โหยหา

 

 

 

เซียวจิ่งสือรู้สึกผิดปกติ จึงเดินเข้าไปหาหลินหว่าน เซียวจิ่งสือพบว่าหลินหว่านกำลังบ่นพึมพำอะไรเบาๆ อยู่คนเดียว เธอก้มศีรษะต่ำดูไปแล้วเศร้ามาก

 

 

“หลินหว่าน คุณเป็นอะไรไป” เซียวจิ่งสือชักว้าวุ่นใจขึ้นมา

 

 

หลินหว่านเงยหน้าขึ้นมองเซียวจิ่งสือ เธอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ในหัวสมองเธอมีแต่การแสดงในหนังที่ถ่ายทำในหลายวันมานี้ และเธอเองก็ดูเหมือนจะอินกับบทบาทพวกนั้นเสียจนออกมาไม่ได้

 

 

“การแสดงหนังเรื่องนี้ทำให้คุณเครียดมากไปหรือเปล่า คุณอยากแสดงบทนี้ให้ดี แต่ดูเหมือนคุณจะสวมบทจนกลายเป็นตัวละครในหนังไปแล้ว หลินหว่าน คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ วันนี้เราหาเวลาไปพบจิตแพทย์กันเถอะ!” เซียวจิ่งสือปลอบหลินหว่าน ด้วยเกรงว่าหากพูดผิดสักคำเธอจะอารมณ์แปรปรวนขึ้นมา

 

 

หลินหว่านขมวดคิ้วพูดเสียงห้วนว่า “ไม่มีอาการทางจิตอะไรทั้งนั้น ฉันไม่อยากไป”

 

 

เซียวจิ่งสือค่อยพบว่าสิ่งที่อวิ๋นซีพูดนั้นถูกต้อง หลินหว่านมีอารมณ์เปลี่ยนไปมากจริงๆ เพราะแสดงหนังเรื่องนี้ หลังแสดงเสร็จแล้วมักติดอยู่กับบทบาทของตัวละครในเรื่องออกมาไม่ได้

 

 

“หลินหว่าน ผมไม่ได้บอกว่าคุณป่วยมีอาการทางจิต แต่ผมเห็นว่าคุณดูไม่ค่อยดีนัก อย่างนี้จะกระทบกับงานของคุณได้นะ ผมว่าพวกเราน่าจะไปเสริมความรู้ด้านสุขภาพจิต คุณไม่รู้ตัวหรือว่าระยะนี้คุณมีอารมณ์แปรปรวนรุนแรงเอามากๆ นะ” เซียวจิ่งสือพูดเสียงนุ่มนวลอย่างปลอบประโลม

 

 

หลินหว่านรู้สึกเหมือนสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝัน การได้รับฟังคำพูดของเซียวจิ่งสือทำให้เธอพบว่าหลายวันมานี้ตัวเธอเองมีบางคราวที่จู่ๆ ก็จมดิ่งเข้าสู่บทบาทของตัวละครแล้วหาทางออกมาไม่ได้ อารมณ์ก็ไม่ดีเอามากๆ อันที่จริงหลังจากเพิ่งแสดงบทบาทที่ต้องใช้อารมณ์รุนแรงเสร็จ ก็ยิ่งมีอาการเช่นนี้

 

 

“ตกลงค่ะ ฉันจะไปพบที่ปรึกษาด้านจิตวิทยาดูก็ได้ แต่หนังเรื่องนี้ใกล้จบแล้ว ฉันเกรงว่าจะสูญเสียภาวะที่เข้าถึงบทบาทไป ดังนั้นรอให้หนังเรื่องนี้ถ่ายทำเสร็จแล้วฉันจะไปพบจิตแพทย์ค่ะ” หลินหว่านมองดูเซียวจิ่งสือแล้วพูดขึ้น

 

 

ถึงแม้เซียวจิ่งสือจะเป็นห่วงหลินหว่านมากกว่า แต่เขาก็รู้จักนิสัยของหลินหว่านเป็นอย่างดีว่า ถ้าตัดสินใจอะไรลงไปแล้วเปลี่ยนได้ยากมาก ดังนั้นเขาจึงรับปากเธอ

 

 

วันต่อมาหลินหว่านรีบกลับเข้ากองถ่ายไปเข้าฉาก เธอมักจะเข้าถึงบทบาทได้เป็นอย่างดีเสมอ จากนั้นแสดงทุกฉากได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผู้กำกับก็ชื่นชมเธออย่างมาก บอกว่าเธอเก่งขึ้นอย่างน่าตกใจ เมื่อมีนักแสดงที่เก่งและมีความรับผิดชอบอย่างหลินหว่าน การถ่ายทำของหนังเรื่องนี้จึงรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว

 

 

ระหว่างการถ่ายหนังหลินหว่านก็หยิบหนังของแม่เธอออกมาดูอยู่เสมอเพื่อค้นหาการเข้าถึงบทบาทของตัวละคร ทุกครั้งที่ดูเธอมักจะรับรู้ความรู้สึกได้อย่างลึกล้ำเสมอ

 

 

หลินหว่านรู้สึกประหลาดใจอย่างมากต่อเรื่องทั้งหมดที่แม่ของเธอต้องเจอมาก่อนหน้านี้ เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนเธอไม่อยากเข้าไปสัมผัสรับรู้เลย แต่ตอนนี้ความอยากรู้คอยกระตุ้นเรียกร้องเธออยู่ตลอดเวลา

 

 

นั่นเป็นตอนที่เธอถ่ายฉากหนึ่งเสร็จ หลินหว่านกลับถึงห้องพัก ช่วงเวลาที่เธอคิดวนเวียนถึงแต่เรื่องราวในหนังไม่หยุด แม้ว่ากำลังจะพักผ่อน เธอก็ยังเปิดหนังของแม่ขึ้นมาดูเสมอ

 

 

ในที่สุดหลินหว่านก็ทนอดกลั้นต่อไปไม่ได้ เธอค้นดูข่าวเกี่ยวกับแม่ของเธอก่อนหน้านั้น เธอพบว่าทางด้านการแสดงแล้วแม่เคยได้รับคำชมเชยจากผู้คนมากมาย และแม่ยังมีพรสวรรค์มากอีกด้วย แม่ยังเป็นที่รักหลงใหลของผู้คนทั้งวงการ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในภายหลังทำให้หลินหว่านไม่กล้าคิดจินตนาการ

 

 

หลินหว่านรู้ว่าตอนที่แม่ออกจากวงการบันเทิงนั้นจบไม่ดีนัก เธออยากอ่านข่าวร้ายที่เกิดขึ้นภายหลัง แต่เกรงว่าจิตใจจะทนรับแรงกดดันไม่ไหว ทั้งที่เธออยากจะรู้เรื่องของแม่ แต่กลับไม่กล้าจะพลิกดูข่าวถัดลงไป

 

 

“อวิ๋นซี เธอช่วยมาที่นี่หน่อยได้ไหม คืนนี้ฉันอยากให้เธอช่วยอยู่เป็นเพื่อนกับฉันน่ะ” หลินหว่านโทรหาอวิ๋นซี

 

 

ไม่นานนักอวิ๋นซีก็รีบมาที่ห้องพักของหลินหว่าน เธอรู้ว่าระยะนี้หลินหว่านอารมณ์ไม่ดีนัก ดังนั้นช่วงนี้ไม่ว่าหลินหว่านต้องการอะไร อวิ๋นซีมักจะยอมให้เธอเสมอ

 

 

“ทำไมล่ะ หลินหว่าน นอนไม่หลับเหรอ ไม่เป็นไรนะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง” อวิ๋นซีเดินเข้ามาในห้องหลินหว่าน

 

 

หลินหว่านส่ายหน้าไม่ตอบ อวิ๋นซีพบว่าตรงหน้าเธอกำลังฉายหนังของแม่หลินหว่าน เธอพอจะคาดเดาได้จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก นั่งเป็นเพื่อนอยู่ข้างกายหลินหว่านเงียบๆ เธอกลัวว่าถ้าพูดผิดสักประโยคจะไปกระทบเข้ากับแผลใจของหลินหว่าน

 

 

หลินหว่านเห็นว่าอวิ๋นซีมาแล้วก็ผ่อนคลายลงไปมาก และรู้สึกถึงสายใยแห่งความปลอดภัย เธอจึงตัดสินว่าจะดูข่าวแง่ลบของแม่ ซึ่งข่าวพวกนี้ที่ผ่านมาเธอไม่ยอมเผชิญกับมันมาก่อน

 

 

หลินหว่านอ่านดูข่าวตอนที่แม่ใกล้จะออกจากวงการ คำวิจารณ์กลายเป็นคำด่าทอแสนร้ายกาจ คืนนั้นเมื่อนึกถึงตัวเองที่เคยถูกทำร้ายจากข่าวลือ เทียบกับการประณามหยามเหยียดที่แม่ได้รับแล้ว เรื่องของเธอก็ถือว่าเบามากเลย หลินหว่านนึกเห็นภาพได้เลยว่าตอนนั้นแม่จะเสียใจมากขนาดไหน

 

 

ทรวงอกหลินหว่านอัดแน่น เธอไม่อยากดูเรื่องของแม่อีก ด้วยกลัวว่าตัวเองจะเสียใจ แต่เธอยังจับพลิกข่าวของแม่อยู่ไปมา เธออดไม่ได้ที่จะไม่ดูว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น อดไม่ได้ที่จะไม่ดูความเจ็บปวดแสนสาหัสที่แม่ต้องทนแบกรับเอาไว้

 

 

“หลินหว่าน อย่าดูเลยนะ รีบเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้เธอยังต้องไปถ่ายหนังอีกนะ อย่าลำบากเกินไปนักเลย” อวิ๋นซีรู้สึกว่าอารมณ์ของหลินหว่านผิดเพี้ยนขึ้นเรื่อยๆ จึงแอบปรายตามองมือถือของเธอ แล้วก็พบว่าหลินหว่านกำลังอ่านข่าวที่เคยเป็นข่าวฉาวของแม่เธอ

 

 

นั่นทำให้อวิ๋นซีรู้สึกตื่นกลัวในที่สุด ด้วยความเข้าใจของเธอที่มีต่อหลินหว่าน หลินหว่านจะไม่ไปเปิดปากแผลเรื่องแม่ของเธอแน่ มันทำให้จิตใจของเธอทนรับไม่ไหว แต่ตอนนี้หลินหว่านเปิดข่าวของแม่ออกมาดูแล้ว อวิ๋นซีคิดว่าตอนนี้หลินหว่านคงต้องเสียใจมากแน่

 

 

“อวิ๋นซี ช่วยฉันหาหน่อยสิ รูปถ่ายแม่ของฉันตอนออกจากวงการ ฉันอยากทำความเข้าใจสักหน่อย และอยากจะเห็นเธอด้วย สภาพในตอนนั้นน่ะ” หลินหว่านพูดเสียงเบา นัยน์ตารื้นไปด้วยน้ำตา

 

 

อวิ๋นซีรู้สึกปั่นป่วนไปหมด เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี จะช่วยหลินหว่านค้นหารูปถ่ายดีไหม ถ้าหลินหว่านได้เห็นแล้วใจสลาย ก็จะเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก

 

 

“อย่าดูเลย เอาไว้ทีหลังนะ เธอพักผ่อนก่อนเถอะ” อวิ๋นซีพูดอย่างระมัดระวังเต็มที่ คอยสังเกตสีหน้าของหลินหว่านตลอด

 

 

“อย่าพูดเหลวไหลน่า รีบหามาให้ฉัน ฉันจะดูตอนนี้แหละ” เสียงของหลินหว่านถึงจะเบามาก แต่น้ำเสียงเย็นเฉียบเป็นน้ำแข็ง

 

 

อวิ๋นซีมองดูท่าทีของหลินหว่านแล้วรู้ว่าเธอไม่มีทางปฏิเสธ อวิ๋นซีค้นหาภาพถ่ายของแม่หลินหว่านในตอนที่เธอถอนตัวจากวงการได้ภาพหนึ่ง

 

 

“เอ้านี่ เธออย่าคิดมากเกินไปล่ะ” อวิ๋นซีวางภาพลงตรงหน้าหลินหว่าน พูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง

 

 

หลินหว่านรับเอาไป มองดูแววตาสิ้นหวังของแม่ นึกถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายที่แม่เคยต้องเจอมา ต้องรองรับกับแรงกดดันที่มากมายขนาดนั้น แม่คงต้องเผชิญกับช่วงเวลาของความสิ้นหวังมาก่อนเป็นแน่

 

 

ในหัวสมองของหลินหว่านหวนคิดกลับไปกลับมาเรื่องของแม่ทั้งหมด สายตาจ้องจับอยู่ที่รูปถ่ายใบนั้น จิตใจเจ็บปวดรวดร้าวแทบขาดใจ จนหลินหว่านสุดจะทน ปล่อยเสียงโฮออกมาดังลั่น น้ำตาไหลพรากหยดหยาดลงบนพื้น

 

 

อวิ๋นซีเห็นหลินหว่านร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาแบบนี้ ก็มือไม้สั่นจนทำอะไรไม่ถูก อวิ๋นซีเดาว่าหลินหว่านเสียใจเพราะแม่ แต่คิดไม่ถึงว่าหลินหว่านจะน้ำตาแตกขนาดนี้ อวิ๋นซีคิดว่าตอนนี้วิธีที่จะปลอบใจหลินหว่านได้ดีที่สุดก็คือการนั่งนิ่งๆ เป็นเพื่อนอยู่ข้างเธออย่างเงียบสงบ