บทที่ 1083 พลังมีพิษ

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1083 พลังมีพิษ

หนอนกู่ถูกชุบเลี้ยงมาด้วยเลือดเนื้อของมนุษย์ จำนวนของมันมีจำกัด

ส่วนแมลงพิษ พวกมันถูกเรียกออกมาตามคำสั่ง หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีที่สิ้นสุด

ภายใต้สถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กันและกัน หนอนกู่ค่อย ๆ เสียเปรียบ ค่อย ๆ ถูกแมลงพิษกัดกินไปทีละน้อย

เช่นเดียวกันกับเจ้านายของพวกมันฮวาอิ่ง นางเองก็กำลังถูกกัดกินไปทีละน้อย

ใบหน้าของกู้ชูหน่วนเป็นสีแดง มันเกือบจะกลายเป็นสีม่วงเนื่องจากความรู้สึกที่เก็บกดไว้ภายใน

พลังของฮวาอิ่งนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แม้จะดูดซับออกมา แต่ด้วยความแข็งแกร่งและขีดจำกัดร่างกายของนาง มันก็ไม่สามารถกักเก็บไว้ได้ทั้งหมด

นางพยายามอย่างมากเพื่ออดทนกับคลื่นพลังอันแข็งแกร่ง กล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน “เจ้ายังมีไพ่ตายอะไรอยู่อีก เอามันออกมาให้หมด”

“ข้าจำเป็นต้องใช้ไพ่ตายอย่างนั้นหรือ? แม้ข้าจะไม่สามารถหลุดพ้นจากมหาเวทย์ดูดพลังของเจ้าได้ แต่เจ้าเองก็ไม่สามารถดูดซับวรยุทธ์ของข้าได้เช่นกัน และอีกไม่นานร่างกายของเจ้าก็จะแหลกสลายหายไป”

“ฮึฮึฮึ ไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นเพราะความโง่เขลาหรือความเย่อหยิ่ง โอกาสที่ดีเช่นนี้ แต่เจ้ากลับไม่ยอมคว้ามันไว้”

เยี่ยจิ่งหานกล่าวอย่างอ่อนแรง “อาหน่วน นำวรยุทธ์ของนางเคลื่อนย้ายมาที่ร่างกายของข้า”

ตอนแรกจอมมารก็สัมผัสได้เพียงความเจ็บปวดบนร่างกาย เวลานี้เข้าก้มหน้าลง จ้องมองบาดแผลที่ถูกฮวาอิ่งฟัน ปรากฏว่ามีควันสีดำลอยออกมา

มี……มีพิษ……

ดาบนั้นของฮวาอิ่งมีพิษ

เขาเองก็อยากจะบอกกับกู้ชูหน่วนว่าให้เคลื่อนย้ายวรยุทธ์มายังร่างกายของเขา

แต่เขารู้สึกชาไปทั่วร่างกาย อย่าว่าแต่พูดออกมาเลย แค่กะพริบตาตามปกติยังทำไม่ได้

เหวินเส่าอี๋ทนเห็นร่างกายที่กำลังจะระเบิดออกของนางไม่ไหว แต่น่าเสียดายที่แค่ปกป้องตนยังลำบาก ไร้เรี่ยวแรงที่จะเคลื่อนตัวไปหานาง

กู้ชูหน่วนพ่นลมหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น เลิกลังเล และดูดซับพลังทั้งหมดของอีกฝ่าย

สีหน้าของฮวาอิ่งเปลี่ยนไป

“เจ้าไม่หยามกันไปหน่อยหรือ? แล้วนี่เจ้ากำลังทำอะไร?”

“มีอาหารอันโอชะมาอยู่ตรงหน้า จะให้ข้าไม่กินมันได้อย่างไร?”

บูม……

พลังขั้นต้นระดับหกของกู้ชูหน่วนระเบิดออกมา

สีหน้าของฮวาอิ่งน่าเกลียดเป็นอย่างมาก

“บูม……”

กู้ชูหน่วนที่อยู่ในขั้นต้นระดับหกทะลวงขึ้นไปอยู่ขั้นกลางระดับหก

ส่วนฮวาอิ่ง พลังของนางกลับไปอยู่ขั้นกลางระดับห้า

เพียงช่วงระยะเวลาอันสั้น ความแข็งแกร่งของกู้ชูหน่วนเพิ่มสูงขึ้นกว่าฮวาอิ่ง

ฮวาอิ่งพยายามขัดขืนอย่างเต็มกำลัง แต่ยิ่งดิ้นรนเท่าไหร่ วรยุทธ์ของนางก็ยิ่งหายไปเร็วขึ้นเท่านั้น

“ปล่อยข้า ข้าจะบอกเจ้าว่าแสงสุดท้ายของดวงวิญญาณเจ้าอยู่ที่ไหน”

“แม้แต่ยารักษาบาดแผลของลำแสงข้ายังไม่ต้องการ เจ้าคิดว่าข้าจะสนใจวิญญาณดวงน้อยแค่นั้นอย่างนั้นหรือ”

“อ่า……บัดซบ ข้าบอกให้เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้”

“อ่า ในที่สุดเจ้าก็รู้สึกกลัวแล้วงั้นหรือ แต่น่าเสียดาย……มันสายเกินไปแล้ว”

“กู้ชูหน่วน เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก และก็ไม่สามารถดูดกลืนวรยุทธ์ของข้าได้ด้วยเช่นกัน ฮ่าฮ่าฮ่า……”

ฮวาอิ่งพูดถึงกู้ชูหน่วน ไม่ใช่มู่หน่วน

เหวินเส่าอี๋เงยหน้าขึ้นมองกู้ชูหน่วนในทันใด

เหตุใดฮวาอิ่งถึงเรียกนางว่ากู้ชูหน่วน?

นาง……หรือว่านางจะเป็นกู้ชูหน่วนจริง ๆ ดังนั้นเยี่ยจิ่งหานจึงมีทัศนคติที่เปลี่ยนไป และอ่อนโยนเอาใจใส่กับนางมากขึ้น?

รู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิดออกมา

ภาพในอดีตปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ทุกการเคลื่อนไหวและทุกคำพูดของมู่หน่วนนั้นเหมือนนางทุกประการ

เมื่อลองคิดดูให้ดี เป็นเรื่องยากมากที่จะคิดว่าพวกเขาไม่ใช่คนเดียวกัน

ดวงตาของเยี่ยจิ่งหานเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่มันบ้าไปแล้วหรือไง ก็เห็นกันอยู่ว่านางนั้นเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ดังนั้นจึงคิดจะลากอาหน่วนให้ตายไปพร้อมกัน จึงสร้างความบาดหมางให้กับเหวินเส่าอี๋และกู้ชูหน่วน

บูม……

กู้ชูหน่วนทะลวงไปถึงขั้นสูงสุดระดับหก

นางเองก็คิดไม่ถึงว่าพลังของตนเองจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้

ในไม่ช้า นางขมวดคิ้ว จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา

ฮวาอิ่งหัวเราะอย่างชั่วร้าย “กำลังเจ็บปวดอยู่ใช่ไหม ฮ่าฮ่าฮ่า……ตั้งแต่รู้ว่าเจ้าเริ่มใช้มหาเวทย์ดูดพลังข้าก็ได้เริ่มทำการป้องกันเอาไว้แล้ว เนื่องจากกลัวว่าเจ้าจะดูดซับวรยุทธ์ทั้งหมดของข้าไป ดังนั้นข้าจึงได้เตรียมการไว้ตั้งแต่ต้น พลังภายในของข้ามีพิษ ใครดูดซับเข้าไป คนผู้นั้นก็จะถูกพิษ ความรุนแรงของพิษนั้นสามารถปลิดชีวิตคนได้อย่างง่ายดาย รุนแรงกว่าเฮ้อติงเหิงเป็นร้อยเท่า”