ตอนที่ 265 ทำร้ายเจ้าของ

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 265 ทำร้ายเจ้าของ โดย Ink Stone_Fantasy

ในห้องกลางที่สูงถึงห้าเมตรนี้ ถูกล้อมรอบด้วยเสาที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบครึ่งเมตรหกเสา เสริมให้ห้องฝังศพทั้งหลังแข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าเกิดแผ่นดินไหวก็จะไม่ถล่มเลย

“เห้ย ตกใจหมด”

เยี่ยเทียนใช้มือไปเคาะเสาชิ้นหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เขา มีเสียง “ตงๆ” เหมือนเสียงเคาะไม้ออกมา ทำให้เขาโล่งใจไปนิดหน่อย  เพราะเสาไม้เหล่านี้ ทั้งหมดถูกทาสีด้วยผงทองทำให้ดูเหมือนว่าเสาทั้งหมดถูกหล่อด้วยทองคำ

เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าเสาเหล่านี้เป็นไม้อะไร แต่ว่าผ่านไปหลายพันปีก็ไม่เน่า คาดว่าเป็นไม้ที่มีค่ามากๆ

บนหกเสาทองยังสลักลวดลายมังกร ประกอบด้วยผนังและหลังคาที่อยู่รอบๆ ต่างก็มีภาพวาดสีสันทั้งหมด ส่องแสงจากแสงไฟ ดูหรูหราสวยงามเหลือเกิน

ถึงอย่างไรเยี่ยเทียนก็ไม่ใช่คนแรกที่เข้ามาที่นี่ อากาศข้างนอกที่เข้ามาได้กัดกร่อนทำให้รูปภาพหลายรูปเสียหายและหลุดไป  แต่มันก็ยังไม่สามารถที่จะปิดบังความหรูหราและความโอ่อ่าของสุสานใหญ่พันปีแห่งนี้ได้

ห้องกลางนี้ใช้เสาทองกั้นเป็นห้องปีกข้างสามห้อง แต่ว่าสิ่งของที่ฝังพร้อมกับศพในห้องปีกข้างได้ถูกย้ายออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่เครื่องเงินเครื่องทองนิดหน่อยที่กระจายตกอยู่บนพื้น พื้นที่กว้างใหญ่จึงดูว่างเปล่า

เยี่ยเทียนรู้ว่าในสุสานโบราณของประเทศจีน โครงสร้างสุสานที่มีสองห้องจะแสดงฐานะของเจ้าของหลุมฝังศพในระดับขุนนางขึ้นไป หลุมฝังศพแห่งนี้ไม่เพียงแค่เป็นหลุมฝังศพสองห้องเท่านั้น แต่ก็ประกอบด้วยห้องข้างๆ หลายห้องและสองห้องก็หรูสมฐานะและเกียรติยศสูงส่งเกินกว่าจะจินตนาการ

“นี่คือหลุมฝังศพของใครกันแน่”

การเป็นโจรขโมยสุสานครั้งแรกในชีวิต ทำให้เยี่ยเทียนมีความคิดอย่างนักโบราณคดี เพราะว่าเขารู้สึกแปลกใจจริงๆ เจ้าของหลุมฝังศพแห่งนี้กับอาจารย์ฮวงจุ้ยคนนั้นเกิดเรื่องอะไรกัน จึงถูกคนวางค่ายกลฮวงจุ้ยไม่ให้มีผู้สืบทอดแบบนี้

บนพื้นมีแท่นที่ทำด้วยหินอ่อนสีขาวมากมาย แต่เดิมข้างบนควรมีสิ่งของบางอย่าง แต่ตอนนี้ถูกกวาดไปหมดแล้ว กระทั่งฐานของแท่นที่สลักลวดลายเป็นดอกบัวที่สวยงาม ก็ถูกขวานถากออกไปครึ่งหนึ่ง

“ฮือ ที่นี่ควรเป็นเนตรค่ายกลแล้ว แต่ว่าคนที่ตั้งค่ายกลฮวงจุ้ยนี้ ทำไมถึงเอาห้องหลังเปลี่ยนเป็นสถานที่รวบรวมกระแสพลังพิฆาตวะ”

หินอ่อนสีขาวที่ไม่สมบูรณ์เหล่านี้ ถ้าหากว่าในสายตาของนักโบราณคดี ต่างก็เป็นศิลปะโบราณที่มีคุณค่าสำหรับการวิจัย แต่สำหรับเยี่ยเทียน นี่เป็นจุดที่สำคัญที่สุดของค่ายกลฮวงจุ้ยแห่งนี้

สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกสับสนคือ ห้องหลังที่เป็นห้องวางโลงศพ โดยทั่วไปหมอดูฮวงจุ้ยจะตั้งให้เป็นจุดมงคล เพื่อใช้มันปกป้องความสุขของลูกหลาน

แต่ว่าตามการวางฮวงจุ้ยแห่งนี้ กลับตรงกันข้าม ถ้าเยี่ยเทียนทายไม่ผิด คนที่ออกแบบแผนผังของหลุมฝังศพแห่งนี้ จะทำให้ห้องฝังศพด้านหลังเป็นห้องที่สะสมพลัง

กระแสพลังหยินพิฆาตไหลออกจากห้องฝังศพด้านหลัง  ทั้งหมดไหลมารวมกันที่หลังคาของห้องกลาง หลุมฝังศพใหญ่ทั้งแห่งไม่มีกระแสมงคลแม้แต่นิดเดียว สำหรับทายาทของเจ้าของหลุมฝังศพแห่งนี้ มันเป็นภัยพิบัติจริงๆ

มีคำพูดในทฤษฎีของฮวงจุ้ย เรียกว่า เรือนหยางกระทบถึงทั้งครอบครัว เรือนหยินกระทบถึงทั้งตระกูล เห็นได้ชัดว่าฮวงจุ้ยของหลุมฝังศพมันสำคัญแค่ไหน

มนุษย์ถูกสร้างขึ้นจากเลือดของแม่และสเปิร์มของพ่อ ดังนั้นกระดูกของพ่อแม่จึงถูกฝังอยู่ในที่ที่มีสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่ดีจะปกป้องลูกหลานได้ แต่ว่าถ้าเป็นตรงกันข้าม ก็จะทำให้ลูกหลานโชคร้ายอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งไม่มีทายาท

เยี่ยเทียนสังเกตดูครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็ยืนยันความคิดของตนเอง แต่ว่านี่ก็ทำให้สงสัยขึ้น “นี่มันมีความเกลียดชังกันมากแค่ไหนวะถึงต้องทำแบบนี้ เจ้าของหลุมฝังศพไม่รู้เรื่องเลยนะเนี่ย”

หลุมฝังศพนี้เป็นแบบล้อมรอบด้วยสามภูเขา ทิศตะวันออกและตะวันตกมีน้ำไหล ถือว่าเป็นแบบแผนฮวงจุ้ยที่ดี แต่การจัดตั้งข้างในของหลุมฝังศพนี้ถูกคนเปลี่ยนแปลง ทำให้มันกลายเป็นจุดตาย

ส่วนหลุมฝังศพทั้งแห่งถูกสร้างขึ้นมาแบบหรูหราสวยงาม เห็นได้ชัดว่าเจ้าของหลุมฝังศพให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับมัน แต่จุดที่สำคัญคือมีคนมา ขโมยมังกรเปลี่ยนหงส์ ซึ่งแน่นอนไม่ใช่เจ้าของหลุมฝังศพสั่งให้ทำ

งั้นก็เหลือแค่เหตุผลเดียว นั่นคือเจ้าของหลุมฝังศพไปทำอะไรให้หมอดูฮวงจุ้ยที่เชิญมาออกแบบหลุมนี้ไม่พอใจ ซึ่งทำให้เขาแอบเปลี่ยนกระแสพลังหยินของฮวงจุ้ยที่ดีมากที่มีไว้ปกป้องลูกหลานให้กลายเป็นยันต์เอาชีวิตของลูกหลานแทน

อย่างไรก็ตามการตั้งค่ายกลฮวงจุ้ยพลังพิฆาตหยินร้ายแบบนี้ ก็เป็นการฝืนลิขิตสวรรค์เช่นเดียวกัน อาจารย์ฮวงจุ้ยท่านนี้ต้องมีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งต่อเจ้าของสุสาน  จนยอมที่จะยอมรับความเสี่ยงที่จะถูกสวรรค์ลงโทษ

“มา ลองดูกันซักตั้งซิ”

รู้สึกถึงกระแสพลังพิฆาตหยินจากห้องหลังไหลไปสู่ มีดสั้น “อู๋เหิน” ที่อยู่กลางหลังคาอย่างต่อเนื่อง ในใจเยี่ยเทียนก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรดี กระแสพลังพิฆาตหยินที่สะสมมาหลายพันปี เพียงแค่วันเดียว ถูกมีดสั้น “อู๋เหิน” ดูดเข้าไปเกือบหมด

วัสดุที่ใช้ทำมีดสั้น “อู๋เหิน” เป็นวัสดุที่ดีมากอยู่แล้ว  และหลุมฝังศพที่มันเคยอยู่เมื่อก่อน ก็เป็นสถานที่ที่มีกระแสพลังพิฆาตหยินสูงสุดเช่นกัน ไม่เช่นนั้นมันก็จะกลายเป็นของขลังอย่างธรรมชาติไม่ได้หรอก

กระแสพลังพิฆาตหยินในจุดนั้นถูก มีดสั้น “อู๋เหิน” ดูดไปหมดแล้ว ทำให้คุณภาพของมันสูงขึ้นอีกระดับไม่ได้ ส่วนที่นี่กระแสพลังพิฆาตหยินมี่สะสมอยู่หลายพันปีไม่ได้รั่ว มีดสั้น “อู๋เหิน” ก็เหมือนหลุมดำดูดกระแสพลังพิฆาตหยินในหลุมฝังศพเข้าไปทั้งหมด

ตอนนี้ถึงแม้ว่ากระแสพลังพิฆาตหยินรั่วออกไป ก็จะไม่มีกระทบยิ่งใหญ่อะไรต่อหมู่บ้านอยู่รอบๆ อย่างมากที่สุดคือมีบางคนร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง อาจจะมีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยเท่านั้น

“ให้ผมมาช่วยท่านอีกครั้งเถอะ”

เมื่อรู้สึกว่ากระแสพลังพิฆาตหยินที่ออกมาจากห้องฝังศพด้านหลังข้างไม่ค่อยมีแล้ว เยี่ยเทียนยืนที่เนตรค่ายกลในห้องกลาง   บีบนิ้วด้วยสองมือ ทั้งตัวเต็มไปด้วยพลัง แล้วตะโกนว่า “หยิน”

ตามเสียงตะโกนของเยี่ยเทียน กระแสพลังของห้องกลางหมุนขึ้นอย่างรวดเร็วทันที กลายเป็นน้ำวนที่มองไม่เห็น ทำให้กระแสพลังพิฆาตที่ยังเหลืออยู่ในห้องฝังสพด้านหลัง ถูกดูดออกมาหมดเกลี้ยง

อุณหภูมิในห้องกลางดูเหมือนจะลดลงหลายองศาทันที เสียงของกระแสพลังพิฆาตที่ไหลออกมา ราวกับเสียงผีร้องไห้และหมาป่าหอนอย่างโหยหวน เยี่ยเทียนตั้งสติอย่างมั่นคงไม่หวั่นไหว ยกสองมือขึ้น ชักนำกระแสพลังพิฆาตไปที่หลังคาของหลุมฝังศพ

“เจิง”

มีดสั้น “อู๋เหิน” ที่ถูกเยี่ยเทียนเสียบไว้ที่ผนังอิฐบนหลังคา ส่งเสียงกังวานออกมา ราวกับคนดีใจส่วนมันก็เพิ่มความเร็วของการดูดกระแสพลังพิฆาตจำนวนมาก ในเวลาสั้นๆ แค่ห้าหรือหกนาที กระแสพลังพิฆาตก็ถูกมันดูดหมดไปเกลี้ยง

เยี่ยเทียนก็ไม่รู้ว่า มีดสั้น “อู๋เหิน” มีประสิทธิภาพขนาดนี้ นอกจากการดีอกดีใจ คิดขึ้นมาในใจว่า “ไม่น่าล่ะ อาจารย์จึงให้การยกย่องแก่ของขลังโจมตีขนาดนั้น ถ้ามีของแบบนี้อยู่ แทนที่อาจารย์จะเสียของขลังไปชิ้นหนึ่ง ก็คงใช้จะดูดกระแสพลังพิฆาตที่หลุมฝังศพในภูเขาให้หมดเกลี้ยงโดยตรง”

ช่วงที่เยี่ยเทียนกำลังคิดอยู่ในใจ จู่ๆ ก็เคลิบเคลิ้มสักพัก ตนเหมือนกลับไปที่สนามรบโบราณแห่งหนึ่ง คนนับหมื่นต่อสู้กัน  เสียงตะโกนฆ่ารอบตัวลั่นท้องฟ้า แขนขาที่ขาดกระจายไปทั่ว และทุกๆ ที่ก็เป็นทะเลเลือดภูเขาศพ ในสมรภูมิรบ

“แม่ง ต่อต้านหรือ”

เยี่ยเทียนที่ตกตะลึงอยู่ใช้แรงกัดปลายลิ้น รู้สึกเค็มๆ ในปาก รู้สึกตัวได้สติกลับมา รู้สึกโกรธจึงบีบนิ้วแล้วตะโกนว่า “เข้ามาเถอะ”

โดยการนำด้วยกระแสพลังของเยี่ยเทียน มีดสั้น “อู๋เหิน ที่เสียบอยู่ข้างบนหลังคา เจาะข้ามกำแพงอิฐสี่ชั้นเหมือนเจาะผ่านเต้าหู้ ลอยมาที่เยี่ยเทียน

มีดสั้น “อู๋เหิน” ตอนนี้มันไม่เป็นปกติ  ส่งกระแสพลังพิฆาตรุนแรงกระแทกออกมาอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายก็คือเยี่ยเทียนที่ยืนอยู่ที่ศูนย์กลางของหลุมฝังศพ

“เฮ้ย อุตส่าห์เลี้ยงแกมา แกยังอยากจะเนรคุณหรือ”

ตามตำราโบราณที่สืบทอดมาบอกว่า บางครั้งของขลังที่มีอานุภาพสูงจะทำร้ายเจ้าของ แต่เยี่ยเทียนก็ไม่เคยเจอ เหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมมีดสั้น “อู๋เหิน” จึงไม่อยากอยู่ในการควบคุมของเขาแล้ว

เมื่อมีดสั้น “อู๋เหิน” ลอยมาถึงข้างหน้าเขาแล้ว  เยี่ยเทียนก็ยื่นมือขวาออกมาอย่างรวดเร็วราวฟ้าแลบ ใช้สองนิ้วจับใบมีดของ มีดสั้น “อู๋เหิน” อย่างแน่นหนา ถึงแม้ว่าใบมีดของ มีดสั้น “อู๋เหิน” ยังสั่นสะเทือนและมีเสียง “วิ๊งๆ” ออกมา แต่ก็ไม่หลุดไปจากมือของเขา

เยี่ยนเทียนใช้นิ้วมือในมือซ้ายจิ้มเข้าไปที่ตัวใบมีดของมีดสั้น “อู๋เหิน” อย่างรวดเร็ว อ้าปากพ่นเลือดสดคำหนึ่งที่อยู่ในปากลงบนใบมีดของมีดสั้น “อู๋เหิน”

เดิมที่มีดสั้น “อู๋เหิน” ยังสั่นอยู่ในมือ พอถูกเยี่ยเทียนพ่นเลือดสดคำนั้นใส่ อาการสั่นก็หยุดลงเฉยๆ กระแสพลังพิฆาตทั้งหมดถูกเก็บในตัวมีด กลายเป็นมีดสั้นที่ธรรมดาๆ เล่มหนึ่ง

“โอ้โห ไม่คิดว่าต้องใช้เลือดมาบูชาจริงๆ”

รู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์ของเลือดตนเองกับเลือดในตัวใบมีด “อู๋เหิน” ในมือขวา เยี่ยเทียนยื่นมือเช็ดเลือดในริมฝีปาก เทคนิคลับที่เขาเพิ่งใช้ออกไปก็เพื่อใช้กำหราบพลังพิฆาต

“เจิง” มีดสั้น “อู๋เหิน” ส่งเสียงสดใสชัดเจนออกมา คราวนี้ไม่ได้สั่นอีกแล้วแต่กลับสงบนิ่งในมือเหมือนเด็กน้อย ทำให้เยี่ยเทียนสับสนไปหมด

“ช่างเถอะ ให้อภัยแกสักครั้งก็แล้วกัน” เยี่ยเทียนยิ้นและเตียมจะเก็บ มีดสั้น “อู๋เหิน” ไว้

“เจิง” มีดสั้น “อู๋เหิน” ในฝ่ามือของเยี่นเทียนจู่ๆ ก็ส่งเสียงออกมาอีกและเปลี่ยนทิศทาง ปลายมีดชี้ไปยังทางเดินด้านหลังที่ดำมืด

“ฮือของขลังเตือนภัย หรือว่ามีอะไรอยู่ข้างใน”

เยี่ยเทียนอึ้งไปสักพัก กระแสพลังพิฆาตของห้องฝังศพด้านหลังเขาก็สัมผัสได้  เหมือนกับว่ายังไม่ได้ถูกดูดออกทั้งหมด ที่นั่นถูกกระแสพลังหยินพิฆาตสึกกร่อนมาเป็นพันๆ ปี อาจจะมีของขลังที่เหมือนมีดสั้น “อู๋เหิน” อยู่ก็ไม่แน่นะ

“เข้าไปในภูเขาสมบัติและไม่สามารถกลับมามือเปล่า สิ่งของของคนรุ่นก่อนก็เป็นสิ่งของของพวกเราทุกคนอยู่แล้ว ผมเอาไปสักชิ้นก็สมควรหรือเปล่า”

เดิมเยี่ยเทียนก็ไม่ได้คิดจะขโมยของจากหลุมฝังศพ แต่ว่าสิ่งของที่สามารถทำให้ มีดสั้น “อู๋เหิน” แสดงอาการ คาดว่าไม่ใช่ของธรรมดาแน่ ทันใดนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นร้อนใจ หลังจากข้ามผ่านห้องกลาง เขาก็เข้าไปที่ทางเดินด้านหลัง

โดยทั่วไป เจ้าของหลุมฝังศพก็จะเอาโลงศพของตนเองวางที่ห้องหลัง ถ้าหากว่าเป็นสุสานสำหรับสามีและภรรยา จะมีห้องด้านข้างหลายห้องในห้องด้านหลังเพื่อวางเจ้าของและภรรยา คนอื่นๆ

“ฮือที่นี่มีคนตายอีกได้ยังไง” เมื่อมาถึงประตูหินอ่อนสีขาวของห้องเก็บศพที่ติดต่อกับทางเดินด้านหลัง เยี่ยเทียนหยุดเท้า

เพราะว่าที่ข้างๆ ของประตูหินอ่อนสีขาว ยังมีกระดูกของคนตายกองหนึ่ง เยี่ยเทียสามารถเห็นออกได้จากเสื้อผ้าที่ทำด้วยผ้าลินินหยาบที่เน่าเปื่อยของเขา แน่นอนว่าเขาไม่ใช่เจ้าของหลุมฝังศพที่นี่เด็ดขาด และควรเป็นคนที่เข้ามาขโมยสุสานในภายหลัง

ตามปกติ ในหลุมฝังศพก็ไม่น่าจะมีอันตรายอะไรอีก เยี่ยเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ด้วยความระมัดระวัง ใช้มือซ้ายจับมีดสั้น “อู๋เหิน” มือขวาผลักเปิดประตูหินอ่อนสีขาวที่พังแล้วอย่างช้าๆ

………………