ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเหลียนเฉิงเรียลเอสเตทนั้นชื่อว่าเฉินเจี้ยนเตาและหัวหน้าฝ่ายการเงินชื่อว่าเฉียนหยูไห่ ทั้งคู่เคยเป็นมือขวา และมือซ้ายที่เก่งกาจของกู่เหลียนเฉิง และทำงานให้กับกู่เหลียนเฉิงมานานกว่าสิบหกปีแล้ว..
ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมานั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหนึ่งเดือนก่อนหน้าที่กู่เหลียนเฉิงจุถูกหลิงหยุนบีบจนต้องยอมยกทรัพย์สิน และกิจการทุกอย่างให้กับเขา แต่ภายในบริษัทเหลียนเฉิงเรียลเอสเตทกลับยังคงดำเนินงานไปได้อย่างเป็นปกติและราบรื่น ไม่มีความโกลาหลเกิดขึ้นในองค์กรเลยแม้แต่น้อน นั่นก็เพราะความสามารถของคนทั้งคู่นั่นเอง..
เฉินเจี้ยนเตานั้นรูปร่างผอมบางตัดผมสั้นติดหนั้งศรีษะ แววตามั่นใจอย่างคนมีความสามารถ และรับผิดชอบในเรื่องการบริหารงานต่างๆทั้งหมดภายในบริษัท ส่วนเฉียนหยูไห่นั้นสูงปานกลาง และค่อนข้างเจ้าเนื้อ ใบหน้าสงบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ รับผิดชอบในเรื่องการเงินการบัญชีทั้งหมดของบริษัท..
และเป็นเพราะมีคนเก่งทั้งสองคนอยู่ในบริษัทเช่นนี้เมื่อหลิงหยุนกับถังเมิ่งเข้ามารับช่วงดูแลกิจการต่อ จึงไม่มีปัญหาให้ต้องวุ่นวายปวดหัว..
และรายงานที่ถังเมิ่งต้องการนั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในหัวของพวกเขาทั้งคู่แล้ว สามารถรายงานให้ถังเมิ่งฟังในเวลานี้ได้ทันที เพียงแต่ทั้งคู่เห็นว่ายังไม่เหมาะที่จะทำเช่นนั้น เพราะดูเหมือนประธานถังซึ่งยังเป็นเพียงแค่เด็กวัยรุ่น น่าจะยังไม่พร้อมรับฟัง..
ในเมื่อเปลี่ยนเจ้านายการทำงานจึงต้องเปลี่ยนตามไปด้วย..
ระหว่างนั้น..หลิงหยุนก็แอบเหลือบมองโม่วู๋เตาที่พยักหน้าให้ และการพยักหน้าของโม่วู๋เตานั้น ก็เป็นการยืนยันกับหลิงหยุนว่า ผู้จัดการทั้งสองคนนี้สามารถใช้งานต่อไปได้..
หลังจากที่เฉินเจี้ยนเตาเห็นว่าถังเมิ่งกับหลิงหยุนไม่มีเรื่องอื่นที่จะพูดกับพนักงานต่อแล้วเขาจึงสั่งให้ทุกคนกลับไปทำงานตามปกติ และเมื่อหลิงหยุนแจ้งความจำนงไปว่าเขาต้องการทานอาหารเที่ยงที่นี่ เฉินเจี้ยนเตาซึ่งรู้ดีว่าเจ้าของบริษัทที่แท้จริงก็คือหลิงหยุน ถึงกับร้องถามออกมาอย่างดีอกดีใจ..
“ไม่ทราบว่าคุณหลิงกับประธานถังจะทานที่ห้องอาหารส่วนตัวหรือจะไปทานที่โรงอาหารของบริษัท..”
เฉียนหยูไห่เป็นคนพูดน้อยดังนั้นหน้าที่ในการต้อนรับขับสู้จึงต้องตกเป็นของเฉินเจี้ยนเตาไป
เฉินเจี้ยนเตาอธิบายต่อว่า“ทั้งชั้น 28 นี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของประธาน ที่นี่คือห้องทำงาน ถัดจากห้องนี้ก็จะเป็นห้องประชุม แล้วก็มีห้องรับประทานอาหารส่วนตัวอยู่ในชั้นนี้ด้วย..”
“ห๊ะ!”
ถังเมิ่งถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจและได้แต่คิดว่ากู่เหลียนเฉิงสมกับเป็นมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยแห่งจิงฉูจริงๆ แม้แต่ที่ทำงานยังหรูหราสะดวกสบายถึงเพียงนี้..
หลิงหยุนลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดยิ้มๆ“ไปดูห้องรับประทานอาหารของท่านประธานกันดีกว่า..”
เฉินเจี้ยนเตากับเฉียนหยูไห่นั้นแม้ว่าจะเป็นผู้จัดการอยู่คนละฝ่าย แต่ก็มีสัมพันธภาพอันดีต่อกัน เฉินเจี้ยนเตาไม่ต้องการได้หน้าคนเดียว จึงร้องบอกเฉียนหยูไห่ว่า
“คุณเฉียน..คุณพาหัวหน้าหลิงกับประธานถังไป ส่วนผมมีเรื่องเล็กๆน้อยๆต้องไปจัดการ เดี๋ยวผมจะตามไป..”
เฉียนหยู่ไห่ร้องบอกทุกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“เชิญตามผมทางนี้เลยครับ..”
……….
“โอ้..แม่เจ้า!”
และทันทีที้เฉียนหยูไห่เปิดประตูห้องรับประทานอาหารถังเมิ่งก็ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะภายในห้องตกแต่งด้วยหินอ่อน และสีทองสุกสว่าง ดูหรูหราอลังการอย่างมาก แม้แต่โม่วู๋เตายังถึงกับกลืนน้ำลาย..
“ผู้จัดการเฉียน..เชิญคุณนั่งลงก่อน ไม่ต้องเกรงใจ!”
หลิงหยุนเอ่ยชวนเฉียนหยูไห่และเฉินเจี้ยนเตาที่เพิ่งตามเข้ามาให้นั่งลง..
จากนั้นเฉินเจี้ยนเตาจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า“ที่นี่ได้จ้างเชฟอาหารจีน และเชฟอาหารตะวันตกไว้โดยเฉพาะ และผมได้สั่งพวกเขาให้เตรียมอาหารจานพิเศษให้กับทุกคนแล้ว..”
หลิงหยุนกับถังเมิ่งได้ฟังก็ถึงกับอึ้งหลิงหยุนได้แต่แอบคิดในใจว่า ‘นี่กู่เหลียนเฉิงมันจะสร้างวิมานในที่ทำงานเลยงั้นรึ!’
เฉียนหยูไห่เห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็รีบอธิบายทันที“อาจจะดูเหมือนเป็นการฟุ่มเฟือย แต่ที่นี่มักจะมีแขกวีไอพีมาเยี่ยมเยียนอยู่เสมอ จึงต้องสร้างบรรยากาศให้พวกเขาประทับใจ..”
หลิงหยุนและถังเมิ่งสามารถเข้าใจได้ในทันที แต่ถึงกระนั้นถังเมิ่งก็ยังคิดว่ามันมากเกินไปอยู่ดี
“หากคุณหลิงกับประธานถังเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลืองผมจะจัดการให้พวกเขาออกไป..”
“แทนที่จะไล่พวกเขาออกผมว่าเราให้พวกเขาไปทำงานบริษัทในเครืองจะเหมาะกว่า..” หลิงหยุนขัดขึ้นทันที
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปพูดกับถังเมิ่งว่า“อย่าลืมว่าเรากำลังจะซื้อธุรกิจโรงแรม กับร้านอาหาร โยกย้ายพวกเขาไปทำงานที่นั่น หากที่นี่มีแขกวีไอพี และจำเป็นต้องใช้เชฟ ก็ค่อยเรียกมาทำหน้าที่เป็นครั้งคราว..”
ไม่นานนัก..อาหารกลิ่นหอมอบอวลกว่าสิบแปดอย่างก็ถูกนำขึ้นมาเสิรฟในห้อง พร้อมกับเหล้าเหมาไถชั้นดี และระหว่างที่รับประทานอาหารไปนั้น หลิงหยุนจึงพูดขึ้นว่า
“ผมรู้ว่าคุณสองคนคงจะกังวลใจไม่น้อย..แต่ผมขอยืนยันว่าตราบใดที่พวกคุณยินดีใช้ความสามารถที่มีทำงานให้เต็มที่ ตำแหน่งหน้าที่การงานของพวกคุณก็จะสูงขึ้น และใหญ่โตขึ้นอย่างแน่นอน!”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..หากพวกคุณเป็นผู้ช่วยท่านประธานถัง!”
หลิงหยุนเห็นว่าทั้งสองเป็นคนดีมีฝีมืออีกทั้งกลุ่มบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นก็กำลังจะก่อตั้ง เขาจึงตัดสินใจที่จะให้ทั้งสองคนเข้ามาช่วยงาน
“ผู้จัดการเฉิน..ผู้จัดการเฉียน.. นับจากวันนี้ไป เงินเดือนของคุณจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และจะได้โบนัสปลายปีต่างหาก!”.novel-lucky.
เฉินเจี้ยนเตากับเฉียนหยูไห่ถึงกับอึ้งไปด้วยความตกตะลึง..เพราะทั้งสองฝ่ายเพิ่งจะได้พบหน้ากัน และทั้งคู่ก็ยังไม่ได้แสดงศักยภาพของตนเองให้หลิงหยุนได้เห็นเลย..
หลิงหยุนได้แต่ยิ้มและคิดในใจว่า..นี่ล่ะคือยาชูกำลังชั้นเยี่ยม!
และหลังจากที่หายตกใจเฉียนหยูไห่ที่มีนิสัยสงบนิ่งขรึมจึงพูดขึ้นว่า “คุณหลิง.. ปกติผมเป็นคนดื่มได้ไม่มาก ต้องขออภัยที่ไม่สามารถดื่มหมดแก้วได้..”
หลิงหยุนตอบกลับไปเพียงแค่ว่า“ดื่มได้แค่ใหนก็แค่นั้น..”
แต่ในใจกลับรู้สึกชื่นชอบและพอใจเฉียนหยูไห่มากเพราะนี่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่มีขอบเขตของตนเอง มีหลักการ และไม่ไหลไปตามสถานการณ์ ซึ่งเหมาะมากที่จะมาดูแลเรื่องการเงิน!
แต่ระหว่างนั้น..เฉียนหยูไห่ก็พูดขึ้นว่า “คุณหลิง.. คุณเพิ่งจะมารับช่วงกิจการ ผมเองก็ยังไม่ได้ทำผลงานอะไรให้ แต่จู่ๆจะมาขึ้นเงินเดือนให้ถึงสองเท่าแบบนี้ ผมคงไม่กล้ารับ..”
เฉินเจี้ยนเตาพยักหน้าเห็นด้วย..
แต่หลิงหยุนกลับตอบไปว่า“คุณเฉิน.. คุณเฉียน.. ผมเชื่อมั่นในความสามารถของพวกคุณทั้งสองคน แน่นอนว่าการที่ผมขึ้นเงินเดือนให้นั้น ย่อมหมายความว่าต่อไปพวกคุณคงต้องยุ่งกว่าเดิมมาก..”
เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนเริ่มพูดเข้าเรื่องงานแล้วสีหน้าของทั้งคู่ก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที..
หลิงหยุนหันไปบอกถังเมิ่ง“ถังเมิ่ง.. นายบอกเล่าเรื่องกว้านซื้อที่ดินพันไร่ให้ผู้จัดการทั้งสองคนฟังด้วย!”
ถังเมิ่งกระแอมเบาๆแล้วจึงพูดขึ้นว่า “สองเดือนก่อนหน้านี้.. ทางการได้มอบที่ดินหนึ่งร้อยไร่เพื่อสร้างศูนย์วิจัยค้นคว้ายา คิดว่าพวกคุณคงจะได้ยินเรื่องนี้มาบ้างแล้ว”
เฉินเจี้ยนเตาและเฉียนหยูไห่ถึงกับร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“ที่แท้เป็นคุณนี่เอง!”
ถังเมิ่งพูดต่อทันที“พื้นที่กว่าหนึ่งร้อยไร่นี้เป็นโครงการพิเศษของทางรัฐบาล และค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมดทางการเป็นผู้ออก การก่อสร้างได้เริ่มขึ้นแล้ว และโครงการนี้ก็อยู่ในเมืองใหม่หลินเจียง..”
“ตอนนี้พี่หยุนตัดสินใจที่จะซื้อที่ดินรอบบริเวณนั้นราวหนึ่งพันไร่..”
“ห๊ะ..หนึ่งพันไร่” เฉินเจี้ยนเตาร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ
หลิงหยุนมองหน้าเฉินเจี้ยนเตาพร้อมกับพูดขึ้นว่า“หน้าที่นี้ผมมอบหมายให้คุณเป็นผู้รับผิดชอบ..”
เฉินเจี้ยนเตาหัวใจเต้นแรงและได้แต่คิดว่าพื้นที่หนึ่งพันไร่ในเมืองใหม่หลินเจียงนั้น จะมีมูลค่ามากมายมหาศาลเพียงใด และนี่นับว่าเป็นงานใหญ่ไม่น้อยเลยทีเดียว..
เฉียนหยูไห่เองก็ถึงกับใจเต้นแรงไม่ต่างกันและได้แต่พึมพำว่า “นี่เป็นโปรเจ็กใหญ่มากทีเดียว..”
ถังเมิ่งมองเฉินเจี้ยนเตาพร้อมกับถามยิ้มๆ“คุณเฉิน.. พี่หยุนมอบหมายหน้าที่นี้ให้คุณ คุณยังไม่ตอบเลยว่าจะทำไหวมั๊ย”
เฉินเจี้ยนเตากลืนน้ำลายและลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมกับพูดเสียงดังฟังชัด “ทำได้ครับ!”
หลิงหยุนถึงกับยิ้มออกมาอย่างพอใจเพราะเขาเองก็เกรงว่าเฉินเจี้ยนเตาจะไม่กล้ารับงานใหญ่เช่นนี้ และได้แต่คิดในใจว่า ‘นับว่าเป็นมืออาชีพ!’
เฉินเจี้ยนเตาทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์มานานหลายปีตั้งแต่กว้านซื้อที่ ก่อสร้าง ติดต่อขอกู้เงินกับธนาคาร เรียกได้ว่าทำมาทุกขั้นตอนจนชำนาญ..
แม้เรื่องนี้จะมีหลี่ยี่เฟิงปูทางไว้ให้แล้วมั่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ในเรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องมีผู้ที่เชี่ยวชาญ และมีความรู้เรื่องธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้ามาช่วย และคงจะไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าเฉินเจี้ยนเตา!
“คุณเฉิน..นั่งลงก่อน! ส่วนรายละเอียดคุณไปคุยกับถังเมิ่งทีหลัง”
หลิงหยุนร้องบอกพร้อมกับหันไปบอกถังเมิ่งว่า“นายคุยเรื่องก่อตั้งบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นต่อได้เลย..”
“เดือนหน้าจะมีพิธีเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นพวกคุณทั้งสองคนจะต้องมาช่วยผมเรื่องก่อตั้งบริษัท..”
มีทั้งเฉินเจี้ยนเตาและเฉียนหยูไห่ซึ่งคุ้นเคยกับการก่อตั้งบริษัทมาช่วยงานเช่นนี้ ถังเมิ่งจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก..
“นอกเหนือจากเรื่องที่ในเมืองใหม่หลินเจียงแล้วพี่หยุนยังมีบริษัทยาอีกหกบริษัท แล้วก็รายได้จากหุ้นในบริษัทยาของตระกูลเฉิงอีกห้าเปอร์เซ็นต์ อ่อ.. แล้วก็ยังมีโรงแรมไคเฉวียนในจิงฉู ทั้งหมดนี้จะนำมารวมเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัทเทียนตี้ให้หมด..”
เฉียนหยูไห่ถึงกับตกใจจนแทบช็อคแต่ก็ตอบไปว่า “หากมีทรัพย์สินและรายได้มากขนาดนี้ ก็น่าจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการหลายวันหน่อย อาจจะสามถึงห้าวัน..”
แต่ยังไม่หมดเพียงแค่นั้นถังเมิ่งหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดรายชื่อธุรกิจที่หลิงหยุนสั่งให้กว้านซื้อ แล้วส่งให้กับผู้จัดการทั้งสองดูพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ยังมีนี่อีก..”
เฉินเจี้ยนเตาและเฉียนหยูไห่มองรายชื่อทั้งหมดแล้วจึงถามขึ้นว่า“คุณถัง.. นี่คุณหมายความว่า..”
ถังเมิ่งตอบกลับทันที“ถูกต้อง! ธุรกิจทั้งหมดนี้ก็กำลังจะเป็นของพี่หยุน พวกเรามีเวลาเพียงแค่ครึ่งเดือนที่จะต้องจัดการกว้านซื้อธุรกิจเหล่านี้ และนำเข้าไปเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นด้วย..”
เฉียนหยูไห่จ้องหน้าถังเมิ่งด้วยความตกตะลึงพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เท่าที่ผมคำนวณคร่าวๆ หากเราซื้อหุ้นของทุกบริษัท 50% ต่ำๆก็น่าจะต้องใช้เงินถึงหนึ่งพันกว่าล้าน..”
ถังเมิ่งยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ไม่ใช่ 50% แต่เป็น 100%”
“ห๊ะ!”ทั้งสองคนอุทานออกมาพร้อมกัน และหันไปมองหน้ากันอย่างงุนงง
เฉียนหยูไห่พึมพำออกมา“แต่เงินสดมากมายขนาดนั้น.. ใครจะมีถึง! และหากจะไปกู้ธนาคารก็คงต้องใช้เวลา..”
หลิงหยุนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ผมมี.. เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง!”
หลังจากนั่งปรึกษาหารือกันต่ออีกครู่ใหญ่จู่ๆ หลิงหยุนที่ลูบไล้ศิลากลั่นวิญญาณไปมาก็ถามโพล่งขึ้นมาว่า
“เอาล่ะ..พวกคุณสองคนยังมีอะไรจะถามอีกมั๊ย”
ทั้งสองคนหันไปมองหน้ากันพร้อมกับตอบไปว่า“ไม่มี..”
“ถ้างั้นก็กินข้าวกันต่อจากนั้นก็จะได้แยกย้ายกันไปเตรียมงาน..” หลิงหยุนตอบยิ้มๆ
จนกระทั่งบ่ายสองโมงตรง..ทุกคนต่างก็กินข้าวกันเสร็จ และไม่มีอะไรเหลือบนโต๊ะอาหารเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดถูกตี้เสี่ยวอู๋กับหลิงหยุนสวาปามเข้าไปจนหมด..