ส่วนที่ 4 ตอนที่ 159 สีน้ำเงินนกยูง

ความลับแห่งจินเหลียน

ซีเหมินจินเหลียนคิดทบทวนไปมาแล้ว อวิ๋นอวิ้นไม่ใช่หลินเสวียเหวินที่มีความรู้งูๆ ปลาๆ เธอมีฉายาเป็นถึงตำนานเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ใคร เมื่อเทียบกับเจียหยวนฮวาแล้วมีศักยภาพที่เต็มเปี่ยม จนกระทั่ง…ในใจของเธอเริ่มสงสัยอยู่บ้าง ความสามารถในการเดิมพันหินของคนคนนี้กับผู้อาวุโสหูที่ลึกลับคนนั้น ใครจะแกร่งกล้ากว่ากันกันแน่?

 

ได้ยินมาว่าบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ตอนนั้นอยู่ในน้ำมือเธอ ถ้าไม่มีเธอ ก็คงไม่มีบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ที่มั่งคั่งขึ้นมา

 

แน่นอนว่าอวิ๋นอวิ้นคงใช้ความพยายามอยู่มากในการหาข้อมูลของเธอ ส่วนซีเหมินจินเหลียนเองก็ไม่ได้โง่ เธอก็เคยค้นหาข้อมูลของอวิ๋นอวิ้นในอดีตที่ผ่านมา…อวิ๋นอวิ้นไม่เคยแต่งงานมาก่อนทั้งชีวิต ได้ยินมาว่าเมื่อหลายปีก่อนเธอตกหลุมรักผู้ชายลึกลับคนหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่สมหวังตามที่ต้องการ

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่มีช่องทางที่จะตามหาว่าผู้ชายลึกลับคนนี้เป็นใคร แม้จะเป็นท่านชายตระกูลใหญ่หรือหญิงสูงวัยที่ยังไม่ได้แต่งงานก็ถูกดูถูกเหมือนกัน แต่ไม่มีใครที่จะดูถูกอวิ๋นอวิ้นได้ รวมถึงตัวตระกูลอวิ๋นเองที่เห็นเธอราวกับเทพเจ้าคอยกราบไหว้บูชา

 

ความสามารถในการเดิมพันหินของอวิ๋นอวิ้นคงจะสิ้นสุดเท่านี้ ไม่มีใครเป็นผู้สืบทอดอย่างถูกต้องชอบธรรม

 

หินหยกหมายเลขหนึ่ง พื้นผิวสีเทาแกมน้ำตาล ดูแล้วน่าจะเป็น…เมื่อสัมผัสไปที่เนื้อผิวพอได้ ซีเหมินจินเหลียนเชื่อมั่นในปฏิกิริยาไวต่อความเคลื่อนไหวของนิ้วมือของเธอมากขึ้น เพียงแต่วันนี้ไม่มีเวลามากพอที่จะให้เธอลองสัมผัสไปยังพื้นผิว ลักษณะพื้นผิวมีเส้นลายหยกพันรอบหินหยกทั้งก้อน จุดหยกกระจายตัวหนาแน่น จนอาจจะครอบคลุมไปถึงครึ่งหนึ่งของพื้นผิวหยก หินหยกลักษณะแบบนี้ราคาคงประเมินค่ายากแน่?

 

ซีเหมินจินเหลียนคิดอยู่ในใจ ตอนนั้นก็ยื่นมือออกไปสัมผัสด้านบน…

 

พื้นผิวสีเทาแกมน้ำตาลค่อยๆ เลือนหายไปในม่านตาของเธอ ทะลุไปยังข้างในไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรครึ่งก็เผยสีเขียวปรากฏให้เห็น สีเขียวเช่นนี้ทำให้ซีเหมินจินเหลียนประหลาดใจไม่หยุด! นี่มันสีเขียวอะไรกัน? สีเขียวน้ำเงินหรือ?

 

ไม่ใช่สีเขียวเข้มสดบริสุทธิ์อย่างเดียว และไม่ใช่สีที่ได้รับความนิยมอย่างสีเขียวหญ้าอ่อนหรือสีเขียวแอปเปิ้ล ข้างในของสีเขียวนี้เหมือนมีเส้นสีน้ำเงินอ่อนๆ แฝงไว้อยู่ แต่สีเขียวน้ำเงินเข้มพอสมควร       ดูแล้วทำให้คนไม่คิดจะต่อต้าน มันเหมือนกับขนของนกยูง ซีเหมินจินเหลียนคิดนึกขึ้นได้ว่าความจริงในหยกก็มีสีน้ำเงินชนิดหนึ่งที่เรียกว่าสีน้ำเงินนกยูง!

 

เนื้อน้ำแข็งที่ใกล้เคียงกับเนื้อแก้ว พื้นผิวเนียนนุ่มและมีความแน่น แม้จะไม่ใช่ชนิดแก้ว แต่ก็ถือว่าดีมากแล้ว โดยปกติหยกชนิดเนื้อน้ำแข็งก็จัดอันดับอยู่ในตระกูลหยกชั้นดี

 

นอกจากนี้หินหยกก้อนนี้น่าจะหนักประมาณห้าถึงหกกิโลกรัม เมื่อเจียระไนออกมาหมด อยากจะนำมาทำเป็นของตกแต่งหรือเครื่องประดับก็มีเพียงพอเหลือใช้

 

ซีเหมินจินเหลียนคลายยิ้มออกมา เดินไปดูทางหินหยกหมายเลขสอง พื้นผิวเป็นสีเทาแกมน้ำตาลเช่นเดียวกัน น่าจะมาจากเหมืองแร่เดียวกัน และมีความเป็นไปได้ว่าจะมีแหล่งที่มาเดียวกันด้วย…ไม่มีเส้นลายหยก แต่มีจุดหยกหลงเหลือให้เห็นอยู่ประปราย ลักษณะที่ปรากฏให้เห็นห่างไกลจากหมายเลขหนึ่งอยู่มากเหมือนกัน

 

แต่การมองหินหยกไม่ใช่ว่าจะดูแค่จุดหยกกับเส้นลายหยกอย่างเดียว ทิศทางของพื้นผิวหินและความละเอียดของหินต่างเป็นสิ่งที่สำคัญทั้งนั้น

 

ซีเหมินจินเหลียนยื่นมือออกไปสัมผัสพื้นผิว เป็นอย่างที่คิดว่าหินหยกก้อนนี้หยาบกว่าก้อนแรกอยู่เล็กน้อย ถ้าหากเผยให้เห็นสีเขียวน่าจะเป็นชนิดแก้ว!

 

ในใจคิดอยู่อย่างนั้น ซีเหมินจินเหลียนใช้ฝ่ามือขวาสัมผัสลงไป พื้นผิวสีเทาแกมน้ำตาลค่อยๆ เลือนหาย เป็นอย่างที่คิดว่าพื้นผิวไม่ได้หนาเตอะเหมือนกัน สีข้างในก็เป็นดั่งที่เธอคาดไว้ หินหยกทั้งสองก้อนเกิดจากแหล่งที่มาเดียวกัน เป็นสีน้ำเงินนกยูงทั้งคู่ แต่พื้นผิวดีกว่าหน่อย นั่นก็คือชนิดเนื้อแก้ว!

 

แม้ว่าจะไม่ใช่หินหยกของตัวเอง แต่ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกดีใจ เพราะสามารถเดิมพันหินและเห็นถึงลักษณะหินหยกแบบนี้ได้นับว่าเป็นโชคดีหล่นทับ

 

แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ หินหยกก้อนนี้สามารถใช้ได้แค่ครึ่งก้อนเท่านั้น อีกครึ่งก้อนมีแต่รอยแตกยึดติดอยู่!

 

รอยแตกครึ่งทางที่พบได้ทั่วไป! ซีเหมินจินเหลียนสูดลมหายใจเข้าลึก แต่มองไปที่ลักษณะของหินหยกที่แสดงออกมา มันก็มองไม่ออกถึงรอยแบ่งแยกเลยสักนิด เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าหินหยกข้างในที่แตกแยกแบ่งเป็นสองเช่นนี้จะน่ากลัว ทำให้เธอสงสัยไม่หยุดว่าถ้าหากหินหยกก้อนนี้ถูกเจียระไนออกมาอย่างไม่เหมาะสม เกิดไปเจียระไนโดนทางด้าน…จะถูกคนคิดว่ามันเป็นหินไร้ค่าหรือเปล่า?

 

เทพเจ้ายังตัดสินหยกได้ยาก! จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็คิดถึงประโยคนี้ขึ้นมา ถ้าหากดูแค่ลักษณะพื้นผิวภายนอกของหินมันก็ยากที่จะวิเคราะห์ออกมาจริงๆ

 

แต่อวิ๋นอวิ้นเดิมพันกลับมา ซีเหมินจินเหลียนลองคิดดู…อย่างไรเธอก็ยอมรับหินหยกก้อนนี้ หินหยกก้อนสุดท้ายน้ำหนักราวๆ หนึ่งร้อยกิโลกรัม ใหญ่พอที่ดึงดูดสายตาของคนทั้งโลกได้ ซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไป อวิ๋นอวิ้นดูเสร็จเรียบร้อยตั้งนานแล้วเลยเปลี่ยนไปดูหินหยกหมายเลขหนึ่งและสองแทน

 

หินหยกก้อนนี้มีลักษณะที่ไม่เลว เส้นลายหยกหนาเตอะล้อมรอบอยู่บนหินหยก พื้นผิวสีเหลืองขาว  ซีเหมินจินเหลียนคิดไว้ว่าน่าจะเป็นชนิดผิวบาง? แต่เมื่อวิเคราะห์ดูอย่างละเอียดแล้วมันไม่เป็นเหมือนที่คิดไว้ คิดดูแล้วทำให้เธอส่ายศีรษะไม่หยุด มาจากเหมืองแร่ที่ไหนบางครั้งก็ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือหินหยกไม่เผยสีเขียวให้เห็น และไม่มีเนื้อหยกด้วย

 

ไม่อย่างนั้นแม้จะเป็นชนิดผิวบาง แต่เป็นหินก่อสร้างมันก็ไร้ประโยชน์!

 

แต่เพราะว่าไม่มีหนทางที่จะรู้ถึงเหมืองแร่หยก ซีเหมินจินเหลียนเลยรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ เห็นหินหยกมาก็มาก แต่เธอพิจารณาไม่ได้ว่ามาจากเหมืองแร่ที่ไหน นี่เป็นความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

 

เดิมทีเธอคิดว่า เธอเตรียมตัวที่จะบอกพื้นผิวของหยกและกำหนดว่าหินหยกแต่ละก้อนมาจากเหมืองแร่ไหน หินหยกก้อนนี้มีลักษณะกลมรีวางตั้งอยู่บนพื้น ซีเหมินจินเหลียนนั่งยองๆ อยู่บนพื้น ไม่สนใจว่าชุดราตรียาวจะเปรอะเปื้อนลากพื้น จากนั้นก็ยื่นมือออกไปแตะบนหินหยก

 

พื้นผิวสีเหลืองขาวเนียนละเอียด ถ้าหากเผยให้เห็นสีเขียวได้น่าจะเป็นชนิดเนื้อแก้ว แต่เมื่อผิวสีเหลืองขาวค่อยๆ จางหายไปในดวงตาของเธอ ข้างในก็มีชั้นของสีเขียวสดเผยให้เห็น ไม่นานสิ่งสวยงามนี้ก็จางหายไป ถัดมาข้างในเป็นหินสีขาวว่างเปล่า

 

ใช้พลังมองทะลุผ่านไปครึ่งทางมักจะเป็นอย่างนี้เสมอ ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา ในใจอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ สีเขียวผิวหนาติดเปลือกนั่น ไม่รู้ว่าตกกับดักผู้คนมากมายไปถึงไหนแล้ว!  แต่ความสามารถของอวิ๋นอวิ้นไม่น่าจะผิดพลาดเพราะเรื่องนี้สิ?

 

มองดูต่อไป ก็มีความรู้สึกที่คุ้นเคยแทรกผ่านเข้ามาในใจอย่างลุ่มลึก ซีเหมินจินเหลียนสับสนอยู่นานไม่พูดอะไรออกมา พระเจ้าช่วย เธอไม่มีดวงแล้ว? แต่คิดได้แค่นั้น หินหยกนี่ก็เป็นของอวิ๋นอวิ้น ไม่ใช่ของเธอ อีกเดี๋ยวก็จะได้เจียระไนแล้ว!

 

อวิ๋นอวิ้นดูหินหยกทั้งหมดเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะเดินไปทางโต๊ะและเริ่มเขียนถึงชนิดและสี…

 

ซีเหมินจินเหลียนหัวใจเต้นแรง รีบเดินหุนหันไปเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสงสัย เดินไปที่โต๊ะอีกฝั่งและคว้ากระดาษปากกาขึ้นมา ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งและเขียนบนโต๊ะ มือซ้ายเท้าคาง มือขวาวางบนโต๊ะ…ราวกับกำลังครุ่นคิด จะตัดสินว่าหินหยกพวกนี้เป็นชนิดหรือสีอะไร

 

แน่นอนว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครที่จะเร่งรัดเธอ! ไม่นานอวิ๋นอวิ้นก็เขียนเสร็จเป็นที่เรียบร้อย เธอนำกระดาษแผ่นนั้นใส่ในซองจดหมายข้างในปิดซองด้วยตัวเอง จากนั้นปั้มลายนิ้วมือจ่าหน้าซอง!

 

เพราะเธอกับซีเหมินจินเหลียนสามารถเรียกได้ว่าเดิมพันทรัพย์สินแล้ว แม้จะเชิญทนายมาก็ไม่อาจวางใจได้ง่าย ไม่อย่างนั้นความรับผิดชอบระหว่างนี้ แค่ทนายตำแหน่งเล็กๆ คงรับผิดชอบไม่ไหว

 

ซีเหมินจินเหลียนใช้มือขวาเท้าคาง ความรู้สึกในการฉ้อโกงถือว่าไม่เลว ไม่นานก็เขียนเสร็จและเซ็นชื่อตัวเองลงไป แต่ในใจเต้นระรัว ตนยังขี้โกงได้ ใครจะไปรู้ว่าทนายคนนี้อาจจะไม่โกง? เมื่อในใจคิดเช่นนั้นเธอก็พลิกเปิดไปที่หน้าสัญญาและวาดรูปหน้าผีด้วยลายปากกาที่มีพลังเพื่อทำสัญลักษณ์…

 

เธอกล้ารับรองได้ว่าถ้าหากทนายกล้าที่จะเล่นตุกติก แต่…ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะลอกเลียนแบบได้ง่าย ไม่นานจึงเรียกให้จ่านมู่ฮวาและสวี่หรานใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปสัญลักษณ์หน้าผีนั่นเป็นหลักฐาน…แถมเชิญให้ทนายมาเป็นพยานข้างๆ

 

นี่เป็นสถานที่ของอวิ๋นอวิ้น เธอจะไม่ระวังไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสักครู่ฉินเฮ่าก็บอกว่า ตระกูลอวิ๋นกำลังวางแผนจะให้เธอติดกับ แม้ว่าเธอจะไม่สนใจหากจะต้องแพ้หุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่อยากติดหลุมกับดักอย่างไม่รู้ตัว เสียหน้าไม่ว่ายังถูกคนหัวเราะเยาะอีก

 

ทนายเห็นการกระทำของซีเหมินจินเหลียนแล้ว ใบหน้าก็เผยถึงความผิดปกติ แน่นอนเขาเห็นสัญลักษณ์หน้าผีในสัญญาด้านหลัง ส่วนเนื้อหาต่างๆ ข้างหน้า เขาไม่เห็นอะไรสักตัว

 

ซีเหมินจินเหลียนพับสัญญาและใส่ไปไว้ในซองจดหมายข้างใน ปิดซองและปั้มลายนิ้วมือลงไป “โอเค เสร็จแล้ว เกมการเดิมพันวันนี้ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว ห้านาทีสุดท้าย ทุกท่านใครที่ยังไม่ได้เข้าร่วมรีบหน่อยนะครับ!” อวิ๋นเฮ่อซินหยิบไมโครโฟนประกาศก้อง

 

คนที่จะเข้าร่วมแน่นอนว่าเข้าร่วมไปนานแล้ว ส่วนคนที่ไม่อยากก็คือไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ถัดมาก็คือไฮไลต์หลักของงาน…การเจียระไนหิน!

 

ไม่นานก็มีเครื่องเจียระไนหินเครื่องหนึ่งถูกขนเข้ามา ผู้ที่รับผิดชอบในการเจียระไนคืนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักหยก คุณเฉียนจากบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ มีประสบการณ์ในการเจียระไนหินและการแกะสลักหยกถึงสิบกว่าปี

 

ผู้เชี่ยวชาญเริ่มเจียระไนจากหินหมายเลขหนึ่งก่อน หินหมายเลขหนึ่งถูกกำหนดตำแหน่งที่แน่นอนไว้บนเครื่องเจียระไนแล้ว เมื่อวาดเส้นร่างไว้เรียบร้อย มีดจึงค่อยๆ ลงไปตามจุดที่วางไม่ผิดเพี้ยน

 

รอจนเครื่องหยุดทำงาน ผู้เชี่ยวชาญเฉียนก็ยื่นมือไปเปิดพื้นผิวของหินหยกที่เบาบาง ข้างในเริ่มมีการเผยสีน้ำเงินนกยูงให้เห็น

 

เมื่อแขกเหรื่อเห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหลงตกใจ จ่านมู่ฮวาพูดขึ้นว่า “สีนี้สวยไม่เลว แต่น่าเสียดายไม่ใช่สีน้ำเงินหรือสีเขียวบริสุทธิ์!”

 

“สีน้ำเงินนกยูงก็สวยมากแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

“นี่ถือว่าเป็นชนิดอะไรหรือ” สวี่อี้หรานถามแทรกขึ้นมา

 

“ดูจากลักษณะที่เห็นน่าจะเป็นชนิดเนื้อน้ำแข็ง คงไม่ถึงขั้นเนื้อแก้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูดอธิบาย     “พวกคุณทั้งสองทายถูกไหม”

 

สวี่อี้หรานทำสีหน้าถอดใจยอมแพ้ ส่วนจ่านมู่ฮวาส่ายหน้าทำปากจู๋ ซีเหมินจินเหลียนเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่หัวเราะส่ายหน้าไม่พูดจา ไม่เสียชื่อที่ผู้เชี่ยวชาญเฉียนเป็นมือชำนาญในการเจียระไนหิน ความเร็วว่องไว ไม่นานก็สามารถเจียระไนหินหยกก้อนแรกเสร็จทั้งหมด เริ่มการเจียระไนหินหยกก้อนที่สองต่อ

 

แต่ซีเหมินจินเหลียนเห็นทิศทางที่เขาจะเจียระไนแล้วในใจก็ผ่อนลมหายใจออกมาไม่หยุด นั่นเป็นด้านที่มีรอยแตกนะ! ถึงรอยแตกจะเป็นเส้นหยาบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะไม่มี หินหยกหมายเลขสองถูกจัดวางตำแหน่งบนเครื่องเจียระไนเป็นที่เรียบร้อย เสียงมีดดังครืดคราดค่อยๆ ลงลึกเข้าไป!