ทางตะวันออกสุดของเมืองหนานตู้คือมหาสมุทรแปซิฟิกมันมีหมู่เกาะมากมายรายล้อมรอบๆทะเลบริเวณนี้ หมู่เกาะที่อยู่บริเวณรอบๆเมืองหนานตู้นั้นก็มีจำนวนมากมายรวมถึงขนาดที่แตกต่างกันไป
ในตอนนี้พื้นที่ห่างไกลจากชายฝั่งของเมืองหนานตู้มันมีเกาะเกาะหนึ่งที่ไม่มีนัยนะสำคัญอะไร มันเป็นเกาะที่ซ่อนตัวอยู่ตรงกลางของหมู่เกาะเรียงตัวยาวมหาศาล เหมือนกับหมู่เกาะขนาดเล็กทั่วไป เกาะนี้มีขนาดเล็กมากจนอาจจะจมน้ำหายไปเมื่อไหร่ก็ได้
”พรึบ!พรับ! พรึบ! พรับ!”
เสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์ดังมากจากที่ไกลและเริ่มเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนในที่สุดมันก็หยุดลงที่ชายฝั่งของเกาะใบพัดยักษ์ที่ยังคงหมุนอยู่ได้พัดทรายที่พื้นปลิวว่อนลอยหมุนในอากาศ
ตอนที่ประตูห้องโดยสารเปิดออกเกาช้าวฮุ่ยที่แทบจะรอลงมาก่อนไม่ไหวก็พุ่งตัวลงมาคนแรก กวาดตามองสำรวจบริเวณรอบๆตาโต
ชูฮันช้ากว่าเกาช้าวฮุ่ยไปครึ่งจังหวะเขาลงมายืนบนทรายพร้อมกับขวานซิ่วโหล จากนั้นก็เอ่ยเรียกหวังไคผ่านเสียงในหัว “หวังไค?”
”หือ”หวังไคที่อยู่ในกระเป๋าของชูฮันมาตลอดรีบตอบรับทันที “ฉันรู้สึกได้ว่ามันมีสนามพลังงานแม่เหล็กแปลกๆอยู่ใกล้ๆ ไม่แน่ใจว่ามันเกิดจากเสาหินหรือเป็นเพราะโลก”
แววตาของชูฮันมีความกังวลเล็กน้อยขนาดมองไปที่พุ่มไม้หนาซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปแน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้มีความแปลกอย่างมาก ตั้งแต่ที่ด้านบน เกาะนี้ดูผิวเผินอาจไม่มีความแตกต่างจากเกาะอื่นๆ แต่ทันทีที่แตะเท้าลงพื้นชายหาด มันก็มีกระแสพลังงานบางอย่างที่เขาสัมผัสได้ซึ่งส่งผลต่อความผันผวนทางกายภาพของเขา
สนามแม่เหล็กและพลังงานผันผวนนั้นใกล้เคียงกันมากความรู้สึกหยั่งรู้ได้มากกที่สุดคือพลังผันผวนของชีวิตตัวเอง
”มีฐานลับอยู่ที่นี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าอยู่ตรงไหนกันแน่ เพราะถึงอย่างไรมาก็ผ่านมาสิบปีแล้ว ไม่แน่มันอาจจะเปลี่ยนไปหมดแล้ว” เสียงของเกาช้าวฮุ่ยมีความระแวงซ่อนอยู่ “แต่แน่นอนว่าทางเข้ามันไม่เปลี่ยนไปแน่นอน มากับฉัน”
ทันทีที่พูดจบเกาช้าวฮุ่ยก็เดินนำด้วยฝีเท้าแปลกๆไปทันที เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามชะลอฝีเท้าลงเพื่อที่ชูฮันจะได้ตามได้ทัน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “ตามรอยเท้าฉันมา ห้ามออกนอกเส้นทางเด็ดขาด”
ชูฮันก้าวตามรอยเท้าของเกาช้าวฮุ่ยทุกฝีเก้าอย่างไม่ผิดพลาดหลังจากเดินไปได้ครู่หนึ่งเขาก็มองตามหลังของเกาช้าวฮุ่ยด้วยแววตาประกายวาว เขาจับจ้องการเคลื่อนไหวที่ผิดแปลกไปและช้าลงกว่าปกติของเกาช้าวฮุ่ย
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะมาถึงตรงกลางของพุ่มไม้หนาทันใดนั้นชูฮันก็หยุดนิ่งอยู่พักใหญ่ไม่ขยับตัวเลย เกาช้าวฮุ่ยใจร้อนและเอ่ยเร่ง”เร็วเข้า หยุดดูอะไรน่ะ?”
ชูฮันมองรอยฝีเท้าที่เขาเห็นแม้ว่าเกาช้าวฮุ่ยที่ซึ่งเขาไม่รู้ถึงพละกำลังที่แท้จริงของอีกฝ่ายจงใจชะลอฝีเท้าก็ตาม แต่เป็นเพราะความสามารถที่แท้จริงที่ไม่สามารถกลบได้ ระยะห่างของทั้งสองจึงกว้างด้วยความเร็วอย่างไม่รู้ตัว และเมื่อมองไปตามแนวชายฝั่ง เมื่อหันหลังกลับไปก็จะเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเดินมาเป็นเส้นตรง แต่ภาพตรงหน้านั้นไม่ใช่ชายหาดอีกต่อไป ทางเดินที่พวกเขาเดินมาและตรงที่จอดเฮลิคอปเตอร์ไว้หายไปยอ่างสมบูรณ์แบบ และถูกแทนที่ด้วยแถบต้นไม่หนาซึ่งดูไม่ค่อยต่างอะไรกับภาพตรงหน้า
”พื้นใต้เราเคลื่อนไหวได้?”ท่ามกลางความเงียบ เสียงราบเรียบของชูฮันถูกเอ่ยขึ้น
ทันใดนั้นเกาช้าวฮุ่ยก็หันขวับกลับมามองนัยน์ตาสีเหลืองอำพันหดวูบ ก่อนที่น้ำเสียงตกใจปนคลั่งจะโพล่งขึ้นมาดังลั่น “ขยับ?!!”
แววตาของชูฮันเป็นประกายเขาสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเอามากๆ “ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย?”
”แม่ง!”เกาช้าวฮุ่ยตะโกนขึ้น ตามมาด้วยกัดฟันแน่นอย่างเคียดแค้น “ตอนที่สร้างเสร็จ ป่ายยูมันคงแอบเปลี่ยนเส้นทางเข้าฐานลับ”
หน้าของชูฮันตึงขึ้นมาทันที”อย่าบอกนะว่าเราติดกับเข้าแล้ว?”
หน้าของเกาช้าวฮุ่ยบิดเบี้ยวก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างหมดหนทาง “ฉันโดนป่ายยูมันหลอก ตอนนี้เราต้องมองหาอะไรที่มันเชื่อมต่อกับใต้ดินของเกาะนี้ มันจะมีทางเข้าใหญ่อยู่แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญตอนนี้ ที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือที่พื้นมีกลไกทำงานอยู่ แม้ว่าเราจะหาต้นตอของมันและหยุดมันได้ แต่ตัวกลไกหลักก็จะปรับเปลี่ยนและหมุนสลับด้วยความเร็วที่เท่ากับความเร็วของเรา และก็จะใช้แรงโน้มถ่วงดึงเราไว้อย่างสมบูรณ์แบบจนไปไหนไม่ได้อยู่ดี”
คำบอกของเกาช้าวฮุ่ยทั้งมึนงงและไม่เรียงลำดับหากชูฮันสามารถเข้าใจได้ สรุปคือที่ใต้เกาะนี้มีอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูงควบคุมอยู่ และมันสามารถปรับเปลี่ยนการทำงานผันแปรตามพื้นดินข้างบนได้ทุกรูปแบบ อีกทั้งความเร็วก็เปลี่ยนไปแบบสุ่ม เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่ยืนอยู่บนพื้นที่จำกัด
โดยไม่คำนึงถึงหลักการหรือเทคโนโลยีขั้นสูงหรือความสามารถของป่ายยูตามคำบอกของเกาช้าวฮุ่ยสุดท้ายก็คือ พวกเขาติดกับ!
”มีวิธีไหนจะเราจะหลุดออกไปได้?”ชูฮันอยากจะซัดเกาช้าวฮุ่ย แต่ตอนนี้เขาไม่ว่างพอที่จะมานั่งโทษความผิดของเกาช้าวฮุ่ย เขาต้องหาทางแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ก่อนไม่อย่างนั้นพวกเขาคงได้ตายเพราะหิวโซอยู่ที่นี้เป็นแน่
”มีสองวิธี”เกาช้าวฮุ่ยเองก็รู้ดีว่าเขาเป็นคนทำให้เรื่องมันยุ่งยากแบบนี้ สีหน้าแย่ด้วยความอับอายและรู้สึกผิด
”พูดบ้าไรทำไมพึ่งมาพูด!” ชูฮันแหกปากใส่เกาช้าวฮุ่ยทันทีเพราะเขาหมดอดทน เกาช้าวฮุ่ยคงต้องการให้เขาสมองแตกตายจริงๆ ในขณะที่ตอนนี้เขี้ยวหมาป่าทั้งหมดกำลังตกกอยู่ในวิกฤตใหญ่หลวงที่สุด แต่คนคนนี้มันยังมาถ่วงเวลาเขาไม่เลิก หรือนี่เป็นการจงใจกันแน่?
”อืมงั้นเอาวิธีที่ง่ายกว่าก่อนละกัน” เกาช้าวฮุ่ยที่เห็นสีหน้าของชูฮันก็รีบพูดต่อทันที “เราอัดพื้นให้พังเพื่อให้สัญญาณเตือนทำงานและป่ายยูจะรู้และมาที่เพื่อเปลี่ยนกลไก แต่เราก็ต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะตามมาด้วยเพราะถ้าป่ายยูมา แน่นอนเขาคงไม่ฆ่าฉัน แต่สำหรับนาย…”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้เกาช้าวฮุ่ยก็ไม่กล้าพูดต่อ เขาเหลือบมองชูฮันเงียบๆด้วยท่าทางอึดอัด
”หึหึ!” ชูฮันหัวเราะในลำคอพร้อมแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้า “แล้ววิธีที่สอง?”
พวกนี้เป็นคนจากตระกูลลึกลับเหมือนกันแม้ว่าจะไม่ได้มาจากต้นตระกูลเดียวกันแต่อย่างน้อยพวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรต่อกันมายาวนาน ส่วนตัวเขาช่างน่าสงสาร ไม่มีตระกูลเป็นเครื่องหนุนหลัง ไม่มีคนคอยช่วย และะแน่นอนว่าคงไม่มีใครสนับสนุนช่วยเหลือ เพราะฉะนั้นคาดว่าถ้าต้องเจอกับป่ายยูในตอนนี้ เขาคงถูกอีกฆ่าตายคาที่ไม่เหลือ?
นี้เป็นวิธีที่ไร้ประโยชน์สุดๆแต่เกาช้าวฮุ่ยกลับพูดว่าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดนี่นะ?!
อึก!
เกาช้าวฮุ่ยกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะยิ้มแห้งๆและพูดต่อ “วิธีที่สองก็คือ พวกเราจะต้องจัดการกลไกนี่เอง ส่วนวิธีที่จะทำลายมันค่อนข้างจะเป็นเอกลักษณ์ คือ ระบบมันจดจำ”