ตอนที่ 445 ปักหลักต่อสู้กับราชาอสูร

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตอนที่ 445 ปักหลักต่อสู้กับราชาอสูร โดย Ink Stone_Fantasy

หลังจากที่หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ แสดงฝีมือออกมา อสูรตั๊กแตนโลหิตยี่สิบกว่าตัวก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น

ผู้อาวุโสหยิบผ้าดิ้นสีเขียวออกมาผืนหนึ่ง พอโยนออกไปด้านหน้า มันก็กลายเป็นแสงสีเขียวม้วนศพอสูรตั๊กแตนโลหิตทั้งหมดไว้ในนั้น

ขณะนี้ เทียนสีแดงก็ไหม้จนหมดแล้ว

ฟางเหยาเปลี่ยนเทียนอีกเล่มอย่างรวดเร็ว

เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ พวกเขาค่อยๆ หลอกล่ออสูรตั๊กแตนโลหิตที่อยู่รอบนอกเข้ามาทีละนิดๆ

ไม่นาน ฝูงอสูรที่มีมากถึงสามสี่ร้อยตัว ก็เหลือแค่เจ็ดสิบถึงแปดสิบตัว

“ฮึ่ม!”

การลงมือของพวกเขาในครั้งนี้ ทำให้ราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตระดับของเหลวที่อยู่ด้านในสุดตื่นขึ้นมา

หลังจากที่มันส่งเสียงคำรามออกมา น้ำทะเลบริเวณที่ฝูงอสูรอยู่ ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!

เงาสีดำขนาดใหญ่ที่ยาวสิบกว่าจั้งพุ่งออกจากฝูงอสูร และพุ่งมาทางพวกหลิ่วหมิงด้วยแววตาดุร้าย

ด้านหลังของเงาดำคืออสูรตั๊กแตนโลหิตจำนวนมากที่มีการฝึกฝนระดับต่ำ

“แย่แล้ว! ราชาอสูรค้นพบพวกเราแล้ว” หญิงหยาดเยิ้มกล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป

“ไม่มีวิธีแล้ว คงต้องพยายามอย่างสุดชีวิต สหายทุกท่าน พวกเราควรหารือเรื่องแผนการให้เสร็จก่อน สหายหลิ่ว สหายซิน รบทวนท่านทั้งสองต้านทานอสูรตั้กแตนโลหิตเหล่านั้นไว้ ส่วนราชาอสูรนั้นมอบให้พวกข้าจัดการเถอะ!” พอฟางเหยาเห็นเช่นนี้ เขาก็ไม่กระตุ้นเทียนสีเลือดอีก แต่กลับพลิกฝ่ามือหยิบดาบไม้ไผ่สีเขียวออกมา และกล่าวกับคนอื่นๆ โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

ผู้อาวุโสชุดดำเห็นเช่นนี้ ก็สบตากับบัณฑิตชุดขาวและหญิงหยาดเยิ้มทีหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ เก็บอาวุธจิตวิญญาณที่ใช้อยู่ และต่างก็หยิบดาบสีเขียวออกมาเล่มหนึ่ง

อาวุธจิตวิญญาณพิเศษชุดนี้ เป็นสิ่งที่พวกเขาใช้รับมือกับราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตโดยเฉพาะ และตั้งใจหาคนสร้างมันขึ้นมา

หลิ่วหมิงกับซินหยวนย่อมตอบรับในทันที

ทันใดนั้น พวกเขาทั้งสามสี่คนก็แสดงวิชาอีกครั้ง เพื่อซ่อนตัวอยู่ในน้ำทะเลบริเวณใกล้ๆ

ผ่านไปสักพัก ภายใต้การนำของราชาอสูร พริบตาเดียวฝูงอสูรตั๊กแตนโลหิตเจ็ดแปดสิบตัวที่เหลือ ก็อยู่ห่างจากด้านนอกม่านแสงไม่ไกลมาก

ขณะนี้ หลิ่วหมิงถึงมองเห็นรูปร่างของราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตอย่างชัดเจน

ร่างของมันมีขนาดใหญ่กว่าอสูรตั๊กแตนโลหิตทั่วไปเจ็ดแปดเท่า ขณะเดียวกัน เกล็ดสีดำบนตัวก็เปล่งประกายแวววาว หัวน่าเกลียดน่ากลัวของมันมีลูกตาสีแดงอยู่ลูกเดียว และยังมีแสงสีเขียวเปล่งประกาย

พอราชาอสูรตัวนี้มาถึงนอกม่านแสง มันก็ไม่ได้พุ่งเข้าไปในทันที แต่กลับวนดูสองสามรอบ จากนั้นก็แผดเสียงร้องแหลมออกมา

อสูรตั๊กแตนโลหิตระดับต่ำที่อยู่ด้านหลังอ้าปากขึ้นพร้อมกัน ทันใดนั้น ลำแสงสีแดงจำนวนมากต่างก็โจมตีใส่ม่านแสงอย่างแม่นยำ

ม่านแสงสีฟ้าส่งเสียงดังหวึ่งๆ จากนั้นก็แตกกระจายออกมาทันที

“ลงมือ!”

ขณะนั้นเอง ฟางเหยาก็ตะโกนออกมา เขากับผู้อาวุโส และคนอื่นๆ โยนดาบไม้ไผ่ในมือออกไปพร้อมกัน

ทันใดนั้น มันก็กลายเป็นแสงสีเขียวสี่ลำก่อนพุ่งเข้าใส่ราชาอสูร

ราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตเห็นเช่นนี้ เกล็ดบนตัวก็อ้าออกและหุบลงทันที จากนั้นไอปีศาจสีม่วงเข้มก็เกาะตัวเป็นลูกธนูสีดำ และพุ่งยิงออกไปท่ามกลางเสียงที่ดังกึกก้อง

หลังจากลำแสงสีเขียวทั้งสี่โจมตีพร้อมกันแล้ว กลุ่มไอหมอกสีม่วงเข้มก็ระเบิดออกมาทันที

พอฟางเหยาและคนอีกสามคนเห็นเช่นนี้ พวกเขาก็ร่ายคาถาออกมาพร้อมกัน และชี้นิ้วไปทางดาบสีเขียวกลางอากาศ ทันใดนั้น มันก็แผ่กลิ่นจันทน์หอมออกมาอย่างน่าประหลาดใจ

พริบตาที่ราชาอสูรสัมผัสกับกลิ่นจันทน์หอม ร่างของมันก็ค่อยๆ สั่นสะท้าน ดวงตาทั้งคู่ดับมืดลง ท่าทีก็ดูระโหยโรยแรงมาก

และในโอกาสนี้ ฟางเหยาและคนอีกสามคนก็บังคับลำแสงสีเขียวทั้งสี่ที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง ให้กลายเป็นดาบแสงสีเขียว และทำการโอบล้อมราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตไว้

ขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงกับซินหยวนก็กระโจนเข้าใส่ฝูงอสูรจำนวนมาก

หลิ่วหมิงใช้มือข้างหนึ่งกวัดแกว่งกระบี่เล็กสีเงิน จนกลายเป็นแสงสีเงินจำนวนมาก จากนั้นก็ม้วนตัวเข้าใส่ฝูงอสูร

ส่วนมืออีกข้างก็ทำท่ามือ พอเกิดเสียงดังกึกก้อง คมวายุเจ็ดแปดสายก็พุ่งยิงออกไปพร้อมกัน

อสูรตั๊กแตนโลหิตที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกลับพ่นแสงสีเลือดออกมาจำนวนมาก หลังจากเชื่อมต่อกันแล้ว มันก็กลายเป็นกำแพงแสงต้านทานเงากระบี่สีเงินกับคมวายุสีเขียวไว้

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็เลิกคิ้วขึ้นมา และเปลี่ยนท่ามือทันที จุดแสงสีแดงก่อตัวขึ้นตรงหน้า จากนั้นลูกเปลวไฟสีแดงขนาดเท่ากำปั้นก็พุ่งยิงออกไป ทันทีที่ปะทะใส่กำแพงแสง มันก็ระเบิดตัวเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่

ซินหยวนกลับหัวเราะออกมา จากนั้นก็อาศัยจังหวะนี้พุ่งเข้าใส่ฝูงอสูร กระบองเหล็กในมือกลายเป็นคลื่นเงากระบองสีดำม้วนตัวเข้าใส่อสูรตั๊กแตนโลหิตที่อยู่บริเวณนั้น

“เต๊งๆ!”

อสูรตั๊กแตนโลหิตสิบกว่าตัวที่อยู่ใกล้เขา ถูกเงากระบองโจมตีจนกระเด็นออกไป และชนใส่อสูรตั๊กแตนโลหิตตัวอื่นๆ

ฝูงอสูรตั๊กแตนโลหิตเกิดความชุลมุนขึ้นมา!

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็กระโดดขึ้นมาอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็กลายเป็นสายรุ้งสีเงินพุ่งยิงออกไป

“ฟิ้ว!”

กำแพงแสงสีเลือดตรงหน้าหลิ่วหมิงถูกสายรุ้งสีเงินผ่าออกมา อสูรตั๊กแตนโลหิตสิบกว่าตัวที่อยู่ตรงหน้าสุด ถูกฟันออกเป็นสองส่วน

พออสูรตั๊กแตนโลหิตขนาดเล็กหลายสิบตัวเห็นเช่นนี้ ก็พากันแตกกระเจิงในทันที ในขณะที่มันส่งเสียงขานรับกัน ก็ได้พ่นไอสีดำออกมาเป็นกลุ่มๆ จากนั้นไอดำเหล่านี้ก็กลายเป็นลูกธนูพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงกับซินหยวน

แต่หลิ่วหมิงกลับกลายร่างเป็นสายรุ้งสีเงินที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ส่วนซินหยวนก็มีเงากระบองโบกสะบัดอย่างแน่นหนา จนลูกธนูไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลยแม้แต่น้อย

พริบตาเดียว ทั้งสองก็โจมตีจากทั้งสองด้านอย่างรุนแรง

อีกด้านหนึ่ง ราชาอสูรระดับของเหลวขั้นปลายตัวนั้น ถูกฟางเหยากับคนอีกสามคนล้อมโจมตีจากภายนอก และถูกกลิ่นจันทน์หอมควบคุมไว้ สถานการณ์ของมันจึงไม่ค่อยดีมากนัก เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ มันก็มีบาดแผลเต็มตัว

แต่อสูรตนนี้ก็รับรู้ได้ว่าคงยากจะรักษาชีวิตไว้ได้ มันจึงพยายามต่อต้านอย่างสุดชีวิต

ทันใดนั้น ดวงตาของมันก็เผยแววดุร้ายออกมา หลังจากส่ายหัวอันหนักอึ้งแล้ว เกล็ดบนตัวก็อ้าออกแล้วหุบลงอีกครั้ง ไอปีศาจสีม่วงเข้มพวยพุ่งออกมา ส่วนหนึ่งคุ้มร่างของมันไว้ อีกส่วนหนึ่งก็กลายเป็นโซ่หมอกสีดำสิบกว่าเส้นโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง

ฟางเหยาหลบโซ่หมอกเส้นหนึ่งไปได้ พอเขาโบกมือ ดาบไม้ไผ่สีเขียวก็พุ่งออกไปพร้อมกับแสงสีเขียว จากนั้นก็ฟันลงบนหลังราชาอสูร

“ฟิ้ว!”

ไอปีศาจบนตัวราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตดูบางเบาราวกับกระดาษ มันไม่สามารถต้านทานแสงสีเขียวได้เลยแม้แต่น้อย ไม่นานมันก็ถูกฟันจนเกิดแผลยาวหลายฉื่อ เลือดสดๆ ของมันกระเด็นไปทั่วทิศ

“ทุกท่าน ราชาอสูรโดนกลิ่นจันทร์หอมไผ่เขียวไป มันคงใกล้จะไม่ไหวแล้ว พวกเราอย่าได้ออมมือไว้ รีบจัดการขั้นเด็ดขาดเถอะ!” ฟางเหยาเห็นเช่นนี้ก็ตะโกนด้วยความตื่นเต้น หลังจากชี้มือไปยังดาบไม้ไผ่สีเขียวที่พุ่งกลับมาแล้ว มันก็กลายเป็นเงาคมดาบสีเขียวม้วนตัวออกไปอีกครั้ง

คนอีกสามคนเห็นเช่นนี้ ก็รีบกระตุ้นพลังเวทด้วยความดีใจ

พริบตานั้น แสงสีเขียวเปล่งประกายบริเวณใกล้ๆ จากนั้นดาบไม้ไผ่สีเขียวทั้งสี่ ก็กลายเป็นตาข่ายสีเขียว

ครู่เดียว ราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตก็มีบาดแผลเต็มตัว และมีเลือดไหลออกมา

นี่เป็นเพราะว่าอสูรสมุทรระดับของเหลวขั้นปลายผู้นี้ พยายามปล่อยปราณแกร่งออกมาคุ้มกันร่างไว้ มิเช่นนั้นคงถูกดาบของทั้งสี่ฟันเป็นหมื่นๆ ชิ้นแล้ว

ภายใต้การร่วมมือของทั้งสี่ ทำให้ได้เปรียบเป็นอย่างมาก

“การดำเนินการในครั้งนี้ราบรื่นอย่างน่าอัศจรรย์ ดูท่าการถอนพิษของข้ากับเจ้าคงมีหวังแล้ว มันคงจะยืนหยัดได้ไม่นาน” พอซินหยวนสะบัดกระบองเหล็ก อสูรตั๊กแตนโลหิตที่พุ่งเข้ามาก็ถูกตีจนเละเป็นโจ๊ก เมื่อเขาเหลือบมองการต่อสู้ที่อยู่ไกลๆ และกลับมามองอสูรตั๊กแตนโลหิตบริเวณใกล้ๆ ที่เหลืออยู่ไม่มากแล้ว เขาก็หัวเราะก่อนกล่าวออกมา

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!” หลิ่วหมิงพยักหน้า ขณะเดียวกันก็ทำท่ามือกระตุ้นกระบี่ ทันใดนั้นแสงสีเงินก็ม้วนตัวออกไป พริบตาเดียว ก็ฟันอสูรตั๊กแตนโลหิตอีกสองตัวเป็นจนกลายเป็นเจ็ดแปดชิ้น

แต่ทว่าในขณะนั้นเอง ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน!

ราชาอสูรที่โงนเงนอยู่ตรงหน้าถูกฟันหัวอย่างรุนแรง ทันใดนั้น ดวงตาของมันก็เปล่งแสงออกมา พอมันแหงนคอส่งเสียงร้อง ไอปีศาจสีม่วงเข้มที่ลอยวนเวียนอยู่บนตัว ก็หดขยายอยู่ครู่หนึ่ง เกล็ดบนตัวกลายเป็นสีแดงเข้มราวกับโลหิต ขณะเดียวกัน บาดแผลก็สมานกันอย่างรวดเร็ว

“เต๊งๆ!”

แสงสีเขียวทำลายปราณแกร่งคุ้มกันตัว และฟันลงบนเกล็ดสีแดง แต่ทิ้งไว้เพียงรอยสีขาวเท่านั้น และไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อย

อสูรตั๊กแตนโลหิตส่งเสียงคำรามออกมา แสงสีเลือดเปล่งประกายในแววตา บาดแผลบนตัวสมานกันอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน ก็เกิดคลื่นใต้น้ำในบริเวณใกล้ๆ ไอสีแดงเข้มพุ่งออกจากศพอสูรตั๊กแตนโลหิตบริเวณนั้น และเกาะตัวเป็นกลุ่มโลหิตพวยพุ่งไปหาราชาอสูรอย่างบ้าคลั่ง

“ระวังด้านหลัง! ดูเหมือนอสูรตนนี้จะกลายพันธุ์แล้ว!”

พอเห็นราชาอสูรมีท่าทีเปลี่ยนไปเช่นนี้ ผู้อาวุโสชุดดำก็ตะโกนออกมา ขณะเดียวกันก็โบกสะบัดธงสามเหลี่ยมสีฟ้าในมือ จากนั้นระลอกคลื่นสีฟ้าจำนวนมากก็คุ้มกันตนเองไว้

พอคนอื่นๆ ได้ยินก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก บ้างก็รีบเปลี่ยนท่ามือเพื่อเรียกดาบกลับมา บ้างก็ยกแขนปล่อยอาวุธจิตวิญญาณอื่นๆ ออกมา เพื่อป้องกันตัวไว้ก่อน ชั่วขณะนั้นพวกเขามือไม้วุ่นวายไปหมด

ในขณะนั้นเอง อสูรตั๊กแตนโลหิตก็ส่งเสียงร้องแหลมออกมา หลังจากกลุ่มโลหิตหมุนตัวติ้วๆ แล้ว ก็กลายเป็นคมดาบสีแดงจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งหมดสามสิบถึงสี่สิบเล่ม จากนั้นก็พร่ามัวหายไปอย่างน่าประหลาดใจ

ครู่ต่อมา มีคลื่นก่อตัวขึ้นบริเวณที่บัณฑิตอยู่ ดาบโลหิตจำนวนมากปรากฏออกมา และพุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว

ฝานหลิงจื่อตกใจจนหน้าถอดสี คิดจะหลบหลีกก็ไม่ทันการณ์แล้ว

เขาร้องออกมาอย่างน่าเวทนา ปราณแกร่งที่คุ้มร่างถูกดาบโลหิตทำลาย พริบตาเดียว ร่างของเขาก็ถูกแทงเป็นรูจำนวนมาก

ฝานหลิงจื่อเอามือข้างหนึ่งกุมจุดสำคัญบริเวณหน้าอกไว้ ดวงตาของเขาดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากโงนเงนสองสามทีแล้ว ร่างของเขาก็ล้มลงไป

“ระวัง! หลังจากอสูรตัวนี้กลายเป็นพันธุ์แล้ว มันสามารถควบคุมโลหิตประเภทเดียวกันเพื่อทำการโจมตีได้” ฟางเหยาเห็นเช่นนี้ ก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจระคนโมโห

…………………………………