ตอนที่ 559 ทำตามหน้าที่

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 559

ทำตามหน้าที่

“พี่เฟย ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน”เมื่อรถของหลานฮวามาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง อยู่ๆร่างของหญิงสาวอายุใกล้เคียงกับหลินเฟยก็เดินออกมาจากบ้านด้วยท่าทีดีใจอย่างมากแถมนางยังตรงเข้ามากอดแขนของหลินเฟยเอาไว้อีกต่างหากชนิดว่าหากที่นี่เป็นอาณาจักรไป๋ละก็มีหวังฝ่ายหญิงได้โดนพ่อแม่ของตนเองต่อว่าแล้วแน่ๆ

“ร็อกแซนน์ สบายดีหรือเปล่า”หลินเฟยถามพลางยิ้มด้วยท่าทีทางใจดี ใบหน้างดงามเสียยิ่งกว่าหญิงสาวของหลินเฟยนั้นดูแล้วช่างให้ความรู้สึกแปลกประหลาดจริงๆ นอกจากจะดูเป็นชายหนุ่มผู้หล่อเหลาแล้วยังสามารถมองเป็นพี่สาวแสนงามได้อีกด้วย ทำเอาเหล่าสาวๆพากันชื่นชมกันถ้วนหน้า

“สบายดีเจ้าค่ะ พี่เฟยท่านหายไปไหนมาตั้งนาน ข้านึกว่าท่านลืมสัญญาของเราแล้วซะอีก”ร็อกแซนน์พูดพลางมองหลินเฟยด้วยดวงตาเป็นประกาย

“ข้าจะลืมได้อย่างไรกัน วันนี้ข้ามาหาเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ”หลินเฟยว่าพลางยิ้มด้วยท่าทีอบอุ่น ทำให้อารมณ์งอนเล็กๆของร็อกแซนน์หายไปทันที

“พี่เฟยละก็ พูดแบบนี้ข้าก็ดีใจแย่เลยสินะเจ้าคะ”ร็อกแซนน์ตอบพลางก้มหน้าลงด้วยท่าทีเขินอาย

“เห็นเจ้าดีใจเช่นนี้ก็นับว่าคุ้มค่าแล้วที่ข้าเฝ้ารอวันที่จะมาหาเจ้าให้ได้”หลินเฟยตอบด้วยรอยยิ้มราวกับเทพธิดาทำเอาร็อกแซนน์แทบจะเป็นลมให้ได้

“…….”ตรงกันข้ามกับร็อกแซนน์ หลานฮวาที่นั่งฟังอยู่ข้างๆนั้นขนลุกวูบทันทีที่ได้ยินประโยคเช่นนี้ สำหรับหญิงสาวอ่อนโลกคำพูดเช่นนี้ก็คงทำให้พวกนางดีใจจนเนื้อเต้นได้หรอก โดยเฉพาะเป็นคำพูดที่มาจากชายหนุ่มรูปงามอย่างหลินเฟยแล้วด้วย

“มาเถอะร็อกแซนน์ ข้าได้ยินมาว่าที่อาณาจักรโรเน่มีทะเลสาบแห่งหนึ่งงดงามมาก ข้าอยากจะพาเจ้าไปเที่ยวชมที่นั่นจริงๆ”หลินเฟยยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อให้ร็อกแซนน์จับก่อนจะพานางขึ้นรถราวกับอัศวินกำลังพาเจ้าหญิงเดินทางมีผิด

“ทะเลสาบงั้นหรือ มันไกลอยู่นะ”หลานฮวาถามพลางเริ่มออกรถทันที

“เพราะแบบนั้นข้าถึงได้ติดต่อขออสูรบินเอาไว้แล้วไงล่ะ”หลินเฟยตอบพลางโอบร่างของร็อกแซนน์ที่นั่งอยู่เบาะหลังกับตนเอาไว้

“อสูรบินหรือเจ้าคะ ท่านจะพาข้าขี่อสูรบินไปหรือเจ้าคะ”ร็อกแซนน์ได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจจนออกนอกหน้า นางไม่ใช่ลูกคนรวยอะไร ทำให้การขี่อสูรบินเป็นเรื่องไกลตัวมาก พอบอกว่าหลินเฟยจะพานางเดินทางด้วยอสูรบินจึงได้มีท่าทีดีใจเช่นนี้ยังไงล่ะ

“ใช่ พอถึงเมืองหลวงแล้วเราจะนั่งอสูรบินไปกัน”หลินเฟยตอบพลางยิ้มให้ร็อกแซนน์ด้วยท่าทีสบายๆ เพราะเงินจ้างอสูรบินนั้นเป็นเงินเพียงเล็กน้อยสำหรับหลินเฟยเท่านั้น

ตัวหลินเฟยเข้าไปช่วยงานรูบี้ตั้งแต่เด็ก แถมยังเอาเงินไปร่วมลงทุนกับท่านน้าไป๋จูล่งอีกต่างหาก ทำให้สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้หลินเฟยสะสมเงินได้ไม่น้อยเลย แถมหลินเฟยยังไม่รังเกียจที่จะใช้เงินของครอบครัวด้วย เพราะตระกูลไป๋มีเงินเยอะจนไม่ทราบจะเอาไปทำอะไรเสียแล้ว หลินเฟยช่วยใช้เสียหน่อยก็ถือว่าช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวได้ทางหนึ่งเลยเชียวนะ

.

.

“พี่เฟย มันงดงามมากเลยเจ้าค่ะ”ร็อกแซนน์ที่กำลังขี่หลังของมังกรบินอยู่นั้นใช้ดวงตาสีเขียวแต่เกิดของตนเองมองไปรอบๆด้วยท่าทีตื่นเต้น

“เจ้าเองก็งดงามไม่ต่างกันเลย”หลินเฟยพูดพลางมองไปทางร็อกแซนน์นิ่งไม่เปลี่ยนเป้าหมายไปทางอื่น แม้จะดูเหมือนพูดชมเกินจริงไปหน่อย แต่ร็อกแซนน์นั้นก็เป็นสาวงามจริงๆตามที่หลินเฟยพูด นางมีเส้นผมสีน้ำตาลเป็นลอนน้อยๆกับดวงตาสีเขียวเหมือนมรกต ท่าทีใสซื่อของนางนั้นน่าจะทำให้ชายหนุ่มหลงใหลได้ไม่ยากเย็นเลย

“พี่เฟย ท่านละก็….”ร็อกแซนน์ที่นั่งอยู่ข้างๆหน้าแดงขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำชมอย่างจริงจังของหลินเฟย

“อย่าเอาแต่จ้องข้าสิ เรามาถึงทะเลสาบแล้วนะ”หลินเฟยว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีขำๆ ในสายตาของร็อกแซนน์แล้วภาพของหลินเฟยที่มีทิวทัศน์อันงดงามอยู่เบื้องหลังก็งดงามมากเช่นกันทำเอานางเผลอจ้องไม่เลิกเลย

“งะ งั้นหรือเจ้าคะ”ร็อกแซนน์ตอบด้วยท่าทีอายๆก่อนจะมองลงไปเบื้องล่างอีกครั้ง แต่เมื่อมองลงไปข้างล่างร็อกแซนน์ก็พบเข้ากับทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีสวนดอกไม้ปลูกอยู่เต็มรอบทะเลสาบไปหมด แถมยังมีบ้านพักจำนวนหนึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆอีกด้วย สำหรับนางแล้วภาพเช่นนี้ราวกับภาพในฝันเลย

น่าเสียดาย แต่สำหรับหลินเฟยแล้วภาพเช่นนี้หาดูได้ไม่ยากเลย ทะเลสาบแบบนี้ยังงดงามไม่เท่าในเขตอสูรผาไร้ก้นเสียด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อร็อกแซนน์มีความสุขหลินเฟยก็ดีใจแล้ว

“นี่มัน ยอดเยี่ยมมากเลยเจ้าค่ะ”ร็อกแซนน์พูดพลางมองไปทางหลินเฟยด้วยท่าทีตื้นตัน นางเพียงบ่นให้หลินเฟยฟังเท่านั้นว่าอยากจะลองมาเที่ยวที่อาณาจักรโรเน่สักครั้ง ไม่คิดเลยว่าหลินเฟยจะรับปากแล้วพาตนเองมาจริงๆ

“ยังมีที่ยอดเยี่ยมกว่านี้อีกนะ”หลินเฟยยิ้มพลางบอกให้หลานฮวาบังคับให้มังกรลงไปจอดที่ริมทะเลสาบ ก่อนจะพาร็อกแซนน์ลงไปยืนที่ริมทะเลสาบ ยามนี้เป็นเวลาบ่ายเพราะการเดินทางมาอาณาจักรโรเน่นั้นต้องใช้เวลา แม้จะมีทั้งรถทั้งมังกรบินก็ตาม แต่เพราะแบบนั้นกลับทำให้บรรยากาศยามบ่ายเช่นนี้ทำให้ทะเลสาบดูสงบขึ้นมากแม้จะมีเหล่านักท่องเที่ยวพากันมาเที่ยวด้วยเช่นกัน

“ข้าจะไปหาที่พักนะ”หลานฮวาพูดด้วยท่าทีรู้งานก่อนจะบอกให้อสูรมังกรเปลี่ยนร่างเป็นคนเสียเพราะชาวอาณาจักรโรเน่ไม่คุ้นชินกับอสูรเท่าไหร่

“บรรยากาศแบบนี้น้าพายเรือเล่นเหมือนกันนะเจ้าคะ”ร็อกแซนน์พูดพลางมองทะเลสาบด้วยท่าทางชื่นชม

“ไม่เห็นต้องใช้เรือนี่นา”หลินเฟยตอบพลางเดินลงไปในทะเลสาบทันที แต่แทนที่เท้าของหลินเฟยจะจมลงไปในน้ำ ตัวมันกลับยืนอยู่เหนือน้ำแทนเสียอย่างนั้น

“มาสิ”หลินเฟยยื่นมือไปให้ร็อกแซนน์พลางยิ้มออกมาด้วยใบหน้าอ่อนโยน

“พี่เฟย ข้าไม่ได้เป็นผู้ใช้พลังรูนเหมือนท่านนะเจ้าคะ”ร็อกแซนน์ตอบพลางหัวเราะออกมาน้อยๆ

“จับมือข้าเอาไว้สิ”หลินเฟยตอบด้วยรอยยิ้มที่ดูมั่นใจมาก ทำให้ร็อกแซนน์กะพริบตาปริบๆพลางเอื้อมมือไปจับมือหลินเฟยเอาไว้ พริบตานั้นความรู้สึกอบอุ่นก็แล่นเข้ามาในมือของร็อกแซนน์ทันที ก่อนที่หลินเฟยจะ…

“ว้าย….”ร็อกแซนน์เผลอหลุดเสียงร้องออกมาเมื่อโดนหลินเฟยดึงตัวลงไปในทะเลสาบ แต่ถึงจะโดนดึงลงไปแล้วตัวนางกลับไม่ได้รู้สึกเปียกเลยแม้แต่น้อย แถมยังไม่รู้สึกเหมือนหลินเฟยจะอุ้มตนเองไว้อีกต่างหาก

“นี่มัน…”ร็อกแซนน์ลืมตาขึ้นมองด้วยท่าทีตกใจ และเมื่อมองเห็นนางก็ยิ่งเห็นภาพชัดว่าตนเองกำลังยืนอยู่เหนือน้ำเหมือนพวกผู้ใช้พลังรูนไม่มีผิด

“เดินเล่นแบบนี้ก็ไม่เลวใช่ไหมล่ะ”หลินเฟยยิ้มพลางกุมมือของร็อกแซนน์เอาไว้แน่น แม้นางจะไม่ใช่ผู้ใช้พลังรูนหรือผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณก็เข้าใจได้ไม่ยากว่าตัวหลินเฟยนั้นกำลังส่งพลังมาในนางและทำให้นางสามารถยืนบนน้ำได้เหมือนกันนั่นเอง

“วิเศษมากเลยเจ้าค่ะ”ร็อกแซนน์ตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้น การเดินบนน้ำเช่นนี้ช่างเป็นประสบการณ์แปลกใหม่และหาได้ยากจริงๆ ยิ่งได้จับมือกับหลินเฟยแล้วร่วมเดินไปด้วยกันก็ยิ่งทำให้ร็อกแซนน์ใจเต้นเข้าไปใหญ่ การได้อยู่ด้วยกันเช่นนี้ทำให้เวลาผ่านไปไวเสียเหลือเกิน

“เริ่มค่ำซะแล้วสิ”หลังจากเดินเล่นในทะเลสาบและพูดคุยเรื่องต่างๆแล้ว รู้สึกตัวอีกทีท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีส้มไปเสียแล้ว

“น่าเสียดายจังเลยนะเจ้าคะ”ร็อกแซนน์ตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา นางอยากให้ช่วงเวลานี้ยืดออกไปให้มากๆแท้ๆ

“วันนี้ยังไม่จบเสียหน่อย”หลินเฟยว่าพลางพาร็อกแซนน์ขึ้นฝั่ง ก่อนจะพาไปที่ร้านอาหารริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง ก่อนจะพาร็อกแซนน์ไปนั่งที่โต๊ะริมระเบียงที่หลานฮวามาจองเอาไว้ให้แล้ว แน่นอนว่าหลานฮวาไม่ได้อยู่เป็นก้างขวางคอแต่อย่างไร ปล่อยให้ทั้งสองได้ทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นกันอย่างดื่มด่ำ

“……”ร็อกแซนน์ที่กำลังทานอาหารร่วมกับหลินเฟยอยู่นั้นรู้สึกราวกับตนเองกำลังฝันไปไม่มีผิด ยามนี้เหล่าหญิงสาวรอบข้างต่างมองมาที่นางด้วยท่าทีอิจฉาแน่นอนว่าก็มีสายตาหนุ่มๆบางคนที่มองมาทางพวกตนด้วยความเข้าใจผิดด้วยเช่นกัน แต่เรื่องนั้นนางไม่สนใจหรอก

“อาหารอร่อยหรือเปล่า”หลินเฟยถามพลางยิ้มออกมากับท่าทีเหม่อๆของร็อกแซนน์

“อร่อยมากเจ้าค่ะ”ร็อกแซนน์ตอบด้วยท่าทีอายๆ ก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มด้วยท่าทีขัดเขิน ยิ่งเวลาพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วแสงเทียนที่จุดเอาไว้ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศดีขึ้นไปอีก

.

.

ตุบ….

เมื่อออกมาจากร้านอาหาร จุดหมายปลายทางของทั้งสองก็คือบ้านพักริมทะเลทราบที่หลานฮวามาจองเอาไว้ให้ก่อนเช่นกัน แต่ถึงบ้านพักจะมีห้องพักหลายห้อง แต่หลานฮวาก็ไม่อยู่พักที่บ้านหลังนี้แต่อย่างไร และร็อกแซนน์ก็ไม่คิดจะไปพักห้องอื่นในบ้านเช่นกัน

“มีอะไรงั้นหรือ”หลินเฟยถามพลางมองร็อกแซนน์ที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง นางยิ้มและมองมาทางหลินเฟยที่กำลังปลดกระดุมเสื้อของตนอยู่

“เปล่าเจ้าค่ะ”ร็อกแซนน์ยิ้มด้วยท่าทางเขินอาย ก่อนจะมองหลินเฟยต่อด้วยท่าทีเคลิบเคลิ้ม

“เจ้ามองมากไปแล้วนะ”หลินเฟยว่าพลางเดินเข้าไปหาร็อกแซนน์ช้าๆก่อนจะก้มลงจูบไปที่ริมฝีปากของร็อกแซนน์เบาๆ แล้วเริ่มผลักร่างของร็อกแซนน์ให้นอนลงกับเตียงในทันที…..

.

.

.

“พี่เฟย…วันนี้ขอบคุณมากนะเจ้าคะ”ร็อกแซนน์ที่ถูกพามาส่งที่บ้านแล้วพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นางดูมีความสุขมากทีเดียวที่ไปกับหลินเฟยในคืนที่ผ่านมา

“ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”หลินเฟยว่าพลางโบกมือลาร็อกแซนน์จนนางเข้าบ้านไป ก่อนจะเดินกลับมาที่รถของตนเอง

“แล้ว….”หลานฮวาถามสั้นๆพลางมองมาทางหลินเฟยนิ่ง

“รอบนี้ท่านน้าอยู่ไชน์ตั้งหลานวัน งั้นเราไปต่อกันดีกว่า”หลินเฟยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายๆ

“เฮ้อ เจ้านี่นะ……แล้วคนไหนล่ะ”หลานฮวาถามด้วยท่าทีเรียบเฉยราวกับคุ้นเคยไปเสียแล้ว

“จริงสิ ข้าสัญญากับโรเซ็ตต้าเอาไว้ว่าจะพานางไปซื้อเครื่องประดับนี่นา”หลินเฟยตอบพลางทำท่าเหมือนพึ่งนึกออก

“โรเซ็นต้าอยู่ที่เมืองท่าไม่ใช่หรือไง ถ้ากะเวลาไม่ดีชิวซุยจะโกรธเอานะ”หลานฮวาถามด้วยท่าทีลังเล เวลาชิวซุยโกรธน่ากลัวใช้เล่นเลยนะ

“ทันสิ ข้าคำนวณไม่พลาดหรอก”หลินเฟยตอบพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทีมั่นใจ

“เจ้าเด็กเจ้าชู้”หลานฮวาแซวพลางออกรถด้วยท่าทีช่วยไม่ได้