บทที่ 514 ผมกำลังรอเธออย

รักหวานอมเปรี้ยว

ในเมื่อเธอเป็นคู่เต้นของทามทอย และตอบรับการเชื้อเชิญของเขาไป

แต่สุดท้าย เธอกลับตามเปปเปอร์ไป แล้วทิ้งเขาไว้

ถึงแม้ว่าเขาจะมีพี่ลีน่าเป็นคู่เต้นอยู่ ซึ่งไม่มีทางยืนอึดอัดตัวคนเดียวอยู่ตรงนั้นแน่นอน

แต่ไม่ว่าจะยังไง เธอตามเปปเปอร์ไป ก็เท่ากับเป็นการละเมิดคำสัญญาที่ให้กับทามทอยไว้

เพราะฉะนั้น เธอจึงทำผิดต่อทามทอย

คิดแล้ว มายมิ้นท์ก็นวดขมับเล็กน้อย จากนั้นก็เปิดกระเป๋าถือออก แล้วเอาโทรศัพท์ออกมาจากข้างใน แล้วค้นเบอร์โทรของทามทอยออกมาแล้วกดโทรออกไป

ผ่านไปไม่กี่วินาที ทามทอยก็รับสายแล้ว เขาดูเคร่งขรึมเล็กน้อย น้ำเสียงที่ลอยมาฟังดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ “มายมิ้นท์”

“ทามทอย คุณอยู่ไหนคะ?” มายมิ้นท์เปิดปากถามขึ้น

ทามทอยเงียบขรึมไปสองวินาทีแล้วถึงตอบกลับมาว่า “ผมอยู่บนรถ”

“บนรถเหรอคะ?” มายมิ้นท์อึ้งไปเล็กน้อย

ทามทอยตอบอืมมาคำหนึ่ง จากนั้นก็บีบแตรขึ้นมาทีหนึ่ง

และแล้ว พอมายมิ้นท์ได้ยินเสียงรถ มือที่กำโทรศัพท์ไว้ ก็กำแน่นขึ้นมาเล็กน้อย “คุณกลับไปแล้วเหรอคะ?”

“ใช่” ทามทอยพยักหน้าขึ้นมา

มายมิ้นท์กัดริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “ทำไมละคะ? งานเลี้ยงยังไม่จบเลย ทำไมคุณถึงกลับไปก่อนล่ะ?”

“อยู่ในงานมาพอประมาณแล้ว ช่วงครึ่งหลังนี้จะอยู่ในงานหรือไม่อยู่ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างซะเท่าไหร่” ทามทอยหนุมพวงมาลัยไปด้วยมือข้างเดียว “แต่คุณนะซิ ทำไมอยู่ ๆ ถึงโทรศัพท์หาผมได้ล่ะ?”

“ฉันจะโทรมาขอโทษคุณสักหน่อยค่ะ” มายมิ้นท์ถอนหายใจไปทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นมา

ทามทอยอึ้งไปเล็กน้อย “ขอโทษเหรอ?”

“ค่ะ” มายมิ้นท์พยักหน้า “ขอโทษด้วยนะคะทามทอย ทั้ง ๆ ที่ฉันรับปากว่าจะเป็นคู่เต้นของคุณแท้ ๆ แต่กลับไม่ได้อยู่เต้นกับคุณจนจบเพลง แถมยัง……”

แถมตอนหลังยังลืมตัวเขาคนนี้ไปเลยด้วยซ้ำ

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเมื่อกี้เธอนึกขึ้นมาได้กะทันหัน คิดว่าตอนนี้เธอก็คงจะนึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำ

ทามทอยยิ้มขึ้นมาทีหนึ่ง “ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่เป็นไรหรอก คุณก็เต้นเป็นเพื่อนผมอยู่ด้วยตั้งนาน”

“แต่ว่าในใจฉันก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี” มายมิ้นท์พูดขึ้นมาอย่างละอายใจ

ดวงตาของทามทอยสั่นไหวเล็กน้อย “ถ้าคุณรู้สึกผิดจริง ๆ งั้นพรุ่งนี้ก็เลี้ยงข้าวผมซิ และผมก็มีเรื่องหนึ่งอยากจะบอกคุณอยู่พอดี”

“เรื่องอะไรคะ?” มายมิ้นท์รู้สึกแปลกใจขึ้นมา

ทามทอยตอบกลับมาอย่างมีลับลมคมใน “เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณก็รู้เองแหละ”

พอเห็นว่าเขาตั้งใจพูดอ้อมค้อมไม่ยอมพูดออกมา มายมิ้นท์เองก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ยักไหล่แล้วตอบตกลงไป “งั้นก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้ช่วงเวลาไหนดีคะ?”

“ช่วงเที่ยงก็ได้ พอถึงตอนนั้น เดี๋ยวผมไปรับคุณที่ใต้ตึกบริษัทคุณเองนะ” ทามทอยดูเวลาในรถไปทีหนึ่งแล้วก็พูดขึ้นมา

มายมิ้นท์พยักหน้าแล้วตอบขึ้นมาว่า “ได้ค่ะ”

“เอาล่ะ ไม่พูดแล้ว ผมกำลังขับรถอยู่ คุณเองก็รีบกลับไปพักผ่อนนะครับ” ทามทอยพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง

มายมิ้นท์หัวเราะขึ้นมาคำหนึ่ง “แล้วฉันจะทำตามค่ะ ลาก่อน”

พอวางโทรศัพท์ลง เธอก็ค่อย ๆ โล่งใจได้เปลาะหนึ่ง

คราวนี้ดีแล้ว เรื่องกลุ้มใจได้คลี่คลายไปเรื่องหนึ่งแล้ว

คนอย่างเธอ สิ่งที่ไม่ชอบที่สุดก็คือ การติดค้างคนอื่น

เพราะฉะนั้นเธอก็เลยโทรศัพท์หาทามทอยสายนี้ และรับปากจะไปเลี้ยงข้าวทามทอย เพื่อไม่ต้องการให้ติดค้างอะไรทามทอย

แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่ติดค้างทามทอยอยู่เธอได้ชดใช้คืนแล้ว ส่วนของเปปเปอร์นั้น……

แค่นึกถึงว่าตัวเองติดค้างเปปเปอร์ไว้เยอะแยะมากมาย มายมิ้นท์ก็รู้สึกว่าปวดหัวขึ้นมาแล้ว

เธอนั่งลงอีกครั้ง แล้วก็ยกแก้วน้ำผลไม้ที่เพิ่งวางลงไปเมื่อกี้ขึ้นมาแล้วมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่บนเวที

ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะมีผ้าคล้องแขนประคองอยู่ข้างหนึ่ง แต่ก็ไม่กระทบต่อบุคลิกของเขาเลย ยังไงเขาก็ยังเป็นแสงที่เจิดจรัสที่สุด

เหมือนกับว่าจะรู้สึกได้ว่ามีคนมองตัวเองอยู่ น้ำเสียงที่พูดอยู่ของเปปเปอร์ก็หยุดลงครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหน้าไปมองมายมิ้นท์

มายมิ้นท์คิดไม่ถึงว่าอยู่ ๆ เขาก็จะมองมา แล้วก็เป็นแบบนี้ เธอกับเขาก็ได้สบตาเข้าด้วยกัน

แถมเปปเปอร์ยังยกแก้วชูขึ้นมาให้เธอทีหนึ่งด้วย

มายมิ้นท์นิ่งอึ้งไปทันทีเลย และก็แปลกใจที่เขากล้ายกแก้วขึ้นมาชูส่งสัญญาณให้กับเธอที่เป็นภรรยาเก่าคนนี้ท่ามกลางสายตาผู้คนเลยเหรอ

เขาไม่กลัวว่าถ้ามีคนมาเห็นเข้าแล้วลือกันออกไป แล้วพรุ่งนี้จะกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งเหรอ?

มายมิ้นท์ไม่ได้ตอบสนองการกระทำนี้ของเปปเปอร์ เธอหรี่ตาลง แล้วก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปทางห้องน้ำเลย

พอเดินได้ไม่กี่ก้าว เธอก็ได้ยินว่ามีแขกคนหนึ่งถามเปปเปอร์ขึ้นว่า “ประธานเปปเปอร์ครับ เมื่อสองวันก่อนในอินเทอร์เน็ตมีข่าวลือว่าคุณจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับ张家 ถึงพวกเราจะรู้ว่าเป็นข่าวปลอม แต่พวกเราก็ยังอยากรู้เรื่องปัญหาด้านความรู้สึกของประธานเปปเปอร์ ประธานเปปเปอร์มีความคิดที่จะคบหากับคุณหนูตระกูลไหนหรือเปล่า?”

ฝีเท้าของมายมิ้นท์หยุดนิ่งลงทันที

เห็นได้ชัดเลยว่าคำถามของแขกท่านนี้ ได้ดึงดูดความสนใจของเธอไปแล้ว

แต่เธอกลับไม่ได้หันหน้ากลับไป ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางหันหลังให้กับผู้คนอยู่อย่างนั้น

แขกคนนี้นี่หมายความว่ายังไงกัน?

ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้ถามคำถามนี้กับเปปเปอร์?

แล้วก็เปปเปอร์ จะตอบกลับไปยังไงนะ?

แผ่นหลังของมายมิ้นท์ยืดตรงขึ้นเล็กน้อย แล้วกัดริมฝีปากล่างไป

หางตาของเปปเปอร์มองไปที่เธอ แล้วถือไมค์อยู่และตอบกลับไปเรียบ ๆ ขึ้นว่า “ไม่มีครับ แต่ผมมีคนคนหนึ่งอยู่ในใจมาตลอด ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้อยู่ข้างกายผม แต่ผมจะรอเธอกลับมาไปเรื่อย ๆ ขอแค่เธอกลับมา ผมก็จะแต่งงานกับเธอทันที”

พอพูดมาถึงตรงนี้ สายตาของเขาก็จริงจังมากยิ่งขึ้น

แน่นอนว่ามายมิ้นท์นั้นรู้สึกได้ว่าเขากำลังมองเธออยู่ และรู้ว่าที่เขาพูดนั้นหมายถึงตัวเอง เพียงครู่เดียวหัวใจก็เต้นเร็วขึ้นมามากมาย

แขกที่ถามคำถามพอได้ยินคำตอบของเปปเปอร์ ก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมา “ประธานเปปเปอร์ ขอบังอาจถามสักหน่อยได้ไหมครับ ว่าคุณคนที่คุณพูดถึงนี้ เป็นใครเหรอครับ?”

ที่เขาถามเปปเปอร์ขึ้นมาว่าคิดจะคบหากับคุณหนูตระกูลไหนหรือเปล่า ก็เป็นเพราะว่าคนอย่างพวกเขานั้น ต่างก็เซ็งตระกูลนวบดินทร์ที่เป็นเหมือนเนื้อชิ้นใหญ่เอาไว้แล้ว

ในฐานะที่ตระกูลนวบดินทร์เป็นผู้นำของเมืองเดอะซี แล้วก็เป็นกลุ่มบริษัทที่ชั้นนำของโลก พวกเขาล้วนอยากมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลนวบดินทร์ทั้งนั้น อยากจะพึ่งพาตระกูลนวบดินทร์มาทำให้บินทะยานสูงขึ้นไปอีก

และไม่ว่าจะเป็นความเกี่ยวข้องอะไร ก็มั่นคงเท่ากับการแต่งงานกับตระกูลนวบดินทร์หรอก ดังนั้นเขาถึงอยากจะรู้ ว่าเปปเปอร์จะมีความตั้งใจที่อยากจะสละโสดหรือเปล่า

ถ้าหากว่ามี ไม่ว่าเขาจะชอบคุณหนูตระกูลไหน พวกเขาก็จะผลักดันลูกสาวของตัวเองออกไป แล้วให้ลูกสาวตัวเองใช้ทุกวิถีทางไปแย่งตัวเขามาให้ได้

“ไม่ได้” เปปเปอร์ดูความทะเยอทะยานในดวงตาของแขกคนนี้ออก แล้วก็หรี่ตาลง แล้วตอบกลับไปเสียงเย็น

แขกคนนี้ตัวสั่นไปทีหนึ่ง แล้วก็หัวเราะฮา ๆ ขึ้นมาและพูดขึ้นว่า “ดูท่าผู้หญิงที่ประธานเปปเปอร์ชอบ จะดูลึกลับมากเลยนะครับ”

เปปเปอร์ไม่ได้สนใจเขาอีก แล้วก็เอาไมค์ยื่นให้กับผู้ช่วยเหมันตร์ที่อยู่ข้าง ๆ แล้วก็ก้าวเท้าลงจากเวทีไป

พอมายมิ้นท์ได้ยินการสนทนาที่ด้านหลังจบลงแล้ว ก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง แล้วก็ก้าวเท้าเดินไปห้องน้ำอีกครั้ง

ในตอนที่เธอเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วออกมานั้น ก็เห็นเปปเปอร์ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม

“คุณ……”

“ผมรอคุณอยู่” เปปเปอร์พูดขึ้น

มายมิ้นท์อึ้งไปเล็กน้อย “รอฉันเหรอ?”

“อืม” เปปเปอร์พยักหน้า

“คุณมีธุระอะไรเหรอคะ?” มายมิ้นท์ถามขึ้นมา

บางทีอาจจะเป็นเพราะคำพูดที่ได้ยินมาเมื่อกี้ เธอจึงไม่ค่อยกล้ามองหน้าเขา

เปปเปอร์ไม่ได้ตอบ พอเดินมาถึงตรงหน้าเธอแล้ว ก็จูงมือของเธอขึ้นมา แล้วเดินไปข้างหน้าเลย

“เปปเปอร์ คุณจะพาฉันไปไหนคะ?” ถึงแม้มายมิ้นท์จะตกตะลึง แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนเขา

ที่เธอไม่ขัดขืนเขาไม่ใช่เพราะว่ามีเหตุผลอื่น

เธอเพียงแค่กลัวว่าถ้าตัวเองขัดขืนขึ้นมา แล้วจะสะเทือนไปถึงแขนของเขา

ในเมื่อถ้าเธอสะบัดเขาออก ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะเซไปชนกับกำแพงหรืออะไรเข้า……

มายมิ้นท์พูดกับตัวเองในใจอย่างนี้ไป

เปปเปอร์ไม่ได้ตอบคำถามของเธอ เพียงแต่แค่ลากเธอไป แล้วก็เอาแต่เดินหน้าไปเรื่อย ๆ

ทั้งสองคนเดินทะลุผ่านระเบียงยาว ๆ เส้นหนึ่ง สุดท้ายก็มาถึงที่สวนดอกไม้

ในสวนดอกไม้นั้นค่อนข้างมืด แต่ก็สงบมากพอ เป็นที่ที่เหมาะแก่การพูดคุยเป็นอย่างมาก

เปปเปอร์ปล่อยมือมายมิ้นท์ออก จากนั้นก็หมุนตัวมา ยืนเผชิญหน้าซึ่ง ๆ หน้ากับเธอ “คำพูดเมื่อกี้ คุณได้ยินหมดแล้วใช่ไหม?”

“คำพูดอะไรคะ?” มายมิ้นท์ตั้งสติกลับมาไม่ได้ไปชั่วขณะหนึ่ง

เปปเปอร์จ้องมองดูเธอ “คำพูดที่ผมตอบคนคนนั้นบนเวทีไง”

ม่านตาของมายมิ้นท์หดตัวลงเล็กน้อย แล้วก็เงียบขรึมลง

เปปเปอร์เอามือวางลงบนบ่าของเธอ “คนที่ผมพูดถึงก็คือคุณ คุณน่าจะรู้ใช่ไหม?”

ในเมื่อ ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอนั้น ก็ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนตลอด แล้วก็เปิดเผยด้วย

ตัวเธอเองก็รู้

“ฉันรู้แล้วจะยังไง?” จู่ ๆ มายมิ้นท์ก็เงยหน้าขึ้นมามองเปปเปอร์ ท่าทีดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ในสายตาแฝงไว้ด้วยไฟโกรธ “เปปเปอร์ ที่คุณพูดคำพูดพวกนี้มา ตกลงมันหมายความว่ายังไง คุณอยากจะทำอะไรกันแน่? ล้อฉันเล่นมันสนุกมากนักเหรอ?”

เธอถลึงตาโตทั้งคู่ แล้วก็ถามออกมาหลายประโยคต่อ ๆ กัน

ม่านตาของเปปเปอร์ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นมา “ผมไม่ได้จะล้อคุณเล่น ทำไมคุณถึงรู้สึกว่าผมล้อคุณเล่นล่ะ?”