“ขอบคุณท่านหัวหน้าใหญ่..”
หลังจากเสร็จภารกิจแล้วหลิงหยุนก็เดินออกจากศูนย์บัญชาการของแก๊งมังกรเขียวไป สมาชิกที่อยู่ด้านหลังต่างก็พากันยืนโค้งคำนับทำการคาราวะหลิงหยุนด้วยความเคารพศรัทธา..
“อาปิง..การดูแลคนหมู่มากต้องมีทั้งให้รางวัลและทำโทษ นายได้ยินคำพูดที่ว่าไม่มีผลประโยชน์ ย่อมไม่มีผลงานบ้างมั๊ย หากนายไม่ให้ผลประโยชน์กับพวกเขา ใครบ้างจะยินดีทำงานแบบมอบกายถวายชีวิตให้กับนาย?”
ระหว่างที่หลิงหยุนก้าวขึ้นไปนั่งบนรถนั้นก็ได้กระซิบบอกอาปิงเสียงเบา..
อาปิงเพียงแค่ยิ้มและได้แต่คิดว่า.. ‘ฉันเข้าใจที่พี่พูด แต่จะให้ฉันเอาเงินมากมายจากใหนมาให้รางวัลพี่น้องเล่า.. ในเมื่อเงินทั้งหมดในบัญชีของแก๊งมังกรเขียว ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเงินของพี่ทั้งนั้น..’
“พี่หยุน..ฉันจะตามพี่ไปบ้านลุงหลงด้วย!”
หลิงหยุนรีบโบกมือห้ามพร้อมกับสั่งว่า“ไม่ต้อง.. นายไปทำงานที่ฉันสั่ง อย่าลืมโทรคุยรายละเอียดกับถังเมิ่งด้วยล่ะ..”
“อาปิง..ไว้เจอกัน”
ตี้เสี่ยวอู๋ร้องบอกอาปิงแล้วจึงขับรถออกไปจากศูนย์บัญชาการของแก๊งมังกรเขียวทันที
………….
บ้านของหลงคุนอยู่ห่างจากศูนย์บัญชาการของแก๊งมังกรเขียวไปราวสี่กิโลเมตรพื้นที่โดยรอบเป็นภูเขา และสถานที่แห่งนี้หลงคุนก็เป็นผู้เลือกด้วยตัวเอง..
ตี้เสี่ยวอู๋ขับไปไม่นานรถก็ไปจอดอยู่หน้าบ้านตระกูลหลง..
ทั้งคู่ก้าวลงจากรถทันทีหลิงหยุนกวาดสายตาสำรวจดูโดยรอบ และพบว่าที่ประตูรั้วนั้นใส่กลอนไว้แน่นหนา ถึงแม้จะคาดการมาล่วงหน้าแล้ว แต่เมื่อพบว่าประตูรั้วปิดสนิทเช่นนี้ หลิงหยุนก็อดที่จะใจหายไม่ได้..
“พี่หยุน..ลองกดกริ่งดูดีมั๊ย”
“จะต้องกดกริ่งหาสวรรค์วิมานอะไรอีกกระโดดข้ามกำแพงเข้าไปดูด้านในเลย!”
ตี้เสี่ยวอู๋หันไปมองหลิงหยุนทันทีและได้แต่คิดในใจว่าด้วยสภาพของหลิงหยุนเวลานี้ จะสามารถกระโดดข้ามกำแพงได้อย่างนั้นหรือ
หลิงหยุนเห็นสายตาของตี้เสี่ยวอู๋ก็ถึงกับกรอกตาไปมาและพูดขึ้นว่า “นี่.. ไม่เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่าไม้ล้มอย่าข้ามบ้างหรือยังไง”
จากนั้น..หลิงหยุนก็กระโดดพร้อมกับหมุนตัวข้ามกำแพงบ้านเข้าไปในสวน..
ตี้เสี่ยวอู๋รีบกระโดดตามหลังเข้าไปทันทีและพบว่าหลิงหยุนอยู่ในสภาพกำลังคุกเข่าลงกับพื้น และกำลังใช้แขนข้างหนึ่งพยุงตัวไว้
หลิงหยุนกระแอมเบาๆก่อนจะพูดแก้เก้อว่า “ฉันกำลังสำรวจดูตามพื้นว่า มีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่บ้าง..”
จากนั้นหลิงหยุนก็แสร้งทำเป็นก้มหาอะไรบนพื้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
ตี้เสี่ยวอู๋กลั้นหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า“พี่หยุน.. ไม่ต้องฝืนร่างกายหรอกน่า รับรองว่าฉันไม่หัวเราะเยาะพี่แน่.. ฮ่า.. ฮ่า..”
“นี่..ฉันว่านายคงจะครั่นเนื้อครั่นตัวมากสินะ!” หลิงหยุนพูดพร้อมกับยกเท้าขึ้นถีบใส่ตี้เสี่ยวอู๋
ตี้เสี่ยวอู๋ไม่หลบแต่กลับถามขึ้นด้วยความห่วงใย “พี่หยุน.. ไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นบ้างเลยเหรอ”
หลิงหยุนจัดการเทโอสถหยางที่พกติดตัวออกมาอีกสองสามเม็ดแล้วโยนเข้าปากทันที จากนั้นจึงตอบตี้เสี่ยวอู๋กลับไปว่า
“ครั้งนี้นับว่าหนักหนามากทีเดียวแต่ก็ค่อยๆฟื้นตัวกลับมาได้มากแล้วล่ะ!”
หลายวันที่หลิงหยุนพยายามฝึกวิชาดาราคุ้มกายนั้นนับว่าไม่เสียเปล่าเพราะร่างกายของเขาสามารถฟื้นตัวได้เร็วมากจนเกือบจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เพียงแต่จุดตันเถียน เส้นลมปราณ และจุดฝังเข็มต่างๆของเขานั้น กลับดูเหมือนว่าจะยังไม่มีอะไรดีขึ้นเลย..
วิชาดาราคุ้มกายนั้นส่งผลเฉพาะกับส่วนที่เป็นร่างกายไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูก หลอดเลือด และอวัยวะภายในต่างๆเท่านั้น แต่ไม่ส่งผลใดๆกับจุดตันเถียน เส้นลมปราณ จุดฝังเข็ม หรือจิตหยั่งรู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย..
ส่วนในเรื่องของกำลังจิตนั้นแน่นอนว่าจิตใจย่อมเชื่อมโยงกับกาย เมื่อร่างกายดีขึ้น จิตใจก็แข็งแกร่งขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ หลิงหยุนหมั่นกำศิลากลั่นวิญญาณอยู่ตลอดเวลา..
และที่หลิงหยุนสามารถวิเคราะห์สาเหตุการหายตัวไปของหลงคุนกับหลงหวู่ได้นั้นส่วนหนึ่งก็เพราะความทรงจำและจิตใจของเขาค่อยๆฟื้นกำลังคืนมา ทำให้สามารถคิดอ่านได้คล่องแคล่วชัดเจนมากขึ้น..
หลิงหยุนเชื่อว่าวันหนึ่งเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแม้เรื่องการรักษาตัวจะเป็นเรื่องด่วน แต่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป หลิงหยุนจึงต้องใช้ชีวิตอยู่ราวกับคนที่เป็นอัมพฤกษ์เช่นนี้ไปก่อน”
“ที่นี่ไม่มีกล้องวงจรปิด..แล้วก็ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ภายในสวนด้วย.”
“หรือว่าลุงหลงกับหลงหวู่จะถูกนำตัวไปโดยที่ไม่มีการขัดขืนงั้นรึไม่สิ.. อย่างน้อยก็ต้องทิ้งร่องรอย หรือเบาะแสอะไรไว้บ้าง?”
หลิงหยุนไม่รอช้า..เขาวิ่งตรงไปที่ประตูบ้านพร้อมกับสั่งตี้เสี่ยวอู๋ว่า “เปิดประตู..”
ตี้เสี่ยวอู๋ไม่รอช้า..เขาเอื้อมฝ่ามือออกไปคว้าแม่กุญแจบิดคลายล็อคทันที และเมื่อประตูเปิดออก หลิงหยุนก็ยังไม่รีบร้อนที่จะเดินเข้าไปด้านในทันที เขาจัดการใช้สายตามองสำรวจภายในห้องนั่งเล่นก่อน..
ไม่มีคราบเลือดแม้แต่น้อย..ในที่สุดหลิงหยุนก็ไม่พบสิ่งที่เขากังวลใจ จึงได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก.novel-lucky.
ตราบใดที่อีกฝ่ายยังมีลมหายใจหลิงหยุนก็ย่อมมีหนทางที่จะช่วยเหลือ..
“เข้าไปดูด้านในกันดีกว่า..”
หลิงหยุนเดินสำรวจรอบห้องรับแขกห้องครัว และห้องนอนของหลงคุนกับลูกสาว..
“ไม่มีร่องรอยการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย..”หลิงหยุนพึมพำออกมาหลังจากที่สำรวจอย่างละเอียดแล้ว
ระหว่างนั้น..หลิงหยุนก็สังเกตเห็นว่าภายในห้องนั่งเล่นของหลงคุนนั้น มีภาพเขียนรูปมังกรสีเขียวตัวหนึ่ง ร่างของมังกรซ่อนอยู่ในก้อนเมฆ ดวงตาขคู่นั้นของมันดูราวกับมีชีวิตจริงๆ และคล้ายกับว่ากำลังจ้องมองพวกเขาสองคนอยู่..
ส่วนที่ยากที่สุดในการวาดภาพมังกรนั้นก็คือดวงตา..และภาพมังกรที่อยู่ภายในห้องนั่งเล่นเวลานี้ก็ดูราวกับมีชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์
หลิงหยุนได้แต่ครุ่นคิดไปมา..
‘หลงคุนหลงหวู่ แก๊งมังกรเขียว หยกมังกร รูปปั้นมังกรเขียว.. ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นมังกรทั้งสิ้น เหตุใดลุงหลงจึงได้หลงไหลมังกรมากเช่นนี้นะ’
‘หรือเป็นเพราะลุงหลงแซ่หลง..ซึ่งคำว่า ‘หลง’ ก็แปลว่ามังกร..’
‘แต่เดี๋ยว..แซ่หลงงั้นรึ’
จู่ๆดวงตาของหลิงหยุนก็เป็นประกายขึ้นมา ‘ตระกูลหลงงั้นรึ’
หลงคุนนั้นแซ่หลง..และยังเป็นยอดฝีมือในขั้นโฮ่วเทีน-7!
แม้ว่าในประเทศจีนจะมีคนแซ่หลงอยู่มากมายแต่ยอดฝีมือแซ่หลงในยุทธภพคงไม่ได้มีมากนัก!
“เสี่ยวอู๋..ไม่ต้องสำรวจต่อแล้ว รีบไปกันดีกว่า!”
หลังจากที่คล้ายกับคิดอะไรได้หลิงหยุนก็รีบหันหลังเดินกลับออกไปทันที..
หลิงหยุนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเขาสามารถสอบถามเรื่องของตระกูลหลงเมื่อสิบแปดปีที่แล้วได้จากท่านปู่ และหลิงหยุนก็ต้องการรู้ด้วยว่าปู่ของเขานั้นจะรู้จักหลงคุนหรือไม่
ตี้เสี่ยวอู๋ร้องถามออกมาอย่างงุนงง“พี่หยุน.. ไม่สำรวจต่อแล้วเหรอ”
หลิงหยุนส่ายหน้า“อืมม.. ไม่จำเป็นต้องสำรวจต่อแล้วล่ะ ฉันแค่ต้องการมั่นใจว่าทั้งคู่หายตัวไปจริงๆ”
“อีกอย่าง..เวลาผ่านมาตั้งนานแล้ว ร่องรอยต่างๆก็น่าจะหาพบได้ยากแล้ว..”
หลิงหยุนรู้ว่าไม่ว่าหลงคุนเป็นใครมาจากใหนแต่อย่างน้อยเขาก็ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ และในเมื่อหลงคุนหลบหนีจากการถูกไล่ล่ามา ดังนั้นในบ้านหลังนี้น่าจะต้องมีห้องลับซ่อนอยู่อย่างแน่นอน!
เพียงแต่เวลานี้จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนยังไม่สามารถใช้การได้รอให้จิตหยั่งรู้ของเขากลับมาเป็นปกติก่อน เขาจะกลับมาสำรวจที่นี่อีกครั้ง..
หลิงหยุนวางแผนไว้ว่า..ก่อนอื่นเขาจะต้องสอบถามเรื่องของตระกูลหลงในปักกิ่งจากหลิงลี่ปู่ของเขาเสียก่อน จากนั้นเมื่อสามารถใช้จิตหยั่งรู้ได้เช่นเดิมแล้ว เขาจึงค่อยกลับมาสำรวจหาห้องลับในบ้านหลงคุนอีกครั้ง..
“นายโทรบอกอาปิงให้หยุดสืบเรื่องลุงหลงก่อนแล้วสั่งให้เขาส่งคนมาคุ้มครองบ้านหลังนี้ไว้ด้วย..”
จากนั้นทั้งคู่ก็กลับออกไปตี้เสี่ยวอู๋จึงร้องถามขึ้นว่า ‘พี่หยุน.. จะไปที่ใหนกันต่อ”
“โรงเรียนมัธยมจิงฉู..”
หลิงหยุนต้องการไปที่สี่แยกซึ่งเขาถูกรถพ่วงชนเสียชีวิตและเป็นที่ที่โม่วู๋เตาเรียกดวงวิญญาณของเขากลับมา..
เขาตายที่นั่น..แล้วก็มีชีวิตใหม่ที่นั่น!
…………
วันนี้บนถนนหลินเจียงในเมืองจิงฉูนั้นนับว่ามีชีวิตชีวาอย่างที่สุด..
ทุกครอบครัวบนถนนหลินเจียงต่างก็ตระเตรียมงานกันตั้งแต่เมื่อคืนทุกคนต่างก็ตื่นเต้นจนไม่หลับไม่นอน นั่นเพราะหลิงหยุนรับปากจะมอบเงินให้ทุกครอบครัว ครอบครัวละหนึ่งล้านหยวน!
เงินจำนวนหนึ่งล้านสำหรับครอบครัวที่ยากจนแล้วจึงเป็นจำนวนเงินที่สามารถพลิกชีวิตของพวกเขาให้เปลี่ยนไปได้ในชั่วพริบตา และไม่ต้องทนอยู่กับชีวิตที่ยากลำบากเช่นเดิมอีก..
เช้านี้ทุกคนจึงลุกขึ้นมาเปิดร้านกันตั้งแต่เช้าเพื่อรอคอยบุคคลที่จะนำเงินมามอบให้กับพวกเขา
แม้แต่ผู้อำนวยการที่รับผิดชอบพื้นที่ในเขตถนนหลินเจียงนี้ยังมาคอยต้อนรับผู้ที่จะมาด้วยตัวเอง และในที่สุดเวลาเก้าโมงเช้า เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินที่ถังเมิ่งส่งมาจัดการเรื่องนี้ ก็มาถึงพร้อมกับผู้จัดการธนาคาร CMB..
“โอ้แม่เจ้า..เงินจริงๆด้วย”
เจ้าของบ้านรายแรกกรีดร้องออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจเมื่อได้รับเงินหนึ่งล้านจริงๆ!
การแจกเงินให้กับทุกครอบครัวบนถนนหลินเจียงนั้นใช้เวลาไปร่วมหกชั่วโมงกว่าจะเสร็จสิ้นก็ปาเข้าไปเกือบสี่โมงเย็น และใช้เงินไปทั้งหมดหนึ่งร้อยสองล้านหยวน..
ดังนั้นในเวลานี้นอกเหนือจากเสียงกลองและเสียงปะทัดแล้ว ก็ยังมีเสียงร้องตะโกนขอพรให้กับหลิงหยุน
“หลิงหยุนเป็นผู้มีพระคุณของครอบครัวฉันฉันจะสวดมนต์อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้เขามีชีวิตยืนยาว..”
คนอื่นๆที่ได้ยินก็ร้องตะโกนเช่นเดียวกัน..และทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าครอบครัวต่างก็ร้องตะโกนขอให้หลิงหยุนมีชีวิตยืนยาวเช่นกัน..
เวลาสี่โมงครึ่ง..ถังเมิ่งซึ่งอยู่ในอาคารหลิงหยุนกับโม่วู๋เตา ก็ได้รับโทรศัพท์จากพนักงานฝ่ายบัญชีแจ้งว่า
“คุณถัง..ผมจัดการทุกอย่างตามคำสั่งเรียบร้อยแล้วครับ แจกไปทั้งหมด 102 ครอบครัว เป็นเงินหนึ่งร้อยสองล้านหยวน..”
“ทุกคนที่ได้รับเงินต่างก็พากันร้องตะโกนสรรเสริญคุณหลิงและพากันขอพรให้คุณหลิงมีชีวิตยืนยาวด้วยครับ..”
“ทุกคนขอพรให้พี่หยุนมีอายุยืนด้วย!ฮ่า.. ฮ่า..”
ถังเมิ่งที่เพิ่งวางสายไปถึงกับร้องตะโกนออกมาอย่างดีอกดีใจแต่คนที่นั่งฟังอยู่อย่างโม่วู๋เตานั้นถึงกับพึมพำออกมา
“โอ้โห..เจ้าคนเสียสตินั่นได้ประโยชน์กลับคืนมามากมายถึงเพียงนี้เชียวรึ”
…………..
ไม่ได้มีเพียงเพื่อนบ้านบนถนนหลินเจียงเท่านั้นที่พากันขอพรให้หลิงหยุนมีอายุยืนยาวแม้แต่แม่ของฉีเสี่ยวชิง – นางฉียวี่เจินก็เช่นกัน นางบอกกับลูกสาวว่าหลิงหยุนเป็นผู้มีพระคุณของครอบครัว และเธอเองก็ไม่มีสิ่งใดตอบแทนหลิงหยุนนอกจากขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้หลิงหยุนมีอายุยืนยาวเท่านั้น..
ยังมีเพื่อนสนิทของฉินจิวยื่อ– นางหลี่หงเม่ย หลิวลี่ซึ่งหลิงหยุนเคยช่วยไว้เมื่อครั้งที่มีเรื่องกับเทศกิจบนถนนหลินเจียง แล้วก็คนไข้ทั้งยี่สิบสองคนที่หลิงหยุนเคยช่วยชีวิตไว้ในวันเปิดคลินิก..
อีกทั้งเพื่อนนักเรียนของหลิงหยุนบางคนที่ยากจนและกำลังขัดสนเงินทองอย่างมากนั้น เมื่อได้เงินห้าแสนหยวนจากหลิงหยุนไป พ่อแม่ของพวกเขาก็ซาบซึ้งใจอย่างมาก และได้ขอพรให้หลิงหยุนมีอายุยืนยาวเช่นกัน..
เพียงแต่ว่า..สิ่งเหล่านี้หลิงหยุนเองก็ไม่รู้!
การรักษาผู้คนหรือการช่วยเหลือผู้อื่นนั้น หลิงหยุนทำไปเพราะเขาต้องการที่จะทำเท่านั้น ไม่ได้หวังว่าจะได้สิ่งใดตอบแทนกลับมา..
และเวลานี้หลิงหยุนก็กำลังยืนนิ่งอยู่ตรงทางข้ามที่เคยถูกรถชนเขายืนอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน..
และไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่..
ตี้เสี่ยวอู๋นั้นนั่งรออยู่ในรถเพราะบริเวณนั้นหาที่จอดรถไม่ได้ และเวลานี้ตำรวจจราจรก็ได้เขียนใบสั่งแปะไว้ที่รถของเขามากมาย จนเขาเองก็คร้านที่จะสนใจ..
จนกระทั่งในที่สุดตำรวจจราจรก็อดรนทนไม่ได้เขาเคาะกระจกรถพร้อมกับพูดขึ้นว่า “คุณครับ.. ที่นี่ไม่ใช่ที่จอดรถ กรุณาออกรถได้แล้ว!”
“ที่นี่วิวสวยดี..ผมขออยู่ต่ออีกหน่อย เชิญคุณเขียนใบสั่งเพิ่มได้เลย!”
ตี้เสี่ยวอู๋จ้องมองหลิงหยุนที่อยู่ไกลออกไปเขารู้ว่าหลิงหยุนคงต้องมีเรื่องกังวลใจอย่างแน่นอน..
“พี่ชาย..นี่เป็นช่วงการจราจรหนาแน่น คุณทำเช่นนี้การจราจรจะติดขัด..” ตำรวจจราจรร้องบอกอีกครั้ง
ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็เดินกลับมาและเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ ทันทีที่หลิงหยุนปิดประตู ตี้เสี่ยวอู๋ก็สตาร์ทรถและถามขึ้นทันที
“พี่หยุน..จะไปใหนต่อ”
“กลับไปบ้านเลขที่-9ในอ่าวจิงฉู..”
………….
รถMercedez-Benz สีดำขับออกจากตัวเมืองมุ่งหน้าไปทางตะวันออก หลิงหยุนสั่งให้ตี้เสี่ยวอู๋เปิดกระจกรถลง เพื่อดื่มด่ำกับสายลมที่พัดมา
“เสี่ยวอู๋..คืนนี้นายจะทำอะไร”
“พี่หยุน..ถ้าไม่มีอะไร คืนนี้ฉันก็ว่าจะไปฝึกวิชาที่เขื่อน!”
“อืมม..ก็ดี! ตอนนี้นายเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-9 แล้ว ครั้งนี้นายลงไปฝึกใต้น้ำ ฝึกความทนทานต่อแรงคลื่น แล้วก็ความทนทานของการหายใจ”
หลิงหยุนแนะนำตี้เสี่ยวอู๋เพราะในการต่อสู้นั้นลมหายใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ผู้ใดสามารถหายใจได้ยาวกว่า ก็ย่อมมีโอกาสที่จะเอาชนะอีกฝ่ายได้มากกว่า..
“ขอบคุณพี่หยุน..”
ยี่สิบนาทีต่อมารถของหลงิหยุนก็มาจอดอยู่หน้าประตูบ้านเลขที่-9 หลิงหยุนเดินลงจากรถพร้อมกับร้องตะโกนออกไป
“ผมกลับมาแล้ว..”
และสาวงามมากมายก็วิ่งกรูกันออกมาจากบ้านทันที..