คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 924

แดร์ริลและสโลนใช้เวลากว่าสองสามนาทีในการโต้เถียงกัน ก่อนที่เปลวเพลิงโลหิตจะสงบลงในที่สุด

“แจ่ม!”

แดร์ริลฉีกยิ้มและคลายชั้นเกราะป้องกันออก “ดูเหมือนว่าเราจะปลอดภัยแล้วตอนนี้”

สโลนเริ่มขยับตัวหนีห่างออกไป หน้าของเธอแดงก่ำขณะที่ดึงเสื้อของแดร์ริล เธอกระชากเสื้อแจ็คเก็ตของเขาและเอามาสวมใส่ ใบหน้าของเธอแดงก่ำราวกับลูกแอปปเปิ้ล

“อย่าแม้แต่จะคิดว่าจะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง!” สโลนจ้องเขม็งไปที่แดร์ริล

สโลนรู้สึกอับอายและไม่พอใจอย่างยิ่ง

เธอเป็นถึงแม่ทัพเทพธิดาสงคราม แต่เธอก็ต้องมายืนแนบชิดติดตัวแดร์ริลเป็นเวลานาน

ถ้าหากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป เธอยังจะมีหน้าไปเป็นจอมทัพของทั้งสามกองทัพได้อย่างไร?

แดร์ริลยิ้มร่าและกล่าวตอบ “เรื่องอะไร? ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอเลยสักนิด”

เขาอยากจะหัวเราะ

เขาไม่คิดว่าสโลนจะเป็นคนที่มีบุคคลิกน่าค้นหา

สโลนเป็นเทพธิดาสงครามและทุกคนให้ความเคารพแก่เธอ แต่กระนั้นความน่ารักและสีหน้าที่ขวยเขินของเธอมันมีเสน่ห์อย่างยิ่งยวด

“แก…” สโลนขบริมฝีปาก เธอเดือดดาลแต่เธอก็ฉงนสงสัยเช่นเดียวกัน

แดร์ริลพูดถูกแล้ว เขาไม่ได้ทำอะไรเธอเลยตอนที่เธอยืนใกล้กับเขาในชั้นเกราะป้องกันขนาดกะทัดรัด

อย่างไรก็ดี…

หัวใจของสโลนเต้นระรัวเมื่อเธอนึกถึงตอนที่ได้เบียดเสียดอย่างแนบชิดเมื่อสักครู่ เธอรู้สึกอับอายและโมโหมาก

“ข้าไม่คาดคิดว่าพวกเจ้าทั้งสองจะสามารถป้องกันตัวเองจากเปลวเพลิงโลหิตของข้าได้!”

ทันใดนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงกล่าวทุ้มต่ำกังวาลมาจากส่วนลึกในอุโมงค์

นั่นใคร?

แดร์ริลและสโลนตกอกตกใจ พวกเขาหันหน้าไปทางต้นเสียง และถึงกับตกตะลึง

พวกเขาเห็นเถาอู้ มันยังคงถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ตรวนโลหะบรรพกาล อสูรตัวนี้จ้องกลับมาที่พวกเขา มันอ้าปากขนาดมหึมาของมันและเอื้อนกล่าว “มันเป็นเวลานานกว่า 500 ปีแล้ว ทุกครั้งที่มีเจ้าสำนักคนใหม่ขึ้นครองในสำนักประกายแสง พวกเขาจะลงมาที่นี่และทำทุกวิถีทางให้ข้ายอมจำนนกับพวกเขา แต่กระนั้นก็ดี พวกเขาส่วนใหญ่ก็ยังไม่สามารถที่จะป้องกันตัวเองจากเปลวเพลิงโลหิตของข้าได้เลย พวกเจ้าทั้งคู่คือเจ้าสำนักคนปัจจุบันรึเปล่า? ข้าขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ต่อให้พวกเจ้าจะสามารถเบี่ยงเบนการโจมตีของข้าได้ แต่ข้าก็ไม่มีวันที่จะยอมจำนนกับพวกเจ้า”

ดวงตาของเถาอู้ลุกโชนไปด้วยความจองหองขณะที่มันกล่าว

เฮ้ย!

มันพูดได้?

มันกลายเป็นเทพพระเจ้าไปแล้วหรืออะไร?

แดร์ริลรู้สึกหวาดกลัวขนหัวลุก เขากลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ขณะแขนขาด้านชา เขาถึงกับกล่าวอะไรไม่ออก

สโลนเองก็ตัวสั่นเทาเช่นกัน เธอก็รู้สึกกลัว

วินาทีถัดมา สโลนก็รวบรวมสติได้และกล่าวเบา ๆ “ตำนานกล่าวเอาไว้ว่าเถาอู้คือสัตว์วิเศษ สติปัญญาของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่ามนุษย์ อีกอย่างเขาพูดได้ด้วย ฉันคิดว่ามันแค่ตำนานเฉย ๆ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริง!”

เมื่อแดร์ริลได้ยินเช่นนั้น เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกและจ้องไปที่เถาอู้ เขารวบรวมสติก่อนจะก้มโค้งคำนับอย่างพินอบพิเทาและกล่าว “ท่านอาวุโสเถาอู้ ท่านเข้าใจเราผิดแล้ว เราไม่ได้อยู่กับสำนักประกายแสง ผมเพิ่งจะทำลายสำนักประกายแสงเมื่อกี้นี้เอง”

หัวใจของแดร์ริลยังคงสั่นระรัวอยู่ แม้ว่าเขาจะได้ยินเรื่องเล่าของสโลนเกี่ยวกับความสามารถของอสูรตัวนี้ในการพูดภาษามนุษย์

ไม่ใช่แค่มันจะพูดได้เท่านั้น แต่มันยังมีชีวิตอยู่มาอย่างยืนยาวอีกด้วย หัวใจของแดร์ริลสั่นกระเทือน เขาไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอย่างไร เขาจึงทักทายมันในฐานะผู้อาวุโส

นอกจากนั้น แดร์ริลก็ยังสามารถเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น หลังจากบทสนทนาเมื่อสักครู่กับเถาอู้

สัตว์วิเศษที่ถูกกักขังในสำนักประกายแสงใต้อุโมงค์ลับมาเป็นเวลา 500 ปี และบรรดาเจ้าสำนักคนก่อน ๆ ของสำนักประกายแสงทุกคน ต่างพยายามที่จะทำให้มันเชื่อง แต่ก็ไม่มีใครทำสำเร็จ

“เจ้าว่าอะไร?”

ดวงตาอันหลักแหลมของเถาอู้ก็ลุกโชนเป็นประกายเจิดจริส ขณะที่สังเกตการณ์แดร์ริล “เจ้าทำลายสำนักประกายแสงได้งั้นรึ?”

แดร์ริลสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารที่เดือดพล่านของอสูรร้าย มันคงคร่าชีวิตผู้คนไปมากมายก่อนหน้านี้ และมันก็ถูกขังอยู่ในอุโมงค์นี้เป็นเวลานานมากแล้ว รัศมีที่น่าสะพรึงกลัวบนตัวของมันเกือบจะทำให้แดร์ริลหายใจไม่ออก

แต่กระนั้น แดร์ริลก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตรายเลยแม้แต่น้อย

เขากลับคิดว่าเถาอู้ดูน่าตื่นตาตื่นใจแทน

ทันใดนั้น มันก็อ้าปากขนาดมหึมาและหัวเราะเสียงดังกังวาล “นานมาแล้ว สำนักประกายแสงผนึกกำลังกับสำนักอื่น ๆ เพื่อดักซุ่มโจมตีข้า พวกมันแยกข้าออกจากสามีและนำข้ามาขังไว้ที่นี่เป็นเวลา 500 ปี มันเป็นเพราะสำนักประกายแสงที่ทำให้ข้าต้องแยกจากสามี ข้าสาบานเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งจะเห็นการล่มสลายของสำนัก และในที่สุดวันนี้ก็มาถึงสักที!” เถาอู้หัวเราะ