้วยตัวเอง ดังนั้นเธอจึงตัดเนื้อออกมาชิ้นหนึ่งเพื่อทำให้เรื่องมันจบ ๆ ไป

แต่เธอกลับให้ในนามของน้องชายสามตระกูลหลินโดยที่ไม่ใช่ในนามของเธอเอง

หลินชิงเหอไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในละครพ่อลูกกับท่านพ่อหลินหรอก

เธอได้ยินสะใภ้สามตระกูลหลินบอกว่าอาการป่วยของท่านพ่อหลินรุนแรงกว่าท่านพ่อโจวเมื่อปีที่แล้ว ท่านแม่หลินรับรู้เอาตอนที่เขามีไข้สูงจนแทบระเบิดในตอนกลางดึก หลังจากนั้นทั้งบ้านก็ตกอยู่ในความวุ่นวายอลหม่าน

หลินชิงเหอไม่สนใจในเรื่องนี้ การแสดงน้ำใจบ้างนับว่าเพียงพอแล้ว

“อืม” โจวชิงไป๋ส่งเสียงรับรู้ วันพรุ่งนี้เขาจะรอเจอน้องชายสามตระกูลหลินอยู่ที่บ้านแล้วกัน

“เวลาผ่านไปอีกปีแล้วนะคะ ช่างรวดเร็วเหลือเกิน” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างรำลึก

สายตาของโจวชิงไป๋อ่อนโยนลง เขาเลื่อนมือมากุมมือเธอไว้และเอ่ยว่า “คุณยังสวยตลอดกาลเลยนะ”

หลินชิงเหอเบิกตากว้าง ไอ้หยา ชิงไป๋ของเธอรู้จักพูดจาหวานซึ้งแบบนี้ด้วยเหรอ?

โจวชิงไป๋มองดูภรรยาด้วยดวงตาเปี่ยมรอยยิ้ม หลินชิงเหอถูกรวบตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา จากนั้นทั้งคู่ก็เข้าไปเล่นซุกซนในห้อง

เจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเจ้าสามกลับมาตอนสามทุ่ม

“ลงกลอนประตูแล้วไปนอนซะ” เสียงพ่อของพวกเขาดังออกมาจากในห้อง

เห็นชัดว่ามันเป็นวันของสามีภรรยาคู่นี้

เจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเจ้าสามตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นพวกเขาก็ลงกลอนประตูบ้านและกลับเข้าไปในห้อง

“ยังไม่ดึกเลยนะคะ” ภายในห้อง หลินชิงเหอนอนไม่หลับ เธอทุบโจวชิงไป๋เบา ๆ

“ยังไม่ดึกหรอก” โจวชิงไป๋ตอบด้วยเสียงทุ้มพร่าเล็กน้อย

คำพูดนี้แฝงความหมายอยู่ ไม่กี่วันนี้รอบเดือนของเธอเพิ่งมา เขาจึงไม่ได้แตะต้องเธอจนถึงเมื่อวานนี้ที่มันหมดลง แต่วันนี้…

หลินชิงเหอกระแอมเสียงแห้งและเอ่ยตอบ “นี่มันปีใหม่แล้วนะคะ เราไม่ใช่หนุ่มสาวกันแล้ว ใจเย็นหน่อยค่ะ”

แต่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะใจเย็นกันแล้ว ทั้งคู่โรมรันพันตูกันตั้งแต่สามทุ่มจนถึงเที่ยงคืน แม้ระหว่างนั้นจะมีช่วงพักบ้าง แต่หลินชิงเหอก็ยังเหนื่อยล้าเสียจนไม่สามารถกระดิกนิ้วได้

“ถ้ายังเป็นแบบนี้อีก พรุ่งนี้ก็คอยดูแล้วกันค่ะว่าคุณจะปวดหลังจนเดี้ยงไหม” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างอ่อนแรง

“มันไม่ปวดหรอก” โจวชิงไป๋รู้สึกพอใจและหลับไปโดยกอดภรรยาไว้ในอ้อมแขน

หากสภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่ เขาก็คงไม่มีกำลังวังชาถึงเพียงนี้ แต่หญิงสาวให้การดูแลเขาอย่างดีมาก ทุกอย่างล้วนถูกจัดการอย่างพิถีพิถัน แค่สามรอบเท่านั้นร่างกายของเขาก็ยังทนไหว

แม้โจวชิงไป๋จะไม่เอ่ยเรื่องนี้มาก่อน แต่เขาก็รับรู้อย่างเลือนรางว่าถ้าแม่จริง ๆ ของเจ้าใหญ่อยู่ที่นี่ พ่อลูกอย่างพวกเขาจะต้องอยู่กันอย่างลำบากแน่นอน

ความจริงแล้วในตอนแรกที่เขากลับมา เขาก็เป็นกังวลอย่างไม่สิ้นสุด แต่ไม่คิดเลยว่าภรรยาของเขาจะมีจิตใจเปลี่ยนไปแล้ว

โจวชิงไป๋ไม่คิดว่ามันจะมีอะไรผิดพลาด ผู้คนอาจเรียกเขาว่าเป็นชายชั่ว แต่แท้จริงแล้วเขากับลูก ๆ ไม่ได้มีความรู้สึกรักใคร่ต่อแม่แท้ ๆ ของลูก ๆ มากนัก

เขาจึงกลับมาที่บ้านอย่างนับครั้งได้ในหลายปี

แต่กับภรรยาในตอนนี้ของเขา เขากลับรู้แจ้งว่าเธอเป็นคนที่เขารัก เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าครอบครัวของเขาจะเป็นอย่างไรหากไม่มีเธออยู่

ส่วนเด็ก ๆ นั้น พวกเขาจะเติบโตขึ้นไปเป็นผ้าสีไหน?

โจวชิงไป๋คิดถึงเรื่องเหล่านี้ขณะนอนกอดภรรยาและนอนหลับอย่างสงบ แม้แต่ในความฝันของเขา มุมปากของเขาก็ยังโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม

หลินชิงเหอไม่รู้เลยว่าผู้ชายของเธอคิดมาก ต่อให้เขาไม่ได้เอ่ยออกมาเขาก็มีอยู่ในใจเป็นหมื่นล้านคำ

ขณะที่เธอไม่คิดอะไรมากนักและนอนหลับสบายอยู่ในอ้อมแขนของเขา ชายคนนี้เหมือนเตาผิงตัวใหญ่จริง ๆ เตียงเตามอดลงในตอนกลางดึกแล้ว แต่เมื่อมีเขาอยู่เธอก็ไม่รู้สึกเหน็บหนาวแต่อย่างใด

ในเช้าตรู่ของวันต่อมา หลินชิงเหอก็ลุกขึ้นปรุงโจ๊กงาซี่โครงหมู

งานี้มีสรรพคุณบำรุงไต เมื่อคืนนี้พ่อโคของเธอไถพรวนที่นาของเธออย่างยาวนานมาก ดังนั้นเธอจึงต้องให้การบำรุงดี ๆ กับเขาบ้าง

มีขิงซอยโรยเล็กน้อย โจ๊กงาซี่โครงหมูก็อร่อยล้ำ

ทั้งครอบครัวกินโจ๊กงาก่อนจะไปทำงานของตัวเอง

น้องชายสามตระกูลหลินกับสะใภ้สามตระกูลหลินพาลูกสาวทั้งสามและลูกชายอีกหนึ่งคนมาเยี่ยม ตอนนี้สะใภ้สามตระกูลหลินก็มีอีกคนหนึ่งอยู่ในท้อง

หลินชิงเหอแทบไม่อยากเชื่อ พวกเขาลูกดกกันจริง ๆ

ตัวเธอมีแต่คำถาม เธอไม่เคยเห็นสะใภ้สามตระกูลหลินตอนที่ยังไม่ตั้งครรภ์เลย

คนทั้งคู่และลูก ๆ ของพวกเขามาหาในฐานะแขก นอกจากนี้พวกเขายังนำอาหารมาให้ด้วย

คนยุคนี้ก็เป็นแบบนี้ ไม่มีใครได้อาหารมาง่าย ๆ หลินชิงเหอจึงไม่เอ่ยอะไร เธอแค่คิดแต่ว่าจะทำอาหารกลางวันให้อร่อยดีต่อสุขภาพและทำให้พวกเขาอยู่รับประทานอาหารสักมื้อ

หลานสาวและหลานชายต่างกระดากอายที่จะกิน หลินชิงเหอจึงใช้ตะเกียบคู่กลางคีบอาหารบางส่วนให้พวกเขากิน

เมื่อคนทั้งหมดกำลังจะกลับ หลินชิงเหอก็ให้ลูกอมนมครึ่งถุงกับสะใภ้สามตระกูลหลินเพื่อนำไปแบ่งกินในครอบครัว

“เก็บไว้ให้เจ้าสามและคนอื่น ๆ เถอะค่ะ เราไม่ต้องกินของแบบนี้หรอก” สะใภ้สามตระกูลหลินห้ามปราม

“เธอกินมันได้นะ แค่ลูกอมครึ่งถุงเอง รับไปเถอะ” หลินชิงเหอตอบ

เด็ก ๆ ของน้องชายสามตระกูลหลินต่างเห็นด้วยว่าป้าสามของพวกเขาช่างใจดี พวกเขาอยากจะมาในฐานะแขกอีกในอนาคต หลินชิงเหอจึงตอบไปว่าเธอจะต้อนรับพวกเขาทุกเมื่อ

น้องชายสามตระกูลหลินนัดวันเวลากับพี่เขย พวกเขาจะออกล่าไก่ฟ้ากันอีกครั้งในวันที่เจ็ด

ทั้งครอบครัวน้องชายสามตระกูลหลินกลับไปอย่างมีความสุข

หลินชิงเหอหันมาทางโจวชิงไป๋ “น้องชายของฉันก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ ไม่รู้ว่านี่เป็นความสุขหรือความทุกข์สำหรับเขากันแน่”

“เป็นความสุขล่ะ” โจวชิงไป๋ตอบ

ภรรยาของเขาบอกว่าคนรุ่นใหม่จะมีการวางแผนครอบครัว นั่นหมายความว่าจะมีลูกน้อยลงและคุณภาพดีขึ้น เกรงว่าเธอคงไม่เข้าใจในสังคมนี้ที่เน้นการมีลูกจำนวนมาก

แต่โจวชิงไป๋เข้าใจ

ยุคนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการวางแผนครอบครัวเลย ยิ่งกว่านั้นครอบครัวหนึ่งมีบ้าน เช่นเดียวกับลูกชายและลูกสาว

แล้วยังจะเหลืออะไรอีกล่ะ?

พวกเขาแค่ออกไปทำงานในทุ่งนาและรับแต้มค่าแรงกลับมาจุนเจือครอบครัว หากพวกเขาสามารถดูแลครอบครัวได้ ก็นับว่าเป็นความสุขแล้ว

“นั่นก็ใช่ค่ะ” หลินชิงเหอตอบในใจ

เพียงแต่ว่าน้องชายของเธอพ่ายผอมมากกว่าโจวชิงไป๋ที่เป็นพี่เขยเสียอีก

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พ่อแรงดีไม่มีตกเลยค่ะ ยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดใช่ไหมคะ

ตอนนี้ว่าด้วยความสุขแล้ว ความสุขของผู้อ่านคืออะไรหรือคะ?

ไหหม่า (海馬)