EG บทที่****747 ตลาดเปิด
คาเมดะ มาซาโอะสวมสูทที่ดูภูมิฐาน เขาหวีผมเรียบแปล้แล้วยืนบนเวทีพูดคุยกับนักข่าว
นี่คืองานที่จัดขึ้นเมื่อใดก็ตามที่มีบริษัทจดทะเบียนใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ ตัวแทนของบริษัทจะประกาศแผนการในอนาคตของบริษัทและผลกำไรที่คาดการณ์เอาไว้เพื่อชักชวนให้ผู้คนให้เข้าซื้อหุ้นของบริษัทมากขึ้น
คาเมดะ มาซาโอะพูดภาษาอังกฤษแบบไร้ที่ติ เฝิงหยู่ยืนอยู่ตรงมุมจิบแชมเปญของเขา คาเมดะ มาซาโอะรู้สึกประทับใจเมื่อเฝิงหยู่บอกให้ไปขึ้นเวทีแทนเขา
คาเมดะ มาซาโอะเชื่อในเรื่องโชคลางมา เขาสวมเสื้อสีเขียวพร้อมด้วยเน็คไทสีเขียว และมีผ้าเช็ดหน้าสีเขียวในกระเป๋าเสื้อสูทของเขา ผู้สื่อข่าวหลายคนก็สวมชุดสีเขียว ถึงขนาดมีนักข่าวคนหนึ่งสวมหมวกสีเขียวด้วย
เฝิงหยู่พูดไม่ออกกับการแต่งตัวแบบนี้ของเขา ทั้งตัวของเฝิงหยู่ไม่มีสีเขียวเลย แต่เขาก็ไม่ได้ใส่อะไรที่เป็นสีแดง
ในตลาดสหรัฐอเมริกา สีเขียวหมายถึงราคาที่เพิ่มสูงขึ้น และสีแดงหมายถึงการลดลง
เฝิงหยู่ไม่ได้คิดมาก่อนว่าคนที่นี่จะเชื่อเรื่องโชคลางเช่นกัน คาเมดะ มาซาโอะบอกกับเฝิงหยู่ว่าสีเขียวเป็นสีนำโชคของเขาและเฝิงหยู่ไม่ได้พูดอะไรมาก
แต่เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ เขาเคยเห็นตัวแทนจากบริษัทที่สวมใส่สีแดงจากหัวจรดเท้าก่อนที่บริษัทของเขาจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เฝิงหยู่ไม่สนว่าคนอื่นจะคิดยังไง แต่เขารู้สึกเวียนหัวมากเมื่อเห็นคนพวกนั้น
เฝิงหยู่รู้สึกว่าราคาหุ้นจะขึ้นหรือลงนั้นมันไม่ได้เกี่ยวกับสีของเสื้อผ้าที่สวมใส่เลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรายงานทางการเงินและแผนการพัฒนาในอนาคต แม้ว่าเจ้าของบริษัทจะสวมชุดสีนำโชคของเขา แต่ถ้าบริษัทไม่มีแผนการพัฒนาหรือการประกาศที่ดี หุ้นก็จะดิ่งลงทันทีหลังจากที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
และอาจถึงขนาดถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์ได้!
คาเมดะ มาซาโอะ เป็นผู้พูดที่ดี เขาเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีสำหรับการกล่าวสุนทรพจน์เปิดงานครั้งนี้ เขายังเพิ่มมุกตลกสองสามเรื่องในระหว่างที่พูดด้วย
หลังจากที่คาเมดะ มาซาโอะพูดจบ เขาได้รับเชิญให้เป็นผู้เคาะสัญญาณเสียงระฆังเพื่อประกาศการเปิดตลาด
ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ตลาด NYSE เริ่มเชิญแขกรับเชิญพิเศษให้มาเป็นผู้เคาะสัญญาณเสียงระฆัง Nasdaq ก็เลียนแบบงานพิธีแบบนี้ด้วย เมื่อก่อนคนที่เคาะสัญญาณเสียงระฆังคือผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ และไม่มีอะไรพิเศษ
แต่หลังจากแขกพิเศษบางคนมาเคาะสัญญาณเสียงระฆังให้ ก็จะมีการรายงานข่าวลงในหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นรูปแบบของการตลาดอย่างหนึ่ง นับจากนั้นเป็นต้นมา เจ้าของหลายรายรู้สึกว่ามันเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เคาะสัญญาณเสียงระฆัง
แขกพิเศษคือใครน่ะหรอ? พวกเขาก็คือตัวแทนของบริษัทที่กำลังจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในวันนั้น โดยปกติแล้วพวกเขาก็คือกรรมการหรือ CEO ของบริษัทนั่นเอง
แขกรับเชิญพิเศษของพิธีเปิดตลาด Nasdaq ที่จะมาเคาะสัญญาณเสียงระฆังในวันนี้คือคาเมดะ มาซาโอะ โดยปกติแล้วเฝิงหยู่ปฏิเสธที่จะทำตัวเป็นจุดเด่นหรือถูกรายงานในสื่ออยู่แล้ว
คาเมดะ มาซาโอะยืนอยู่ด้านหน้าระฆัง เขารู้สึกว่านี่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ทุกคนที่เคยเคาะสัญญาณเสียงระฆังล้วนเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยและมีอำนาจมากทุกคน
เขาจะเคาะสัญญาณเสียงระฆังและคนอื่นๆ จะต้องอิจฉาเขา
แต๊ง!!!!
เสียงระฆังดังขึ้น เฝิงหยู่ก็ตื่นเต้นเช่นกัน นี่เป็นบริษัทแห่งแรกของเขาในชีวิตนี้ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ใช่สิ ถือเป็นบริษัทแห่งแรกของเขาที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งสองชาติของเขาเลย บริษัทนี้จะต้องไม่ทำให้เขาผิดหวัง
คาเมดะ มาซาโอะถือค้อนอยู่และรู้สึกงุนงงราวกับว่าเวลากำลังหยุดเดิน
เสียงปรบมือทำให้เขาดึงสติกลับมาได้ และมีคนมาหยิบค้อนออกไปจากมือของเขา คาเมดะ มาซาโอะสูดหายใจลึก และรอราคาหุ้นเริ่มต้น
การเคาะสัญญาณเสียงระฆังเป็นเพียงประกาศเปิดตลาดเท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีการทำธุรกรรมในทันที โดยปกติแล้วจะล่าช้าประมาณ 15 นาที
เมื่อมีบริษัทใหญ่บางบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ความล่าช้าก็จะนานขึ้น บางครั้งถึงขนาดล่าช้าไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมงก็มี
ทำไมถึงเกิดความล่าช้าน่ะหรอ? ก็เป็นเพราะผู้ดูแลสภาพคล่องการซื้อขายที่กำหนดราคาหุ้น พวกเขาจะหารือและกำหนดราคาเปิด
หลายคนให้ความสนใจในบริษัทซิกส์เซนส์เพราะเป็นบริษัทของเล่นเซ็กส์ทอยรายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเฝิงหยู่ก็ได้สถาบันการเงินชั้นนำมาเป็นผู้ดูแลสภาพคล่องการซื้อขายให้เขาเพื่อกำหนดมูลค่าของบริษัทนี้
แต่ไม่มีบริษัทใดที่เทียบได้กับบริษัทซิกส์เซนส์เลย พวกเขาเป็นบริษัทแรกในประเภทกิจการนี้ที่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่มีมาตรฐานหรือบริษัทใดๆ เป็นข้อมูลอ้างอิงเลย
ผู้ดูแลสภาพคล่องการซื้อขายอาจใช้แค่ผลการดำเนินงานในอดีตของบริษัทและความสามารถในการสร้างรายได้ในอนาคตเป็นตัววัดเท่านั้น แน่นอนว่ามูลค่าของแบรนด์ก็มีส่วนสำคัญในการพิจารณาด้วย
แต่ตลาดให้ความสนใจต่อบริษัทซิกส์เซนส์ในระหว่างการสำรวจตลาดก่อนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทุกคนตั้งความหวังไว้สูงสำหรับบริษัทนี้และนี่คือเหตุผลที่เฝิงหยู่มั่นใจว่าราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้น 20%!
คาเมดะ มาซาโอะรู้สึกประหม่ามากและพูดคุยกับคนที่อยู่ข้างเขาตลอดเวลา เขาอยากเดินไปหาเฝิงหยู่ที่ยืนอยู่ตรงนั้น แต่เมื่อเขามองไปที่เฝิงหยู่ เขาเห็นเฝิงหยู่ส่ายหน้า
คาเมดะ มาซาโอะรู้ว่าเฝิงหยู่ไม่ชอบให้ตัวเองตกเป็นที่สนใจของคนอื่น เขาพยายามคุยกับผู้คนรอบข้างตัวเขา เพื่อระงับความกังวลใจของตัวเอง
แม้ว่าเฝิงหยู่จะนิ่งกว่าคาเมดะ มาซาโอะ แต่ราคาเปิดของหุ้นบริษัทของพวกเขาก็ยังไม่ประกาศออกมา
……
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้ติดต่อกับคนที่โกลด์แมน แซคส์ เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่โกลด์แมน แซคส์ เขาบอกว่าเขาอยากซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทซิกส์เซนส์
วอร์เรน บัฟเฟตต์คือใคร? เขาคือเทพเจ้าแห่งการลงทุน! หากเขาต้องการซื้อหุ้นทั้งหมด นั่นหมายความว่าหุ้นของบริษัทนี้จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน!
มีบริษัทหลายประเภทที่วอร์เรน บัฟเฟตต์จะไม่ลงทุนด้วย ประเภทแรกก็คือบริษัทที่มีผลกำไรสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกคนจะสงสัยว่าทำไม หากผลกำไรสูงมาก แสดงว่าเงินปันผลก็จะสูงมากด้วยเช่นกัน ทำไมเขาถึงหลีกเลี่ยงบริษัทพวกนี้? คำตอบที่ได้รับจากเขาก็คือผลกำไรสูงจะดึงดูดคู่แข่ง หากบริษัทยังไม่พร้อมสำหรับคู่แข่งรายใหม่ ส่วนแบ่งการตลาดของพวกเขาจะถูกแย่งชิงไปด้วย
รายงานทางการเงินของบริษัทพวกนี้ก็แค่ดูดีเมื่อพวกเขามีผลกำไรสูงเท่านั้น แต่ถ้ากำไรลดลง บริษัทนี้จะไม่คุ้มค่ากับการลงทุนเลย
วอร์เรน บัฟเฟตต์จะหลีกเลี่ยงบริษัทที่มีความเสี่ยงสูง บริษัทที่ผูกขาดตลาด และหุ้นเทคโนโลยี บริษัทที่เขาชื่นชอบคือบริษัทที่มีโอกาสในระยะยาว
ประเภทของหุ้นที่วอร์เรน บัฟเฟตต์จะหลีกเลี่ยงส่วนใหญ่คือหุ้นเทคโนโลยี เนื่องจากเขาไม่เข้าใจการพัฒนาของบริษัทพวกนี้และคู่แข่งของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงไม่รู้วิธีการประเมินบริษัท เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ IBM เป็นเพียงหุ้นเทคโนโลยีเพียงหุ้นเดียวที่เขาซื้อ
วันนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ต้องการซื้อบริษัทซิกส์เซนส์ และหลังจากข่าวนี้เผยแพร่ออกไปโดยโกลด์แมน แซคส์ หลายคนมีความมั่นใจมากขึ้นกับบริษัทนี้ สิ่งนี้ยังทำให้ผู้ดูแลสภาพคล่องการซื้อขายไม่สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับราคาเปิดได้เนื่องจากมีการเสนอราคาสำหรับหุ้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ!
หลังจากผ่านไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมง ก็มีการประกาศราคาหุ้นเปิดของบริษัทซิกส์เซนส์……