ราชันเร้นลับ 616 : เรื่องดีในเรื่องร้าย โดย Ink Stone_Fantasy
เราต้องการสิ่งใด?
เฮอร์มิท·แคทลียาหัวเราะในลำคอ เธอย่อมสังเกตเห็นความนัยที่มิสเตอร์แฮงแมนแนบมากับคำถาม
หากร้องขอสิ่งใด สิ่งนั้นจะกลายเป็นเบาะแสให้สืบสาวถึงตัวจริง!
ปัจจุบัน เรามีสูตรผลิตโอสถลำดับ 4 ของเส้นทางผู้ส่องความลับเรียบร้อยแล้ว แถมยังสั่งสมคะแนนผลงานเพียงพอจะแลกหนึ่งในวัตถุดิบหลักโอสถ แต่ต่อให้เรายังไม่มีอะไรเลย ก็มิได้ขาดแคลนช่องทางการรวบรวมวัตถุดิบ แถมยังไม่ใช่แค่หนึ่งแหล่ง…
แคทลียาครุ่นคิด หวนนึกถึงคทาเทพสมุทรที่มิสเตอร์ฟูลเคยถือ จึงตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม
“ดิฉันต้องการสมบัติวิเศษระดับครึ่งเทพ และผลข้างเคียงต้องอยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้”
เมื่อสิ้นเสียงอีกฝ่าย แฮงแมนเกือบหลุดโพล่งออกไปว่า ‘เชิญไปเล่นตลกที่อื่นเถอะ!’
แม้แต่ภายในโบสถ์วายุสลาตัน กว่าจะได้ครอบครองสมบัติปิดผนึกระดับครึ่งเทพสักชิ้นยังต้องใช้เวลาหลายปี และไม่เคยถูกนำมาให้ผู้วิเศษลำดับกลางใช้งานแม้แต่ครั้งเดียว!
ลำพังสมบัติวิเศษระดับครึ่งเทพที่มีผลข้างเคียงต่ำก็แทบหาไม่ได้แล้ว หากเรามีของแบบนั้นอยู่กับตัว สู้ใช้เองไม่ดีกว่าหรือ…
อัลเจอร์ทราบว่า เฮอร์มิทกล่าวเช่นนั้นเพราะต้องการตอบโต้ที่ตนพยายามล้วงความลับ โชคดีว่ามันมิได้เป็นพวกป่าเถื่อนเหมือนเพื่อนร่วมงาน เพียงสูดลมหายใจเข้า ตอบสนองอย่างเยือกเย็น
“แล้วผมจะช่วยดูให้”
“แต่ว่านะ… มาดาม คุณคงทราบใช่ไหม ลำพังเบาะแสของสิ่งนั้น ก็มีมูลค่าสูงกว่าสูตรโอสถนักขับขานสมุทรของผมแล้ว”
หลักแหลมมาก ไม่ใช่พวกมุทะลุ แตกต่างจากคนของโบสถ์วายุสลาตัน… เราประเมินตัวตนชายคนนี้ผิดไป หรือว่าความจริงแล้ว เขาแสร้งปลอมตัวเป็นนักบวชของโบสถ์? ไม่สิ ยังด่วนสรุปไม่ได้ บางที อาจเป็นเพราะยังอยู่ในสายตาของมิสเตอร์ฟูล จึงไม่กล้าระเบิดโทสะออกมาส่งเดช หรือไม่ก็ เป็นพวกผ่าเหล่าที่หาได้ยากภายในโบสถ์ แต่ก็มิได้หายากขนาดนั้น…
เฮอร์มิท·แคทลียาไม่คิดต่อความ และไม่มีเจตนายุแหย่อีกฝ่ายเพิ่มเติม เพียงพยักหน้ารับ
“ฉันทราบ”
เมื่อบทสนทนาดังกล่าวจบลง ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดจนกระทั่งจบช่วงเวลาซื้อขาย
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทุกคนได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว จึงไม่ละลายเงินอย่างพร่ำเพรื่อ ในกรณีของเมจิกเชี่ยน·ฟอร์สและจัสติส·ออเดรย์ พวกเธอมีช่องทางหาสูตรโอสถเป็นของตัวเอง เพียงรอเวลาเท่านั้น ส่วนคนอื่นเพิ่งเลื่อนลำดับและใช้เงินไปมาก จึงกำลังประสบปัญหาด้านสภาพคล่องการเงิน
หนึ่งในนั้นคือเอ็มลินที่ต้องการ ‘มรดก’ ของไวเคาต์ผีดูดเลือดแต่ไม่มีเงินมากพอ และฟอร์สที่ต้องการสมบัติวิเศษเกี่ยวกับการต่อสู้แต่ก็ไม่มีเงินเช่นกัน
เป็นอย่างที่คิด หลังจากทุกคนหลุดพ้นจากลำดับต่ำ และมิได้เลื่อนลำดับบ่อยครั้งเหมือนเมื่อก่อน ปริมาณการค้าขายในชุมนุมก็จะลดจำนวนลงไปด้วย…
แต่เดิมเคยมีการค้าขายสัปดาห์ละสองสามชิ้น ปัจจุบันเหลือราวสองสามสัปดาห์ต่อหนึ่งการแลกเปลี่ยน และในอนาคตอาจเหลือเพียงสามสี่เดือนต่อหนึ่งการแลกเปลี่ยน…
เดอะฟูล·ไคลน์ ยังไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้เป็นผลดีหรือเสียกับชุมนุมกันแน่ ทำเพียงพยักหน้ารับ เปิดโอกาสให้สมาชิกเข้าสู่ช่วงเวลาแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ
จัสติส·ออเดรย์รีบมองไปทางเดอะซัน·เดอร์ริค รอให้อีกฝ่ายเล่าความเปลี่ยนแปลงภายในเมืองเงินพิสุทธิ์
เดอร์ริคไม่ทำให้ ‘ความคาดหวัง’ ของหญิงสาวสูญเปล่า ต่อหน้าทุกคน เด็กหนุ่มพรั่งพรูความกังวลโดยไม่ปิดบัง
“อาวุโสโลเฟียร์ถูกปล่อยตัวแล้ว ผมเดินสวนกลับเธอในหอสมุด”
คนเลี้ยงแกะ·โลเฟียร์ถูกปล่อยตัว? สมาชิกทีมสำรวจของเธอทุกคนล้วนถูกพระผู้สร้างแท้จริงกัดกร่อนทั้งดวงวิญญาณและร่างกายจนเกิดการคลุ้มคลั่ง แล้วเป็นไปได้ด้วยหรือที่ตัวเธอจะยังปรกติ? ไม่มีทาง! หกสภาอาวุโสของเมืองเงินพิสุทธิ์กำลังคิดอะไรอยู่!
ไคลน์ต้องการพูดออกไปว่า ‘ถ้าโลเฟียร์ยังเป็นปรกติ เชิญบั่นเศียรฉันทิ้งได้เลย จากนั้นก็นำไปให้พระผู้สร้างแท้จริงเตะเล่นแทนลูกบอล!’ หรือไม่ก็คำสบถในทำนองเดียวกันที่สื่อถึงความฉงนสุดขีด แต่หลังจากไตร่ตรองสักพัก มันมองว่าการสบถคำที่มีนามของเทพแฝงอยู่ คงไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดสักเท่าไร จึงไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยวาง
ถึงการพูดบนมิติหมอกจะไม่เป็นอะไรก็เถอะ…
ชายหนุ่มถอนหายใจ
“อาวุโสโลเฟียร์ถูกปล่อยตัว? คนเลี้ยงแกะผู้นั้นน่ะหรือ?” จัสติส·ออเดรย์จดจำตัวตนเจ้าของชื่อได้ทันที
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เดอะซันยืมมืออามุนด์และพลังของมิสเตอร์ฟูลเพื่อเปิดโปงว่า หน่วยสำรวจทุกคนเกิดคลุ้มคลั่งเพราะดวงวิญญาณถูกกัดกร่อนโดยพระผู้สร้างแท้จริง และช่างบังเอิญเหลือเกินที่โลเฟียร์ หนึ่งในหกอาวุโสและหัวหน้าทีมสำรวจครั้งนั้น มีพลังอยู่บนเส้นทางเดียวกับพระผู้สร้างแท้จริง!
“ถูกต้อง” เดอะซันพยักหน้ารับ ก่อนจะมองไปทางแฮงแมนด้านข้างโดยไม่ปิดบังสีหน้ากังวล
อัลเจอร์ครุ่นคิดเล็กน้อย มอบคำตอบ
“เจ้าเมืองเพิ่งกลับมาถึงใช่ไหม”
ทำไมเขาถึงถามแบบนั้น…
เข้าใจแล้ว! การจะปล่อยตัวนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาเมืองครบทุกคน โดยเฉพาะผู้มีตำแหน่งสูงสุด จึงไม่แปลกที่จะรอจนเจ้าเมืองกลับมา…
ถ้าการปล่อยตัวนักโทษเกิดขึ้นโดยไม่รอฟังความเห็นชอบจากเจ้าเมือง นั่นหมายความว่าโลเฟียร์ไม่ใช่คนอันตราย… แต่ถ้าต้องรอให้เจ้าเมืองกลับมาถึงจึงค่อยปล่อยตัว ย่อมหมายถึง โลเฟียร์คือบุคคลอันตรายที่สามารถเป็นภัยต่อชีวิตของเดอะซันน้อย… ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เดอะซันแทบไม่เคยเล่าถึงภารกิจสำรวจ มีเพียงภารกิจของเจ้าเมืองและเด็กชายแจ็ค…
เฮ่อ… ทำไมเราถึงคิดไม่ออกในทันทีเหมือนกับมิสเตอร์แฮงแมนบ้าง! ออเดรย์ เธอยังขาดประสบการณ์อีกมาก!
จัสติส·ออเดรย์ตำหนิตัวเองพร้อมกับให้กำลังใจเสร็จสรรพ
“ใช่ครับ เพิ่งกลับมาถึงไม่นาน” เดอะซันประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินแฮงแมนเดาถูกอย่างแม่นยำ
ขณะเดียวกัน เมจิกเชี่ยน·ฟอร์สที่มีโอกาสได้ฟังเรื่องราวตั้งแต่ต้น ทำการปะติดปะต่อข้อมูล :
“มิสเตอร์ซัน ฉันคิดว่าคงเป็นแบบนี้… เจ้าเมืองของคุณพาทีมสำรวจและเด็กชายแจ็คตระเวนหาทางออกจากดินแดนอันมืดมิด แต่กลับกลายเป็นว่า เงื่อนไขที่จะทำให้ออกไปได้ พลังของพระผู้สร้างแท้จริงคือสิ่งจำเป็น หึหึ… ดิฉันมิได้คาดเดาส่งเดช แต่มีเหตุผลรองรับรัดกุม บิดาของเด็กชายแจ็คคือสมาชิกของชุมนุมแสงเหนือ พวกเขาพาเด็กชายแจ็คขึ้นเรือเพื่อตามหาอาศรมศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้สร้างแท้จริง เป็นสาเหตุว่าทำไม เมื่อเจ้าเมืองเดินทางกลับมาถึง เขาจึงรีบปล่อยตัวคนเลี้ยงแกะทันที”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง มิสเตอร์ซันกำลังตกอยู่ในอันตราย” ออเดรย์แสดงความเห็นพลางขมวดคิ้วอย่างกังวล
เดอร์ริคได้ยินเช่นนั้น สีหน้ามองดำมืดทันที
แต่ทางอัลเจอร์รีบส่ายหน้า
“ผิดแล้ว ตรงกันข้ามเลยต่างหาก จากทฤษฎีของผม เหตุผลการปล่อยตัวอาวุโสโลเฟียร์อาจคล้ายคลึงกับของมิสเมจิกเชี่ยน แต่ผมเดาว่าเดอะซันจะปลอดภัยขึ้นจากเดิม”
“เพราะเหตุใด?”
เดอร์ริคครุ่นคิด ซักถามด้วยสีหน้าฉงน
มันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่หรือ? เพื่อถ่วงดุลอำนาจ!
เดอะฟูล·ไคลน์ รีบโพล่งขึ้นภายในใจ
“หากเจ้าเมืองของคุณมีสมองสักนิด เขาย่อมทราบถึงตื้นลึกหนาบางของอันตรายจากพระผู้สร้างแท้จริงเป็นอย่างดี จึงไม่กล้าเสี่ยงเผชิญหน้าโดยตรง และหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะอาศัยพลังลึกลับบางอย่างเพื่อ ‘คานอำนาจ’ เอาไว้ ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าผู้ที่เคยถูก ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์สิงร่าง! ยิ่งอาวุโสโลเฟียร์จ้องจะทำร้ายคุณมากเพียงใด เจ้าเมืองและสภาเมืองเงินพิสุทธิ์ก็ยิ่งปกป้องคุณมากเท่านั้น สิ่งนี้จะช่วยให้ข้อสงสัยบางเรื่องในตัวคุณที่ยังไม่สะสาง ถูกมองข้ามและทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
อัลเจอร์อธิบายฉะฉาน
ฟังดูเข้าท่ามาก… ในความโชคร้าย เดอะซันก็ยังมีความโชคดีบ้างอยู่สินะ… ฟอร์สครุ่นคิด
ทฤษฎีของมิสเตอร์แฮงแมนฟังดูสมเหตุสมผลมากทีเดียว… ในเชิงการวิเคราะห์วางแผน เรายังห่างไกลจากเขาอยู่หลายขุม…
จัสติส·ออเดรย์ห่อเหี่ยว ถึงขั้นต้องการพองแก้มด้วยอารมณ์บูดบึ้ง แต่สุดท้ายก็เลือกจะเก็บไว้ในใจ เพราะนั่นเป็นกิริยาที่ไม่สง่างาม
นอกวงสนทนา เอ็มลินที่ยังไม่เข้าใจแจ่มแจ้ง แต่สามารถจับประเด็นได้บ้าง จากเรื่องราวของเด็กชายแจ็คและกระแสวังวนแห่งโชคชะตาที่ตนเคยได้ยิน จึงพอจะตามทันอยู่บ้าง
สรุปก็คือ… เพื่อให้เมืองเงินพิสุทธิ์ยังดำเนินต่อไปได้ พวกมันตัดสินใจ ‘ปล่อยตัว’ บุคคลอันตรายที่เกี่ยวกับพระผู้สร้างแท้จริงออกมา?
เอ็มลินคาดเดาในใจ
เทียมกับมันแล้ว เฮอร์มิท·แคทลียาแทบไม่เข้าใจอะไรเลยยิ่งกว่า ประหนึ่งสมาชิกคนอื่นมิได้อาศัยอยู่บนโลกใบเดียวกันกับตน
ราวกับพวกเรากำลังสนทนาในเรื่องระดับสูงเกินความเข้าใจของเรา… ความรู้สึกเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน แต่ตอนนั้นเรายังอ่อนแออย่างมาก… ในการชุมนุมทาโรต์ครั้งก่อน ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองเงินพิสุทธิ์ถูกเปิดออกมาเผยเพียงผิวเผิน แต่คราวนี้กลับเข้มข้นขึ้นอย่างกะทันหัน…
เหนือสิ่งอื่นใด ทำไมพวกเขาถึงได้เอ่ยนามพระผู้สร้างแท้จริงและ ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์ด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติเช่นนั้น? ฟังดูไม่น่าจะเป็นอามุนด์อื่นนอกเหนือจากที่เรารู้จัก… ก่อนหน้านี้ พวกเราเคยเผชิญกับอะไรมาบ้าง…
แคทลียาที่เคยมั่นใจว่าตนแข็งแกร่งและทรงปัญญากว่าใครในชุมนุม เริ่มออกอาการเสียศูนย์เป็นครั้งแรก
หลังจากได้ยินคำอธิบายจากแฮงแมน เด็กหนุ่มหน้าโล่งใจ ตามด้วยคำถามที่ยังค้างคา
“หมายความว่า… เมืองเงินพิสุทธิ์ของผมรอดพ้นจากการถูกทำลายโดยพระผู้สร้างเสื่อมทรามแล้วใช่ไหม?”
มันหวังจะได้ยินคำตอบที่ฟังแล้วชื่นใจจากแฮงแมน แต่สิ่งที่ได้ยินกลับเป็นความคลุมเครือและไม่หนักแน่น
“…ยังตัดโอกาสนั้นออกไปไม่ได้”
“แล้วผมควรทำยังไง” เดอร์ริคขอคำแนะนำ
“ตราบใดที่ยังไม่ทราบว่าเจ้าเมืองและสภาอาวุโสของพวกคุณกำลังวางแผนอะไรไว้ ผมคงมอบคำแนะนำที่ชัดเจนไม่ได้ แต่เชื่อเถอะ คุณไม่จำเป็นต้องกังวล”
เมื่อกล่าวจบ แฮงแมนหันไปมองยังเก้าอี้ประธานชุมนุม พลางจ้องเดอะฟูลของสมาชิกทุกคนอย่างเงียบงัน
เดอะซันมองตาม และพบว่ามิสเตอร์ฟูลกำลังนั่งอยู่ในมาดสง่างามเหมือนเช่นเคย
จิตใจเด็กหนุ่มพลันสงบลงอย่างน่าประหลาด ภายในใจหวนนึกถึงความช่วยเหลือระดับเทวทูตครั้งแล้วครั้งเล่าจากอีกฝ่าย
อย่ามองฉันแบบนั้น! ถึงจะเคยทำลายแผนการของพระผู้สร้างแท้จริงหลายหน แต่หากเผชิญหน้ากันตัวต่อตัว เกรงว่าคงไม่รอดตั้งแต่วินาทีแรก… ช่วงนี้คงต้องหลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรงไปก่อน…
ไคลน์ยังคงรักษามาดของผู้ฟังอย่างเงียบขรึมและลุ่มลึกเหมือนทุกที ไม่เอ่ยคำใดหรือแสดงออกเกี่ยวกับสิ่งใดเป็นพิเศษ
เดอะซัน·เดอร์ริคมองไปทางอัลเจอร์
“มิสเตอร์แฮงแมน ขอบคุณสำหรับคำแนะนำเหมือนกับทุกครั้ง ผมจะรีบสืบหาว่าสภาอาวุโสกำลังวางแผนอะไรอยู่”
เมื่อเห็นบทสนทนาใกล้จบลง เฮอร์มิทเปิดประเด็นซักถามโดยไตร่ตรองเป็นอย่างดี
“พวกคุณเพิ่งพูดถึง ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์… ดิฉันสงสัยว่าเป็นอามุนด์คนเดียวกับต้นตระกูลอามุนด์แห่งจักรวรรดิทูดอร์ในยุคสมัยที่สี่ อามุนด์ บุตรแห่งพระผู้สร้าง …ใช่หรือไม่?”
บุตรแห่งพระผู้สร้าง…?
จัสติส·ออเดรย์พลันตกตะลึงเมื่อได้ยินมาดามเฮอร์มิทเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อดังกล่าว หญิงสาวรีบหันไปมองด้านข้างตามสัญชาตญาณ และพบว่ามิสเตอร์ฟูลกำลังนั่งด้วยมาดเงียบขรึม ประหนึ่งยอมรับเป็นนัยว่า สรรพคุณของอามุนด์ที่เฮอร์มิทพรรณนานั้นถูกต้องแล้ว
……………………