ตอนที่ 430 อย่าบอกเธอ
“เจ้าก็ขี้ตื่นเกินไป รอสักเดี๋ยวก่อน” เจ้าลูกบอลเงินพูดอย่างเรื่อยเปื่อย มันจอดอยู่บนโต๊ะดูทีวีอยู่
อีลั่วเสวี่ยขมวดคิ้ว “ไม่ได้ ข้าไปดูดีกว่า ไป” พูดจบก็หยิบกุญแจกับกระเป๋าแล้วออกจากบ้าน
ขณะที่เปิดประตูก็เห็นอาเหมาซึ่งกลับมาจากข้างนอกพอดี “คุณหนูใหญ่ จะออกไปข้างนอกหรือครับ?”
“อืม อาเหมาเที่ยงนี้ไม่ต้องรอฉันกินข้าวนะ ฉันยังไม่รู้ว่าจะกลับมาไหม”
อาเหมามองตามหลังอีลั่วเสวี่ยซึ่งผลุนผลันออกไป ก็เอ่ยขึ้นว่า “รีบร้อนอย่างนี้ คงจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว!”
แต่เขาก็พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่สามารถทำอะไรได้
ในเวลาเดียวกันขณะนี้เฉวียนหมิงนอนอยู่บนเตียงในคฤหาสน์ มือข้างหนึ่งวางไว้ข้างตัว แต่พอมือถือดังขึ้น เขากลับไม่มีแรงยื่นมือออกไปรับ มือที่ยกขึ้นสั่นระริก
สุดท้ายได้แต่มองดูมือถือของตนตัดสายไปเอง จากนั้นมือถือของเหล่าเกาก็ดังขึ้น ขณะที่เหล่าเกาจะรับสายก็ถูกเฉวียนหมิงจ้องใส่
“นายน้อย โทรศัพท์ของนายน้อยหญิงครับ” เหล่าเกาไม่ปกปิด แล้วยื่นหน้าจอให้เฉวียนหมิงดู คงเพราะเธอโทรหาเฉวียนหมิงแล้วไม่ติด จึงโทรมาสอบถามเขา
แววตาเฉวียนหมิงอ่อนลง พอเห็นชื่อเธอสีหน้าเขาก็อ่อนโยนทันที
“ไม่ต้องรับ รอเดี๋ยวถ้าเธอโทรมาอีก คุณบอกว่าผมออกไปทำธุระข้างนอก ลืมโทรศัพท์ไว้”
เหล่าเกาชะงัก คิ้วขมวดทันที “นายน้อย ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย บอกนายน้อยหญิงตรงๆ ไม่ดีหรือครับ?”
วันนี้เฉวียนหมิงเตรียมออกไปหาอีลั่วเสวี่ย เพราะทุกวันศุกร์จะเป็นวันนัดของทั้งคู่ ไม่ว่าฝนจะตกหรือไม่
แต่พอเขาเดินมาที่รถ ขณะที่จะเปิดประตูรถก็เกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น เขารู้สึกมือตัวเองไม่มีแรง ย่างก้าวแข็งทื่อ เริ่มยืนไม่มั่นคง
ยังดีที่เหล่าเกาเดินมาส่งจึงประคองเฉวียนหมิงไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นเขาคงล้มลงอย่างคราวก่อนแน่นอน
ครั้งนี้แม้จะไม่เป็นลมหมดสติไป แต่อาการน่าเป็นเป็นห่วง ก่อนหน้านี้เพียงแต่รู้สึกว่าขาแข็งไม่สบาย แต่เวลานี้เฉวียนหมิงพบว่าส่วนที่แข็งไม่มีความรู้สึกแล้ว
แม้เขาจะรู้แล้วว่าอีลั่วเสวี่ยเป็นผู้บำเพ็ญเพียร สามารถใช้พลังทิพย์ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดให้เขาได้ แต่นั่นเป็นเพียงรักษาตามอาการ ไม่สามารถรักษาต้นตอของโรคได้
ใครจะรู้ว่าต่อไปต้องใช้พลังทิพย์มากแค่ไหน เธอเองก็บอกแล้วว่าเพิ่งมาถึงโลกนี้ไม่นาน ย่อมไม่สามารถบำเพ็ญเพียรสร้างพลังทิพย์ออกมาได้มากมายอะไร
ถ้าต้องให้เธอเสียสละทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อแทงเข็มและถ่ายทอดพลังทิพย์ให้ สู้ตนเองยอมอดทนเองจะดีกว่า
“แต่ว่า…เฮ้อ” เหลาเกาอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจเงียบๆ
เฉวียนหมิงมองออกไปนอกหน้าต่าง แววตาดูเลื่อนลอย เขาคิดเพียงแต่ว่าไม่อยากให้เธอเห็นตนเองในสภาพที่ย่ำแย่อย่างนี้ เขาเป็นสามีเธอ แต่กลับทำอะไรไม่ได้ แม้แต่ชีวิตตัวเองก็ได้แต่คาดหวังให้เธอมาช่วย ช่างไม่เอาไหนจริงๆ
ไม่นานนักรถของอีลั่วเสวี่ยก็มาจอดด้านนอกคฤหาสน์ของเฉวียนหมิง พอเฉวียนหมิงได้ยินเสียงเครื่องยนต์ก็ตื้นเต้นทันที อยากลุกขึ้น แต่สุดท้ายก็นอนกลับลงไป มือข้างหนึ่งจับผ้าห่มไว้ ไม่พูดอะไร
“นายน้อยหญิง มาแล้วหรือครับ?” เหล่าเกาอยู่ในสนาม เขาเตรียมพร้อมอยู่แล้ว แกล้งทำสีหน้าแปลกใจ
อีลั่วเสวี่ยเดินตรงเข้าไปในคฤหาสน์ “อืม ฉันมาดูหน่อย เฉวียนหมิงล่ะ? ทำไมพวกคุณไม่รับโทรศัพท์?”
“เออ…วันนี้นายน้อยออกไปธุระ ลืมมือถือไว้ในบ้าน ผมเพิ่งให้คนเอาไปส่งให้ครับ”
เหตุผลนี้ดูน่าเชื่อถือ เป็นการจงใจบอกว่าไม่รู้ว่าอีลั่วเสวี่ยโทรหา
“ลุงเกา ลุงหลอกฉันไม่ได้หรอก บอกมา เฉวียนหมิงเกิดเรื่องขึ้นใช่ไหม?”
ตอนที่ 431 การรักษาเป็นเรื่องเร่งด่วน
เหล่าเกาผงะ ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยทันที “นายน้อยหญิง ผมไม่เข้าใจว่าว่าคุณพูดอะไร นายน้อยสบายดี ออกไปข้างนอก ไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย ทำไมคุณถึงบอกว่าเกิดเรื่องกับเขาครับ?”
อีลั่วเสวี่ยมองแวบเดียวก็ดูออกว่าเหล่าเกาได้รับคสั่งจากเฉวียนหมิงล่วงหน้า ทำให้ไม่ยอมบอกความจริงกับตนเอง
เธออาศัยพลังทิพย์รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของเฉวียนหมิง เขายังอยู่ในคฤหาสน์แน่นอน ไม่ได้ออกไปไหน
“ลุงแน่ใจนะ?” เธอพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง อีลั่วเสวี่ยเดินตรงไปที่คฤหาสน์ เหล่าเกาไม่สะดวกที่จะขวางเธอ ได้แต่เดินตามเข้าไป
“นายน้อยหญิง นายน้อยไม่อยู่บ้านจริงๆ ครับ ไม่งั้นลองโทรถามเขาก็ได้ หรือให้ผมโทรให้” น้ำเสียงเหล่าเกาเริ่มจนปัญญาแล้ว
อีลั่วเสวี่ยไม่พูดอะไร หยุดยืนที่หน้าปรตูห้องของเฉวียนหมิง ยื่นมือออกไปเปิดประตู แต่พบว่าเปิดไม่ออก
“แฮ่แฮ่ นายน้อยหญิง ผมไม่ได้โกหกจริงๆ นายน้อยไม่อยู่บ้าน” เหล่ารู้สึกลำบากใจ แต่นายน้อยของตนกำชับไว้แล้ว บอกให้เขาล็อคประตู
อีลั่วเสวี่ยหันกลับมามองเหล่าเกา “ลุงเกา บอกฉันมาเถอะ เกิดอะไรขึ้นกับเฉวียนหมิงแน่?”
ต้องเกิดเรื่องขึ้นกับเฉวียนหมิงแน่นอน ก่อนหน้านี้ไม่ว่าเขาจะอยู่บ้านหรือไม่ประตูห้องไม่เคยล็อค ต่อให้ก่อนหน้านี้เธออีลั่วเสวี่ยอยู่ในฐานะกึ่งคนแปลกหน้าก็ยังเข้าไปได้
ไม่เช่นนั้นตอนนั้นเจ้าของร่างเดิมคงไม่คิดจะแอบเข้าไปดูเอกสารลับของเฉวียนหมิงหรอก
เหล่าเกาอ้าปาก แต่นึกถึงที่เฉวียนหมิงสั่งไว้ จึงไม่พูดอะไร
ถึงตรงนี้เจ้าลูกบอลเงินทะลุกำแพงเข้าไป แล้วกลับออกมาอย่างรวดเร็ว “แม่คุณ เฉวียนหมิงนอนอยู่ในห้อง ไม่ได้ออกไปไหนหรอก!”
เธอย่อมรู้ว่าเขาอยู่บ้าน แต่เธออยากรู้ว่าทำไมเฉวียนหมิงไม่รับโทรศัพท์ ยังบอกให้เหล่าเกาปิดบังเธอบอกว่าเขาออกไปทำธุระ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญถึงขั้นที่เขาต้องออกหน้าด้วยตนเอง เขามักให้คนไปทำแทน
“ลุงเกา แต่ไหนแต่ไรเฉวียนหมิงไม่เคยล็อคประตูห้อง ไม่ว่าเขาจะอยู่บ้านหรือไม่ “คฤหาสน์หลังนี้มีระบบป้องกันขโมยดีเยี่ยม ไม่ต้องกลัวของหาย
อีดด้านหนึ่งนอกจากระบบรักษาป้องกันขโมยแล้ว รอบๆ คฤหาสน์ยังมีรปภ.คอยเดินตรวจตลอดเวลา ต่อให้มองข้ามสิ่งเหล่านี้ เฉวียนหมิงในเวลานี้ก็จะไม่ล็อคประตู
ความเคยชินของคนคนหนึ่งเปลี่ยนได้ยาก บวกกับที่เฉวียนหมิงออกไปข้างนอกไม่บ่อย ถ้าคอยล็อคประตูตลอดเวลาคงยุ่งยากมาก
เหล่าเกาถอนหายใจเงียบๆ แต่ยังคงไม่พูดอะไร ถึงตอนนี้อีลั่วเสวี่ยไม่ใส่ใจอะไรมากแล้ว เธอประตูแรงๆ หลายที
“เฉวียนหมิง ฉันให้โอกาสคุณอธิบายว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์ ถ้าคุณไม่อยากอธิบาย งั้นฉันจะไป คุณเองก็อย่าหวังว่าจะโทรหาฉันได้!”
อีลั่วเสวี่ยพูดจบก็ยกมือถือขึ้นดู เสียงเธอบวกกับพลังทิพย์ ฝ่ายนั้นต้องได้ยินแน่นอน
ไม่นานนักเสียงมือถือของเหล่าเกาก็ดังขึ้น มีข้อความสั้นๆ “เปิดประตู”
“นายน้อยหญิง นายน้อยบอกว่าคุณเขาไปได้แล้ว” เหล่าเกาพูดพลางล้วงกุญแจออกมาไขประตู
อีลั่วเสวี่ยเดินเข้ามา แล้วหันกลับมาล็อคประตู เดินตรงไปที่ห้องเฉวียนหมิง
พอผลักประตูเปิดออกก็เห็นเฉวียนหมิงขยับตัวบนเตียง ท่าทางอ่อนแรง เตรียมจะลุกลงมาจากเตียง
“พอแล้ว นอนลงไปซะ อย่าลุกขึ้น” อีลั่วเสวี่ยก้าวพรวดๆ มากดเฉวียนหมิงลงไปบนเตียง แล้วยื่นมือออกไปตรวจชีพจรเขา
เฉวียนหมิงรู้ดีว่าตนเองเป็นฝ่ายผิดจึงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงลองพูดหยั่งดู “อาเสวี่ย ผม…”
“ฉันบอกคุณแล้วว่ามีสภาพอะไรเกิดขึ้นให้บอกฉัน แต่ดูคุณสิ ไม่เพียงไม่ยอมบอกฉัน ยังไม่โทรบอกให้หมอหมิงมาตรวจดู”
เฉวียนหมิงรู้ว่าถ้าตนเองบอกหมิงเย่ เฟิงฉี่ย่อมต้องรู้ แล้วย่อมปิดบังอีลั่วเสวี่ยไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจไม่บอกใครทั้งสิ้น