ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

บทที่****164: ภัยพิบัติอันยิ่งใหญ่

เจ้าอ้วนตอนนี้ไม่จำเป็นต้องทัดทานอุปกรณ์วิเศษอีกต่อไป ดาบอินทรีย์ทองที่ครั้งหนึ่งเขาเคยใช้เฉือนเนื้อได้ตอนนี้ไม่อาจกระทำ มันเป็นถึงอุปกรณ์วิเศษขั้นเจ็ดที่สามารถตัดทองคำและหยกได้ราวกระดาษ!

ในเมื่อร่างกายแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ มีอันใดให้ไม่พอใจกัน? แม้อาจจะดูไม่ดีไปบ้างสักหน่อย แต่เรื่องรูปลักษณ์เขาหาได้ใส่ใจอะไรมากนัก

ช่วงเวลาสองปีที่ผ่านไปไม่เพียงแต่การฝึกฝนของเขาเพิ่มขึ้นมาก กับเหล่าข้าทาสทั้งเก้าคนก็พัฒนาขึ้นไม่น้อยเช่นกัน

ผู้ฝึกตนประเภทดาบทั้งห้าเข้าสู่ระดับเฟินเสิน อีกทั้งยังได้ใช้วัสดุที่ไม่คล้ายคุณภาพสูงนักแต่กลับสามารถปรับแต่งดาบแห่งธาตุทั้งห้าให้กลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง

ทางด้านนักบวชทั้งสี่คนนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าแม้แต่น้อย พวกนางต่างพากันปรับแต่งสมบัติวิเศษในแบบของตนเองออกมา

ภายในถังขยะของเจ้าอ้วน บางส่วนถูกแปรสภาพเป็นอุปกรณ์วิเศษและสมบัติวิเศษ แม้ว่าวัสดุที่เขามีจะไม่ใช่วัสดุคุณภาพสูง แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่จะถ่วงรั้งฝีมือของนักบวชทั้งสี่ แม้ว่าสมบัติที่ปรับแต่งออกมาจะไม่ได้มีคุณภาพสูงนัก แต่มันก็ดีกว่าการที่พวกนางจะใช้มือเปล่าเพื่อต่อสู้

นอกจากนี้ระฆังของเจ้าอ้วนยังปกคลุมไปด้วยชั้นของลมทองแดง เขาได้รื้อหุ่นลมทองแดงทั้งสามสิบตัวออกเพื่อทำการรวบรวมลมทองแดงมาใช้ในงานนี้

ระฆังทองแดงอาจได้ออกไปปรากฏตัวต่อสายตาผู้อื่นอีกครั้ง เขาจะได้กระทำตัวเป็นพยัคฆ์ที่อยู่ในร่างของสุกร เมื่อเห็นระฆังทองแดงอีกครั้งทำให้เขารู้สึกว่ามีหลากหลายอารมณ์ในคราวเดียว มันสร้างยันต์วิญญาณให้เขาถึงเจ็ดชนิด ให้ความรู้สึกที่หลากหลาย โกรธ สนุก กังวล คะนึง เฉยเมย กลัว และประหลาดใจ

แม้ว่าเสียงแห่งสวรรค์ทั้งเจ็ดนี้จะไม่มีผลอะไรมากนัก แต่มันสามารถควบคุมอารมณ์ของผู้อื่นที่อ่อนแอกว่าได้ เจ้าอ้วนสามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามหัวเราะหรือร้องไห้ก็ได้ แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะแข็งแกร่งมากกว่าเขา แต่ความสามารถของมันก็ยังสามารถใช้งานได้

พลังเล็กน้อยเช่นนี้ไม่ควรถูกมองข้ามในการต่อสู้ การไขว้เขวเพียงเล็กน้อยอาจทำให้บุคคลหนึ่งสามารถตายตกไปได้ ดังนั้นความสามารถเช่นนี้จึงถือได้ว่าพิเศษเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากที่ซ่อมแซมดาบแห่งธาตุทั้งห้าแล้ว เจ้าอ้วนกลายเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งอย่างมากแม้ว่าจะไม่มีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากมีผู้ใดต้อนให้เขาเข้าตาจน เขาสามารถต่อสู้กับผู้ฝึกตนระดับจินตันโดยใช้ภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าได้

การฝึกฝนตลอดสองปีที่ผ่านมา เจ้าอ้วนรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ของมันมาก เขาผ่านพ้นช่วงเวลาอันขื่นขมมาตลอดเวลาระหว่างเก็บตัวฝึกฝน ดังนั้นวันนี้เขาจึงตัดสินใจว่าสมควรแก่เวลาออกไปภายนอกแล้ว

หลังจากที่เขาออกจากมิติลึกลับ เขาเดินเล่นอยู่ภายในลานม่านหมอกของตนเอง ยืนมองแสงอาทิตย์อันอบอุ่นและสวนหย่อมในบ้านของตนเอง มันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง

แต่มีบางสิ่งที่แปลกประหลาดและทำลายอารมณ์ยินดีของเขาอย่างรวดเร็ว หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นราวกับมีเรื่องร้ายอุบัติเป็นผลให้เขารู้สึกกังวลใจอย่างมาก แต่เจ้าอ้วนไม่เข้าใจว่าเหตุใดหัวใจของเขาจึงเต้นเร็วเช่นนี้

ในขณะนั้นเกิดแสงสีดาบสีแดงปรากฏขึ้นที่ด้านนอก ซึ่งเป็นจดหมายจากดาบบิน เจ้าอ้วนคว้ามันไว้พร้อมกับอ่านมันอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาจึงบ่นพึมพำกับตนเอง “จ้าวสำนักทราบได้อย่างไรว่าข้าจะออกมาวันนี้? อีกทั้งยังขอให้ข้าไปพบทันทีอีกด้วย? แปลกมาก!”

ในความจริงจ้าวสำนักไม่ได้เรียนรู้เคล็ดวิชาเทพธิดาพยากร นอกจากนี้เจ้าอ้วนยังไม่ได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ด้วย เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรู้ล่วงหน้าว่าเจ้าอ้วนจะออกจากการเก็บตัวฝึกฝนในวันนี้ แต่จ้าวสำนักกลับส่งจดหมายมาให้เขาทันทีที่ออกจากการฝึกฝนมาเพียงห้านาทีเท่านั้น นับว่าเป็นเรื่องประหลาดนัก

เจ้าอ้วนรีบสลัดความงุนงงทิ้งขณะใช้ดาบบินมุ่งหน้าไปยังลานของจ้าวสำนักทันที หลังจากที่เขาได้พบกับจ้าวสำนักและภรรยาแล้ว เขาเข้าใจทุกอย่างทันที นั่นเป็นเพราะฉุ่ยจิ้งยืนอยู่ข้างอาวุโสทั้งสอง นางทำนายว่าเขาจะออกจากการฝึกฝนภายในวันนี้

หลังจากที่ไม่ได้พบเจอฉุ่ยจิ้งและหงหยิงมาเป็นเวลาสองปี ทั้งสองได้เข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นสุดท้ายแล้ว พวกนางไม่ได้โชคดีดังเช่นเจ้าอ้วน พวกนางติดอาการตีบตันและไม่อาจผ่านพ้นเข้าระดับปฐมภูมิได้

เหมือนสองปีผ่านไปจ้าวสำนักและภรรยาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่เหมือนว่าเจ้าอ้วนกลับทำได้ดีกว่าที่พวกเขาคาดไว้ คำชมเชยจึงถูกส่งผ่านทันทีที่เดินทางมาถึง

เจ้าอ้วนคิดว่าจ้าวสำนักอาจมีความกังวลใจมากจึงรีบร้อนเรียกมา แต่อีกฝ่ายกลับโบกมือและหยุดเจ้าอ้วนไว้พร้อมกล่าวอย่างเคร่งขรึม “อ้วนน้อย เป็นเรื่องที่ดีมากที่เจ้าสามารถเข้าสู่ระดับปฐมภูมิได้ แต่เหตุใดเจ้าจึงสร้างปัญหาใหญ่ให้กับตนเองกันล่ะ?”

“ข้าน่ะหรือสร้างปัญหา?” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขารีบถามออกมาด้วยความสับสน “จ้าวสำนัก ตลอดเวลาสองปีข้าเพียงแค่เก็บตัวฝึกฝน แล้วข้าจะออกมาสร้างปัญหาภายนอกได้อย่างไรกัน”

“อย่างนั้นหรือ?” จ้าวสำนักและภรรยาของเขาจ้องมองหน้ากันก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เหตุใดศิษย์น้องฉุ่ยจิ้งจึงมาพบพวกเราในเช้าวันนี้และบอกว่าจะเกิดภัยพิบัติกับเจ้าภายในวันนี้กันล่ะ?”

“ว่าอะไร?” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขามองไปที่ฉุ่ยจิ้งอย่างสับสน “ศิษย์น้อง วันนี้ข้าจะพบกับหายนะงั้นหรือ?”

“มันยังไม่ชัดเจนมากนัก!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวอย่างกังวล “ใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยสีดำ มีเมฆดำมากมายลอยอยู่เหนือศีรษะของท่าน แม้แต่ศิษย์น้องหงหยิงยังสังเกตุเห็นถึงความผิดปกติได้!”

เช่นนั้นหงหยิงรีบกล่าวออกมาทันที “ใช่แล้วพี่ชายอ้วน ใบหน้าของท่านกลายเป็นสีดำ ราวกับว่าท่านกำลังอยู่ในความเดือดร้อน!”

“อืม!” ภรรยาจ้าวสำนักกล่าวเสริม “เป็นเช่นนั้น แม้กระทั่งคนที่ไม่ได้เรียนรู้วิชาเทพธิดาพยากรก็ยังรับรู้ได้!”

“ขนาดนั้น?” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาแทบพูดกล่าวอะไรไม่ถูก “ข้าเพิ่งออกจากการเก็บตัวในวันนี้ ขณะที่ข้ากำลังชื่นชมทิวทัศน์อันสวยงาม อารมณ์ของข้าปลอดโปร่งอย่างมาก แต่คล้ายมีบางสิ่งเกิดขึ้น ภายในจิตใจของข้ารู้สึกกังวลอย่างมาก นั่นจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเกิดเรื่องร้ายภายในวันนี้?”

“ข้าเกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น!” ฉุ่ยจิ้งกล่าว “วิธีการฝึกฝนของท่านเป็นสิ่งที่ลึกลับยิ่งนัก อีกทั้งมันอาจตรวจพบอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นได้!”

นั่นทำให้เจ้าอ้วนกังวลใจมาก เขารีบกล่าวออกมาทันที “ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้งสามารถมองเห็นหายนะที่จะเกิดขึ้นกับข้าได้หรือไม่?”

“ต้องขอโทษศิษย์พี่ด้วย ศิษย์น้องผู้นี้พยายามอย่างหนักแล้วแต่มันคลุมเครืออย่างมาก ข้าไม่สามารถล่วงรู้สิ่งใดได้เลยนอกจากวันนี้จะเกิดภัยพิบัติกับท่านในวันนี้!” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับอย่างหมดหนทาง

“ว่าอะไร?” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาตกอยู่ในความกังวลโดยสมบูรณ์พร้อมกล่าวว่า “ด้วยเหรียญแห่งชะตาฟ้าดินและกระดองเต่าดำ การทำนายจะสามารถทำได้ง่ายดายขึ้นไม่ใช่หรือ? ทำไมเจ้าไม่สามารถทำได้เช่นเคยล่ะ?”

“เรื่องนั้นเป็นเพราะศิษย์น้องผู้นี้เรียนรู้เคล็ดวิชาเทพธิดาพยากรขั้นต่ำเท่านั้น แม้ว่าข้าจะมีสมบัติวิญญาณถึงสองชิ้นมันก็ยังมีข้อจำกัด!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวออกมาพร้อมอธิบายต่อ “มีสามเงื่อนไขที่ทำให้ข้าไม่สามารถทำนายได้ หนึ่งคือการกระทำของเหล่าปีศาจที่อยู่นอกโลก ข้าสามารถทำนายได้เพียงเรื่องภายในโลกนี้เท่านั้น สิ่งใดที่อยู่นอกขอบเขตจะเกินขีดความสามารถของข้า!”

“ข้าไม่คิดว่าจะเป็นเหล่าปีศาจที่ไม่อยู่ในโลกใบนี้!” จ้าวสำนักกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ “มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกมันจะเข้ามายังโลกเพื่อแสวงหาความตาย!”

“เป็นเช่นนั้น แล้วเงื่อนไขอื่นล่ะ?” ภรรยาจ้าวสำนักถามออกมา

“ประการที่สองข้าไม่สามารถทำนายการเคลื่อนไหวของผู้ที่ระดับห่างไกลเป็นอย่างยิ่ง สำหรับข้าแล้ว มีเพียงผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินเท่านั้นที่ข้าไม่อาจเอื้อมถึง!” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับ

“นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้!” จ้าวสำนักตอบอย่างเขร่งขรึม “ผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินนั้นอยู่แห่งหนใดกัน? เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะแสวงหาตัวของอ้วนน้อย!”

“อืม!” ภรรยาจ้าวสำนักพยักหน้าพร้อมกล่าวต่อ “แล้วเงื่อนไขสุดท้ายล่ะ?”

“สิ่งสุดท้ายคือบุคคลที่สามารถปิดกั้นการทำนายของข้าได้!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวพร้อมขมวดคิ้วแน่น “แต่เท่าที่ข้าทราบมาเป็นไปได้ยากมากที่จะมีผู้ฝึกตนสามารถใช้เคล็ดวิชาเหล่านี้ได้ แม้ในผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินก็ยังหาตัวได้ยาก! อีกทั้งการขัดขวางธรรมชาติ ผลกระทบต่าง ๆ จะถูกเปลี่ยนแปลงและจะเกิดอันตรายมากมาย ถ้าหากมีอาวุโสที่ต้องการจะชำระแค้นกับศิษย์พี่ สิ่งที่เขาจะทำก็คือมาที่นี่และสังหารเพียงเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถที่วุ่นวายถึงเพียงนี้! ดังนั้นข้าจึงคิดว่านี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เช่นกัน”

“สรุปว่าเงื่อนไขทั้งสามไม่มีข้อไหนที่ดูเป็นไปได้ แล้วอะไรล่ะที่เป็นไปได้?” เจ้าอ้วนถามออกมาอย่างโง่งม

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้ากังวลมากเกินไป?” จ้าวสำนักกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว “อ้วนน้อยอยู่ตรงหน้าข้าในตอนนี้ อยู่ในสำนักเสวียนเทียน ข้าสามารถจัดการกับเหล่าผู้ฝึกตนเฟินเสินได้ถ้าหากพวกเขายกทัพมาที่นี่ แล้วพวกเขาจะมาสร้างปัญหาให้กับตนเองเพื่อสิ่งใดกัน?”

เมื่อทุกคนต่างได้ยินเช่นนั้น พวกเขาต่างพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกัน เป็นความจริงที่สำนักเสวียนเทียนแข็งแกร่งที่สุดในเทือกเขาใหญ่แห่งนี้

แต่แล้วในขณะนั้นเอง กลับปรากฏเสียงท้องฟ้าดังสนั่นหวั่นไหว แม้ยังคงสว่างสดใส แต่เสียงนั้นกลับทำให้ทุกผู้คนต้องสะดุ้ง

ขณะนี้ทุกคนต่างรู้สึกได้ว่าเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้นแล้ว พวกเขาทั้งหมดเงยหน้าขึ้นรับชมเรื่องราว คล้ายสวรรค์โปรด! ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว พายุรุนแรงเริ่มก่อตัว ลมพัดกระโชกรุนแรงจากทุกทิศทางก่อเกิดเป็นพายุหมุนพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า อ่างน้ำสีดำรูปร่างคล้ายดวงตาปีศาจเริ่มปรากฏ! ดวงตามนั้นกำลังจ้องมองมาที่เจ้าอ้วน!

ขณะท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นวิปริตในพริบตา จ้าวสำนักและภรรยาแทบร่ำไห้ออกทันที พวกเขาทั้งสองต่างกล่าวเสียงดังนั่น “ทัณฑ์เมฆา! คนผู้หนึ่งกำลังจะโดนทัณฑ์สวรรค์!”