ตอนที่ 638 : อลูโด้

Virtual World – Peerless White Emperor

เย่ฉางสั่งให้เจ้าฟ้าน้อยบินขึ้นไปยังจุดสูงสุด เขาใช้สกิล [Eagle Eye] และเห็นธงที่เป็นรูปขวานสงครามสีแดงเลือด มีออร์คตาเดียวที่มีขนาดมหึมาและแข็งแกร่งมากส่งเสียงคำรามออกมา ขณะที่มันถือขวานสงครามยักษ์ชูขึ้น บนไหล่ซ้ายของมันมีผ้าคลุมไหล่ที่ดูเหมือนจะทำขึ้นมาจากกะโหลกมังกรซึ่งดูน่ากลัวมาก

เย่ฉางกำลังเฝ้าดูภูมิประเทศบนยอดเขา และตระหนักได้ว่ามันดูเหมือนลานประลองธรรมชาติ มันถูกล้อมรอบด้วยเสาหินขนาดมหึมาที่มีกะโหลกจำนวนมากแขวนอยู่ด้านบน จากนั้นเขาก็ตัดการเชื่อมต่อสกิล [Eagle Eye]

“นายเห็นบอสไหม?” NalanPureSoul รู้ว่าเย่ฉางใช้สกิล [Eagle Eye] เมื่อเขาเห็นประกายไฟที่ส่องสว่างในดวงตาของเย่ฉาง

“ใช่ แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก” เย่ฉางยักไหล่และพูดว่า “นายไม่ต้องการให้ฉันสอนวิธีช่วยตัวเองจริงๆเหรอ?”

NalanPureSoul ถอนหายใจ และให้ความสนใจกับสนามรบ

เมื่อพวกเขาก้าวเดินขึ้นไป พวกเขารู้สึกได้ถึงอันตรายจากเบื้องบน ทุกคนพากันตื่นตัว ด้วยการสังหารมอนเตอร์ระดับสูง และมินิบอสตามทาง ผู้เล่นหลักบางคนจึงได้อัพเกรดอาวุธของพวกเขาให้ดีขึ้นกว่าเดิม

ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงด้านบนสุด อลูโด้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ขนาดใหญ่บนกองกระดูก และดวงตาของมันก็เต็มไปด้วยความดูถูก

“กูลาดาล่า! อาจา! กาก้า!” อลูโด้ลุกขึ้นอย่างช้าๆ และพาดขวานสงครามไว้บนบ่าของมัน

“ไอ้พวกมดปลวก พวกแกมันไม่มีค่าพอที่จะแขวนหัวกะโหลกของพวกแกไว้บนเสาโทเท็มของฉันเลย! ฮ่า ฮ่า!” เย่ฉางแปล

CloudDragon มองไปที่เย่ฉางอย่างสับสน ‘เขารู้กี่ภาษากัน? มันเป็นพรสวรรค์หรืออะไรบางอย่างใช่ไหม?’ เขาอยากรู้เรื่องนี้มานานแล้ว

“ดาล่า! อลูโด้! จาซ! กาก้า!” เย่ฉางตะโกน

“ฉันพูดว่า แต่กะโหลกของแกจะถูกพวกเราแขวนไว้บนนั้น อลูโด้! ฮ่า ฮ่า!” เย่ฉางแปลสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไป

ไม่นานหลังจากนั้นอลูโด้ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วกระทืบเท้าลงพื้น พื้นดินสั่นไหว และออร์คสองตัวก็โผล่ออกมาจากแต่ละด้านของถ้ำ พวกมันตัวเล็กกว่าอลูโด้ ตัวหนึ่งมีผิวสีเขียวในขณะที่อีกตัวมีผิวสีม่วง ตัวผิวสีม่วงถือกระบองไม้ยักษ์ที่มีกะโหลกจำนวนมากแขวนอยู่บนนั้น VastSea พึมพำ “หวังว่ามันจะไม่ใช่หมอผี”

ThornyRose พยักหน้า “บอสที่มีตัวซัพพอร์ตมักจะเป็นเรื่องยาก”

“CloudDragon และฉันจะยับยั้งไอ้ตัวเขียว เธอควรนำทีมกับ NalanMight เพื่อต่อสู้กับไอ้ตัวม่วง ปล่อยบอสตรงกลางให้เจ้าหมียักษ์, เย่ฉาง และหลินหลี่เป็นคนจัดการ” VastSea เตรียมที่จะพุ่งออกไป

“แต่ถ้าเขาตาย เราจะไม่มีออร่าอีกต่อไปนะ ฉันกลัวว่า…” ThornyRose พยักหน้าอย่างช้าๆ

“เราไม่มีทางเลือก เขาเป็นคนเดียวที่สามารถยับยั้งมันได้ด้วยอุปกรณ์ของเขาในตอนนี้ หากเขาไม่สามารถทำได้ ผลลัพธ์ก็จะเหมือนกันนั้นแหละ พยายามลากฮีลเลอร์ไปด้านข้างของเขา” Thorny Rose ถอนหายใจหลังจากได้ยินสิ่งที่ CloudDragon พูด “ฉันเข้าใจแล้ว เจ้าหมียักษ์ นายโอเคไหม?”

“ฉันจะพยายาม!” จางเจิ้งเฉียงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันไปยิ้มให้กับอลูโด้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณต่อสู้

“เฮ้ อย่าลืมฉันสิ! ฉันยังเป็นแท้งค์ที่ดุร้ายมาก! ฉันเป็นถึงน้องชายของพี่ใหญ่ขาวเชียวนะ… เหอะ!” หลินหลี่หยิบโล่ออกมา และถือดาบยักษ์ไว้ในมืออีกข้างหนึ่ง ฉากนี้ดูแปลกๆ เพราะเขาดูเหมือนคนแคระที่ใช้อาวุธที่ใหญ่กว่าตัวเองสองสามเท่า และมีเกราะที่มีขนาดเท่ากับตัวเขา ที่สำคัญที่สุดการแสดงออกของเขายังดูรุนแรงและน่ารัก แต่ทุกคนที่เคยต่อสู้กับเขามาก่อนจะรู้ว่าการแสดงออกนี้เต็มไปด้วยความดุร้าย แม้แต่ผู้เล่นอย่างราชันสวรรค์ NightCross ที่เกษียณไปแล้วยังแสดงความคิดเห็นว่า หลินหลี่เป็นผู้เล่นที่เต็มใจเสี่ยงชีวิตมากที่สุดระหว่างการสู้รบในลีกปัจจุบัน และสัญชาตญาณการต่อสู้ของเขาเหนือกว่า Angelite

ThornyRose อ้าปากค้าง ‘เขาสามารถใช้อาวุธหนักทั้งสองมือได้แล้ว?’ จากนั้นเธอก็โล่งใจ ‘แน่นอนความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ธรรมดา ฉันพนันได้เลยว่าเจ้าหมียักษ์จะสามารถถือมันได้ด้วย เพราะค่า Constitution ของเขานั้นบ้ามาก’ เธอตะโกน “เอาล่ะ เจ้าหมียักษ์เป็นแท้งค์หลัก หลินหลี่จะเป็นแท้งค์รอง”

“ฉันจะเป็นแท้งค์คนที่สาม” เย่ฉางนำโล่ออกมา และเปลี่ยนเป็นเกราะหนักซึ่งลดค่า Will ของเขาลงเล็กน้อย เย่ฉางพูดเบาๆในขณะที่ถือมีดทำอาหาร “ฉันมอบบาลิสต้าของฉันให้กับแรนเจอร์ LooseCloud ของทีม CloudDragon ไปแล้ว”

ThornyRose มองไปที่เย่ฉาง และรู้สึกว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น “นายเอาจริงใช่ไหม?”

“แน่นอน” เย่ฉางพยักหน้า

“ถ้างั้น เราไปกันเถอะ! โจมตีได้! ฆ่าไอ้ตัวม่วงก่อน! จากนั้นก็ไอ้ตัวเขียว! อลูโด้จะเป็นตัวสุดท้าย!” ThornyRose ไม่พูดมากอีกต่อไป เธอพุ่งออกไปแล้วตะโกน

แถวแรกของแท้งค์แบ่งออกเป็นสามกลุ่มย่อย และพุ่งไปที่บอส

ThornyRose ผู้ที่พุ่งไปหาหมอผีสีม่วงเห็นพวกเขาทั้งสามคนถือโล่ ในขณะที่พุ่งออกไปเป็นแนวเดียวกัน เธอรู้สึกมั่นใจ ‘ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อใดก็ตามที่ทั้งสามคนอยู่ที่นี่ มันก็ราวกับว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้’

“[Tactics]! [Pursuit]! [Powerful Attack]!” เย่ฉางเหวี่ยงมีดทำอาหารของเขา เพื่อเปิดใช้งานความสามารถด้านกลยุทธ์

“เอดาส!!” อลูโด้ยิ้ม และพุ่งเข้าใส่พวกเขาราวกับวัวกระทิง

“เขาบอกว่าพวกเราเป็นมดปลวกที่โง่เขลา!” เย่ฉางไม่ลืมงานของเขาในฐานะผู้แปล ในขณะเดียวกัน ThornyRose ก็กลอกตามองไปที่เขา “นายไม่จำเป็นต้องแปลคำที่ไร้ประโยชน์เหล่านั้น! นายโง่เหมือนหมูหรือไง?”

“อลูโด้! อาคัสล่า! วูลูส! โยก้า!” เย่ฉางตะโกนแล้วชี้ไปที่ ThornyRose ตาของอลูโด้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และเปลี่ยนทิศทางการพุ่งไปที่ ThornyRose ทันที โดยส่งเสียงตะโกนออกมาดังๆ “อซีย่า!”

เมื่อเห็นอลูโด้พุ่งมาหาเธอ ThornyRose ก็มองไปที่เย่ฉางและพูด “นายพูดอะไรกับเขา?”

“ไม่มีอะไร ฉันบอกเขาว่า เธอด่าว่าเขาเป็นคนงี่เง่าสีแดงที่เกิดจากมนุษย์ปลาตาเดียว และพวกก๊อบลินชั้นต่ำในป่า” เย่ฉางยักไหล่

“……” VastSea, CloudDragon และคนอื่นๆพูดไม่ออก ‘ไอ้หมอนี่…’

“นาย!! NalanMight, น้องเล็กไดโน และน้องสาวลิลลี่ พวกเธอต้านมันไว้สักครู่! เดี๋ยวฉันกลับมา!” หน้าอกของ ThornyRose รู้สึกหนัก และเธอรีบวิ่งไปหาเย่ฉางทันที ‘แม่มันเถอะ! ในสถานการณ์ที่สำคัญเช่นนี้ นายยังคงต้องการแกล้งฉันอีก!’

FrozenBlood จึงนำกล้องออกมาเพื่อบันทึกสิ่งที่เย่ฉางพูดในขณะที่กำลังพุ่งไปข้างหน้า “ช่างเป็นวิธีด่าคนที่ยอดเยี่ยม! สามีของฉันนั้นหล่อมาก แม้ว่าเขาจะด่าคนอื่นก็ตาม!”

“หลินหลี่ของฉันก็หล่อเหมือนกัน! ดูเขาสิ เขาเกือบจะล้มหัวทิ่ม เมื่อเขาพุ่งเข้าไป เขาหล่อมาก!! ฉันแทบทนไม่ไหวแล้ว! ฉันจะคลั่งตายแล้ว! อร๊ายย!” ElegantFragrance หน้าแดง

ThornyRose ที่วิ่งไปหาเย่ฉางเกือบจะสะดุดล้ม ‘คนรอบข้างฉันมีแต่คนบ้า?’

“ทีมนักเวท! เตรียมตัว!” NalanPureSoul อัญเชิญอสูรตัวใหญ่ออกมาซึ่งเสริมพลังโดยคทา เปลวไฟกำลังหมุนวนอยู่ในมือของเขา

“ทีมหมายเลข 13 และ 15 มุ่งเน้นไปที่การรักษาแท้งค์ที่ควบคุมอลูโด้! ไม่ต้องไปสนใจคนอื่น! แต่ต้องระวังตัวเอาไว้ด้วย พยายามอย่าตาย!” เย่เทียนออกคำสั่ง

CloudDragon รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เพราะจู่ๆมีตัวสีชมพูน่ารักปรากฏขึ้นตรงกลางสนามรบ ‘นี่เป็นภาพลวงตา? มันเป็นมิตรหรือศัตรู?’ เขาตะโกน “ระวัง! มีภาพลวงตาขนาดใหญ่กำลังจะเปิดใช้งาน!”

‘ภาพลวงตา?’ ThornyRose ครุ่นคิด ‘ใคร?’

NalanPureSoul ก็รับรู้ได้เช่นกัน เขามองไปทางซ้ายและขวาที่ทีมนักเวทแล้วหันหลังกลับ เขาเห็นแสงภาพลวงตาที่ส่องแสงในมือของดรีมน้อย ‘โอ้ มันเป็นเธอ! ฉันเห็นค่าสถานะของเธอ เมื่อเธอมีเลเวล 10 มาก่อน แต่ฉันจำไม่ได้ว่าเธอมีสกิลภาพลวงตาอยุ่ด้วย มีเพียงสกิลที่สามารถอนุญาตให้เธอเข้าสู่ความฝันของผู้คน แต่สกิลที่เธอใช้ได้ไม่ได้มีลักษณะเช่นนั้น’ จากนั้นเขาก็นึกถึงค่า EXP ที่พวกเขาได้รับระหว่างทาง ‘บางทีนี่อาจเป็นสกิลของเลเวล 15! นี่ต้องเป็นสกิลใหม่ของเธอแน่ๆ!’