ตอนที่ 614 ไม่ได้พบกันนาน คุณยังอยู่ในใจ (6) โดย Ink Stone_Romance

เย่เซียวมองเธอด้วยสายตาเย็นชาเพียงรู้สึกว่ารอยยิ้มนั่นช่างกระแทกตานัก บรรยากาศอึดอัดลงอย่างน่าแปลก กระทั่งน่าหลันยิ้มกล่าว “ได้สิ ไม่คิดว่าคุณไป๋จะเจริญอาหารขนาดนี้”

ไป๋ซู่เย่ยิ้มตอบน้อยๆ “อารมณ์ดีก็จะทานเยอะหน่อยน่ะ”

น่าหลันรีบหันกลับไปสั่งคนในห้องทันทีด้วยมาดคุณนายของบ้านอย่างเต็มที่ ไป๋ซู่เย่สบตากับเย่เซียวแวบหนึ่ง สั้นๆ เพียงหนึ่งวินาทีก็หลบสายตาหนี

ไม่มีเสียงพูดคุย

บรรยากาศเริ่มอึดอัดอีกครั้ง

“ยามาแล้ว!” จนอาชิงวิ่งลนลานมาโดยถือกล่องยาไว้

แต่เดิมอาชิงเตรียมทายาให้น่าหลันเองแต่เย่เซียวกลับรับหลอดยาไปเงียบๆ

สีหน้าเย็นชากว่าเมื่อครู่มากนัก

น่าหลันเชยตามองชายหนุ่มที่คาดเดาความคิดไม่ถูกตรงหน้าก่อนจะเผลอไปมองหญิงสาวที่นั่งทานอาหารตรงข้ามตัวเองแวบหนึ่งด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นในอก ช่างเป็นความรู้สึกที่แย่นัก

ความจริงความเงียบสงบรวมถึงความสุขทั้งหมดที่ฉายบนใบหน้าตอนนี้ล้วนเสแสร้งออกมา มีเพียงฟ้าที่รู้ว่าความจริงเธออิจฉาแทบบ้า

เมื่อคืนเย่เซียวปฏิเสธเธอแต่กลับเลือกไป๋ซู่เย่…

ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วทำไมตอนนี้ถึงอ่อนโยนกับเธอนัก? ทำให้เธออดดำดิ่งลงไปไม่ได้…

“นายท่าน ดีกับคุณน่าหลันจริงๆ เลยนะคะ” อาชิงที่ยืนข้างๆ พูดไปพลางเหลือบสายตาไปที่ไป๋ซู่เย่ไปพลาง ไม่รู้ว่าตั้งใจหรืออย่างไรจึงพูดเสียงดังกว่าเดิม “เห็นคุณน่าหลันเป็นอะไรหน่อยไม่ได้เลย แฟนทั้งหลายของคุณชายถังอิจฉาแทบตาย”

อาชิงไม่รู้จักไป๋ซู่เย่จึงรู้สึกดีต่อน่าหลันที่เข้ามาในบ้านหลังนี้ก่อน ในสายตาทุกคนของบ้านหลังนี้ยอมรับว่าน่าหลันเป็นเจ้านายของพวกเขา บวกกับหยูอันที่ย้ำแล้วย้ำอีกว่าต้องจับตาดูไป๋ซู่เย่ให้ดีเพื่อป้องกันเธอทำอะไร ฉะนั้นย่อมรู้สึกไม่ดีต่อ ‘สิ่งมีชีวิต’ ที่หน้าตาคล้ายคลึงกับคุณน่าหลันและเพิ่งเข้ามาในบ้านหลังนี้

ไป๋ซู่เย่ได้ยินคำพูดของอาชิงก็เผลอกระชับมือจับอุปกรณ์ทานอาหารแน่นขึ้น เธอไม่ได้ยินเสียงเย่เซียวแต่ได้ยินเสียงตำหนิอย่างเขินอายของน่าหลัน “เธอน่ะพูดมากจัง”

อาชิงยิ้มอย่างมีความสุข

ภาพตรงหน้าช่างอบอุ่น ไม่พูดถึงอาชิงแม้แต่ไป๋ซู่เย่ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน สร้างความไม่ชอบใจแก่ทุกคนในที่นี้

เธอพรูลมหายใจเบาๆ เพราะรู้สึกอัดแน่นเต็มอกจนหายใจแทบไม่ออก

สักพักเมื่อทานไข่ดาวคำสุดท้ายลงคอถึงเงยหน้าขึ้นพูดเสียงเรียบ “ฉันอิ่มแล้ว เชิญพวกคุณทานต่อเลย”

แล้วเบนสายตาไปทางเย่เซียวด้วยท่าทางเรียบนิ่งไร้อารมณ์ “ฉันขอตัวก่อน คุณคงไม่ว่าหรอกนะ?”

ดวงตาของเย่เซียวละจากนิ้วมือของน่าหลันไปยังเธอ

มืดมนมองไม่เห็นแววตาใดๆ

ปากบางเม้มแน่นคล้ายไม่สบอารมณ์อย่างมาก

เธอไม่ได้กวนประสาทเขา ต่อให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับตน ไป๋ซู่เย่ไม่อยากอยู่ต่อหมุนตัวคิดจะเดินออกไป

“หยุดอยู่ตรงนั้น!” เย่เซียวตวาดเสียงเย็น

น่าหลันเกร็งนิ้ว เธอหวังเหลือเกินว่าไป๋ซู่เย่จะรีบไปสักที ยิ่งหายตัวไปเร็วเท่าไรยิ่งดี!!

“กลับมานั่ง!” เย่เซียวตวาดอีกครั้ง

ไป๋ซู่เย่สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ หันหลังกลับมา “ฉันทานอาหารเช้าอิ่มแล้ว”

“นั่งลง! อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำอีกรอบ”

เธอเงียบไปชั่วขณะก่อนจะนั่งลงตามคำสั่ง อยากให้เธอนั่งลงมองพวกเขาแสดงความรักกันหรือ? ก็ดี…อย่างน้อยน่าจะช่วยเรียกสติเธอได้มากขึ้น

เย่เซียวเบี่ยงหน้าหันไปสั่งอาชิงไม่กี่ประโยค อาชิงได้ยินก็หันมามองไป๋ซู่เย่ด้วยสายตารังเกียจปนสมน้ำหน้าแล้วรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว

ไป๋ซู่เย่ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรแต่ก็ใช่ว่าในใจจะไม่สงสัย ทว่าครู่ต่อมา…เมื่ออาชิงกลับมาเธอก็เข้าใจทันที

อาชิงถือแก้วน้ำเย็นและยาสีขาวสองเม็ดบนฝ่ามือ “คุณไป๋ นี่คือยาคุมกำเนิด นายท่านให้คุณกินซะ จะได้ไม่สร้างปัญหาในอนาคต”

ใบหน้างดงามของเธอขึ้นสีซีดชั่วพริบตาเดียว

รอยยิ้มจางๆ นั่นแทบหายไปจากบนใบหน้าแต่ยังฝืนยิ้มอยู่ มองไปทางเขา “รอบคอบมาก แต่ต่อให้คุณไม่เตรียมไว้ ฉันเองก็ไม่มีทางลืม”

สายตาของเย่เซียวเย็นยะเยือกปานน้ำแข็งและคมเฉี่ยวเหมือนปลายมีดอันแหลมคม

รอยยิ้มของเธอท้าทาย ยกแก้วน้ำดื่มลงไปอย่างไม่ลังเลใดๆ

………………………………

ออกมาจากบ้านของเย่เซียวไป๋ซู่เย่ก็มุ่งหน้าไปที่กระทรวงความมั่นคงทันที โชคดีที่ห้องทำงานมีชุดเครื่องแบบให้เปลี่ยน เธอเปลี่ยนเป็นชุดเครื่องแบบตัวสะอาดเสร็จก็พันผ้าพันคอให้ตัวเองซึ่งพอจะปกปิดร่องรอยที่เย่เซียวหลงเหลือไว้ได้บ้าง

ตอนนี้ยังรู้สึกใจสั่นยามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน

ความเจ็บนั้น…

ไม่อยากย้อนคิดถึงมันเลยจริงๆ

เธอไม่รู้ว่าเย่เซียวจะต้องการตัวเองอีกครั้งเมื่อไร แต่ว่า…มีน่าหลันอยู่ด้วย คงไม่ต้องการตัวเธอสักพักหนึ่ง!

ทั้งที่เธอควรดีใจแท้ๆ แต่หน้าอกกลับบีบรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก

ยิ้มขมขื่น

อึดอัดอะไรกัน?

ไป๋ซู่เย่ อย่าลืมเชียวว่าที่ยอมสานสัมพันธ์กับเขาในครั้งนี้เพราะต้องการจบความสัมพันธ์กับเขาอย่างสิ้นเชิง…

หนึ่งเดือนหลังจากนี้ จะไม่มีการพัวพันกันอีกต่อไป…

“รัฐมนตรี” ชั่วขณะนั้นประตูห้องทำงานถูกเคาะจากด้านนอก ไป๋หลางผลักประตูเข้ามา “เราได้รับข่าวเกี่ยวกับองค์กรความรุนแรง ET ตอนบ่ายสองจะมีงานแถลงข่าวระดับนานาชาติ อธิบดีบอกว่าให้คุณแถลงด้วยตัวเอง”

“ฉันรู้แล้ว พวกนายไปเตรียมตัวไป” ไป๋ซู่เย่พยักหน้ารับอย่างหนักแน่น เรื่องเจาะข้อมูลนี้เธอได้ข่าวมาโดยตลอดเช่นกัน ย่อมต้องให้เธอที่เป็นผู้รู้ดีที่สุดออกคำแถลง

…………………………

ในห้องประชุมใหญ่เริ่มมีคนเข้ามากันมาก เหล่านักข่าวต่างรอคอยอย่างคาดหวัง

บ่ายสองตรงประตูสีทองอร่ามถูกผลักเข้ามาจากด้านนอกโดยคนชุดดำกลุ่มหนึ่งที่ใส่หูฟัง ค่อยๆ เดินเข้ามาในงาน ภายใต้การคุ้มครองของพวกเขามีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบสีกรม ย่ำเท้าเดินอย่างหนักแน่นเข้ามาในห้องอย่างสง่าผ่าเผย

เสียงกดชัตเตอร์ ‘แชะ’ ‘แชะ’ ดังสนั่นรวมถึงแสงแฟลชที่ทำเอาแทบลืมตาไม่ขึ้น เธอยืนอยู่บนตำแหน่งประธาน กล่าวคำปราศรัยด้วยความไหลลื่นชำนาญการ โดยชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ เจ้าตัวโดดเด่นท่ามกลางสายตาผู้คนเป็นอย่างมาก

งานยาวนานประมาณสองชั่วโมง หญิงสาวคงท่าทางสง่าและรอยยิ้มอยู่เสมอ ดูสดชื่นเรียกให้คนมองตาวาว

หลังจบงานเตรียมกลับก็ถูกนักข่าวรุมล้อมขวางทางออก

“คุณไป๋ ขอสัมภาษณ์สั้นๆ ได้ไหมคะ? เรามาจากสำนักรายงานข่าวประเทศ ก่อนหน้าได้ติดต่อคุณล่วงหน้านานแล้วแต่คุณไม่มีเวลาตอบรับเราเลย”

“ขอโทษครับ รัฐมนตรีของเรายุ่งมาก ยังมีงานอื่นต่อครับ!” ไป๋หลางขวางนักข่าวที่ตามมาติดๆ

แต่นักข่าวตามไปอย่างไม่ยอมแพ้

ความจริงช่วงบ่ายไป๋ซู่เย่ไม่มีงานอะไรมากจึงหยุดก้าวเดินยอมให้สัมภาษณ์กับพวกเขา

……………………

อีกฟากหนึ่งในห้องหนังสือ

เย่เซียวเปิดโทรทัศน์ดูการถ่ายทอดสดงานแถลงข่าวจากกระทรวงความมั่นคงตามเวลาบ่ายสองตรง

ไป๋ซู่เย่ปราศรัยบนตำแหน่งประธานของโต๊ะประชุมในสภาพที่สวยงามเฉกเช่นปกติ ท่าทางนอบน้อมไม่หยิ่งยโส ถ่ายทอดมุมมองความคิดได้เป็นระเบียบชัดเจน เธอเป็นผู้ปราศรัยที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งอย่างแท้จริง

…………………………………………