ตอนที่ 1780

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,780 : เวทย์พลังอันดับหนึ่ง!

 

“เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าพื้นที่มรดกเวทย์พลังแห่งนั้นเป็นพื้นที่บึงอันห้อมล้อมไปด้วยป่ารกชัด ทั้งแน่ใจว่ามิได้อธิบายรูปลักษณ์ของสัตว์ร้ายทั้ง 4 ผิดไป?”

 

จ้าววังนภาจูลู่ฉี มองจี้ถามเซียวตุนเสียงเข้ม

 

ตอนนี้เซียวตุนพลันพบว่าบรรยากาศโดยรอบผิดแปลกไป แต่มันก็เลือกจะพยักหน้ายืนยัน “ข้าแน่ใจว่ากล่าวมิผิด เพราะก่อนหน้าข้ากับพี่เจิ้งก็ไปเจอมากับตัว…พี่เจิ้งเองก็พิสูจน์ได้ว่าข้ากล่าวจริง”

 

หลังจากกล่าวยืนยัน เซียวตุนก็หันไปมองศิษย์วังปฐพี ฉินเจิ้ง

 

เพราะตอนนั้นเป็นฉินเจิ้งค้นพบพื้นที่มรดกเวทย์พลังทั้ง 2 ทั้งคู่ก็ได้พากันไปลองทั้ง 2 แห่งมาแล้ว

 

จนพบว่าด้วยพลังฝีมือของ 2 คนไม่อาจผ่านบททดสอบได้ จึงคิดจะไปหาคนมาช่วย

 

แต่ใครจะไปรู้ว่าดันไปเจอคนสกุลจ้าวทั้ง 3 ระหว่างทางเสียก่อน สุดท้ายคนสกุลจ้าวก็เลือกเชือดไก่ให้ลิงดู ฆ่าฉินเจิ้งหมายบีบคั้นให้มันกล่าวบอกตำแหน่งมรดกเวทย์พลังออกไป

 

สิ้นคำเซียวตุน สายตาของเหล่าอาวุโสตำหนักฟ้าลี้ลับ รวมถึงจ้าวตำหนักอย่างเมิ่งฉิง ก็เบนไปตกที่ร่างฉินเจิ้งทันที

 

ฉินเจิ้งไม่กล้ารอช้า เร่งพยักหน้ายืนยันออกมาทันที “มิผิด เซียวตุนกล่าวถูกแล้ว!”

 

“เป็นสถานที่แห่งนั้นจริงๆ!”

 

หลังจากได้รับการยืนยันจากฉินเจิ้ง อาวุโสกระทั่งจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับล้วนส่ายหัวออกมาทันที

 

จ้าวเติง รองจ้าวตำหนักเองแววตาก็แปรเปลี่ยนเป็นสนุกสนาน คล้ายกำลังสะใจกับคราวเคราะห์ของผู้อื่น

 

“ท่านจ้าววัง มีอันใดผิดพลาดหรือขอรับ?”

 

เซียวตุนที่สัมผัสได้ว่าบรรยากาศโดยรอบมันผิดแปลกไป อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามจูลี่ฉีออกมา

 

“มันก็มิมีใดผิดพลาดหรอก…”

 

จูลู่ฉีส่ายหัวกล่าว “พื้นที่มรดกเวทย์พลังที่เจ้าไปพบนั้น ในอดีตก็มีคนของตำหนักฟ้าลี้ลับเราไปพบเจอกันมิน้อย…หากแต่มิมีผู้ใดสามารถผ่านบททดสอบแรก ของสถานที่แห่งนั้นได้เลย! กระทั่งยังมีน้อยคนที่สามารถรอดชีวิตออกจากการทดสอบแรกมาได้!!”

 

“อะไรกัน!”

 

ได้ยินคำกล่าวของจูลู่ฉี ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับที่ตั้งใจฟังอดไม่ได้ที่จะตกใจ

 

เซียวตุนกับฉินเจิ้งเองก็อึ้งไปไม่ต่าง พวกมันทั้งคู่หันมามองหน้าสบตากัน จนได้แลเห็นแววตาไม่อยากจะเชื่อของกันและกัน

 

กระทั่งบททดสอบแรกยังมีน้อยคนที่หลบหนีออกมาได้…นี่ไม่ใช่กล่าวเกินจริงไปหน่อยรึไง?

 

“ท่านจ้าววังขอรับ ข้ากับพี่เจิ้งเองก็เข้าไปยังพื้นที่มรดกนั้นมาแล้ว…บททดสอบแรกมิใช่เป็นสัตว์ร้าย 4 ตัวหรอกหรือขอรับ ถึงแม้พวกมันทั้ง 4 จะเป็นเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดที่ มีอำนาจทัดเทียมเซียนขัดเกลาขั้นต้นยามลงมือพร้อมกัน แต่ข้ากับพี่เจิ้งยังหนีรอดกันมาได้…แล้วไฉนในประวัติศาสตร์ตำหนักฟ้าลี้ลับเราถึงมีน้อยคนรอดมาได้เล่าขอรับ?”

 

เซียวตุนอดไม่ได้ที่จะกล่าวบอกเรื่องนี้ออกมา

 

ฉินเจิ้งเองก็พยักหน้า ในฐานะที่เจอมากับตัวมันย่อมเห็นด้วยกับเซียวตุน

 

“สัตว์ร้าย 4 ตัวที่เจ้าว่า ยังมิใช่บททดสอบแรกของสถานที่แห่งนั้น…บททดสอบแรกของสถานที่แห่งนั้นจักเริ่มต้นขึ้นหลังจากเจ้าฆ่าสัตว์ร้ายทั้ง 4 นั่นลงได้!”

 

จูลู่ฉีส่ายหัว ค่อยกล่าวอธิบาย “หลังจากฆ่าสัตว์ร้ายทั้ง 4 นั่นแล้ว นอกจากบึงน้ำดำลึกลับนั่น จักมีสัตว์ร้ายชนิดเดียวกับสัตว์ร้ายทั้ง 4 นั่นนับพันๆตัวกรูกันเข้ามาจากทุกทิศทาง…แถมพวกมันยังร้ายกาจกว่าชุดแรกนัก! กระทั่งขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นต้นยังมีนับสิบๆตัว! ทั้งพวกมันยังมี ราชา ที่มีพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ ที่เจียนบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเต็มที!!”

 

“หากจะมองในแง่พลังฝึกปรือ แม้พวกมันจะยังไม่มีตัวใดบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด…แต่ในแง่ของปริมาณแล้วพวกมันมีมากมายมหาศาลนัก! สัตว์ร้ายฝูงใหญ่นับพันๆตัว ที่อ่อนแอที่สุดก็เซียนดั้งเดิมขั้นกลาง พวกมันโถมถันเข้ามามืดฟ้ามัวดิน เว้นแต่จะเป็นยอดฝีมือขอบเขตอริยะเซียนขั้นต้นขึ้นไปเปิดใช้เขตแดนอันทรงพลังต้านทาน หาไม่แล้วผู้ที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยกว่านั้นมิมีทางต้านทานได้เลย!”

 

“ในประวัติศาสตร์ของตำหนักฟ้าลี้ลับของพวกเรา ครั้งหนึ่งเคยมีกลุ่มยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่เป็นดั่งกลุ่มจตุรเทพในยุคนั้น ในกลุ่มบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ 3 ส่วนหนึ่งในนั้นยังพึ่งตัดผ่านถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด…ทว่ากลุ่มนั้นยังมิอาจต้านรับเหล่าสัตว์ร้ายที่บุกมาพร้อมกับราชาได้…ทำให้ถูกฆ่าล้างยกกลุ่ม! ภายใต้การถาโถมของทัพสัตว์ร้ายนับพัน พวกมันฆ่าได้แค่มิกี่ร้อยเท่านั้นก่อนที่จะตายตก!”

 

จูลี่ฉีกล่าวออกมารวดเดียวจบ

 

ซูด! ซูด! ซูด! ซูด! ซูด!

 

……

 

พอวาจาของจูลี่ฉีดังจบคำ เหล่าศิษย์ที่สนใจฟังอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ

 

“เป็นพื้นที่มรดกเวทย์พลังอันใดกันแน่? ไฉนถึงได้น่ากลัวนัก..แค่บททดสอบแรกยังโหดขนาดนี้แล้ว!?”

 

“ช่างหฤโหดยิ่ง”

 

“ถึงพลังฝีมือของหลิงเทียนจักร้ายกาจ แต่ก็แค่เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดคนหนึ่ง…หากต้องเผชิญหน้ากับกองทัพสัตว์ร้ายเช่นนั้น เกรงว่าจัก 9 ตาย 1 รอด!”

 

“หากเป็นพื้นที่มรดกเวทย์พลังระดับสูงทั่วไป ด้วยพลังฝีมือของหลิงเทียนคงสามารถบุกผ่านได้…แต่พื้นที่มรดกเวทย์พลังระดับสูงขนาดนี้ น่ากลัวว่าคงมิใช่อันใดที่เขาจะผ่านมันได้!”

 

“พื้นที่มรดกเวทย์พลังมีบททดสอบน่ากลัวถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเวทย์พลังที่อยู่ในนั้นมิเลิศล้ำสะท้านฟ้าเลยหรือ…เพียงคิดก็น่าตกใจแล้ว!”

 

“ย่อมเป็นธรรมดาที่เวทย์พลังในนั้นจักมิธรรมดา แต่ทว่าให้ไม่ธรรมดาเพียงใด ก็ไม่มีผู้ใดสามารถสืบทอดได้!”

 

“นั่นสิ บทสอบเช่นนั้นมันยากเกินไป”

 

……

 

หลังจากคืนสติ เหล่าศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับก็ระเบิดคำสนทนากันอื้ออึง ทั้งหมดไม่มีใครคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะผ่านบดทดสอบแรกได้เลย

 

มุมปากจ้าวจี้ยกยิ้มขึ้นมาค้างเติ่งยากจะหุบลง

 

“สัตว์ร้ายทั้ง 4 นั่น…แค่โหมโรงก่อนที่บททดสอบแรกจะเริ่มต้นงั้นหรือ?”

 

หลังได้ยินคำของจูลู่ฉี เซียวตุนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่จะหันไปมองฉินเจิ้ง และได้แลเห็นแววตาตกใจของอีกฝ่าย

 

พวกมันเองก็ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าหนึ่งในพื้นีท่เวทย์พลังที่พวกมันพบเจอมา จะเป็นพื้นที่มรดกเวทย์พลังระดับสูงขนาดนี้!

 

“เช่นนั้น…มิใช่ศิษย์พี่หลิงเทียนตกอยู่ในอันตรายหรอกหรือ!?”

 

พอคิดถึงต้วนหลิงเทียนขึ้นมา สีหน้าเซียวตุนก็ตื่นตระหนก ทั้งไม่นานก็กลายเป็นละอายใจ รู้สึกผิด

 

หากมันรู้แต่แรกว่าพื้นที่มรดกเวทย์พลังดังกล่าวจะอันตรายถึงขนาดนี้ มันจะไม่พาต้วนหลิงเทียนไปแน่นอน เพราะอย่างไรเสียต้วนหลิงเทียนก็เป็นผู้มีพระคุณช่วยมันไว้ มันก็ไม่ใช่ตัวบัดซบเนรคุณคน

 

“แล้วพื้นที่มรดกเวทย์พลังที่เจ้าว่า…หลิงเทียนเข้าไปตั้งแต่เมื่อใด?”

 

ตอนนี้เองจูลู่ฉีพลันมองจี้ถามเซียวตุนอย่างจริงจัง

 

ตอนนี้มันเองก็อดไม่ได้ที่จะกังวลในความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียน

 

เพราะสุดท้ายแล้วพื้นที่มรกเวทย์พลังแห่งนั้น ก็คือพื้นที่มรดกเวทย์พลังที่อันตราย กระทั่งเป็นพื้นที่ต้องห้ามอันดับ 1 ของตำหนักฟ้าลี้ลับ!

 

คราวนี้ศิษย์ที่ร้ายกาจและมีพรสวรรค์ที่สุดในวังนภาของมัน กลับบุกเข้าไปโดยไม่รู้ตัว…

 

มันจะไม่กังวลได้อย่างไร?

 

ต้องทราบด้วยว่าการเก็บเกี่ยวในแดนลับเซียนของต้วนหลิงเทยนครั้งนี้ สำคัญกับตำหนักฟ้าลี้ลับนัก!

 

ด้วยความสามารถของต้วนหลิงเทียน ตราบใดที่ไม่ตกตายไปเสียก่อน วันหน้าย่อมสามารถทะลวงถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ได้แน่นอน!

 

นอกจากนี้ด้วยไหวพริบปฏิภาณ ย่อมสามารถทำความเข้าใจเวทย์พลังที่ได้รับมาจากแดนลับเซียน กระทั่งมีความเป็นไปได้ที่จะเพาะสร้างต้นแบบเวทย์พลังถึงขั้นถ่ายทอดส่งต่อให้ชนรุ่นหลังได้มากกว่าผู้อื่น!

 

ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่อยากให้ต้วนหลิงเทียนถูกขับออกจากแดนลับเซียนเร็วนัก

 

“ราวๆ 10 วันก่อน…”

 

เซียวตุนครุ่นคิดเล็กน้อยค่อยกล่าวตอบออกมา

 

10 วันก่อน?

 

ได้ยินวาจานี้ของเซียวตุน กู่ลี่ที่ลอยร่างอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เข้าไปยังพื้นที่เวทย์พลังที่อันตรายขนาดนั้นตั้งแต่ 10 วันที่แล้ว ทว่ายังไม่ตกตายออกมา…ข้าคิดว่าป่านนี้น้องหลิงเทียนคงเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดีแล้วล่ะ”

 

ความคิดของกู่ลี่ก็เหมือนกับความคิดของคนส่วนใหญ่

 

“ดูเหมือนว่าหลิงเทียนจะรับมือกับปัญหานั่นได้”

 

“ใช่…ผ่านไปแล้วกว่า 10 วันแบบนี้แต่มิถูกขับออกจากแดนลับเซียน หลิงเทียนน่าจะเอาตัวรอดจากบททดสอบแรกนั่นได้แล้ว!”

 

“ถึงแม้เวทย์พลังในพื้นที่มรดกเวทย์พลังนั่นจักเลิศล้ำ…แต่ก็เป็นไปมิได้เลยที่หลิงเทียนจะคว้ามันมาครองได้ โดยลงมือเพียงลำพังเช่นนี้”

 

……

 

หลายคนในตำหนักฟ้าลี้ลับล้วนคิดกันไปว่าต้วนหลิงเทียนน่าจะเอาตัวรอดจากฝูงสัตว์ร้ายได้ และเลือกหลบหนี ละทิ้งบททดสอบแรกของสถานที่แห่งนั้นไปแล้ว

 

ก่อนหน้านี้เซียวตุนที่ใจกังวลย่อมหูตาฝ้ามัว พอมันสงบใจลงได้ก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเช่นกัน ‘จริงด้วย 10 วันแล้วศิษย์พี่หลิงเทียนยังไม่ถูกขับออกมา ศิษย์พี่ต้องหนีรอดจากพื้นที่ผีสางนั่นได้แล้วเป็นแน่…ข้าหวังว่าศิษย์พี่คงไม่คิดว่าข้าคิดทำร้ายเขาหรอกนะ’

 

พอคิดถึงเรื่องหลัง เซียวตุนก็ได้แต่เผยยิ้มขื่นขมออกมา

 

“10 วันแล้วแต่มันยังมิถูกกำจัด?”

 

สีหน้าจ้าวเติงมืดดำทั้งถมึงทึง ในเมื่อ 10 วันแล้วแต่อีกฝ่ายยังไม่ถูกขับออกมา นั่นหมายความว่าเอาตัวรอดจากสถานที่แห่งนั้นได้

 

ตอนนี้เองรอยยิ้มสะใจบนมุมปากจ้าวจี้ก็ค้างเติ่งไปเช่นกัน

 

ตั้งแต่ต้นจนจบทุกคนไม่เว้นจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับอย่างเมิ่งฉิง ไม่มีใครคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะผ่านบททดสอบแรกนั่น กระทั่งผ่านทุกบททดสอบของพื้นที่มรดกเวทย์พลังดังกล่าวจนได้รับสืบทอดมรดกมาเลย

 

เพราะในประวัติศาสตร์ของตำหนักฟ้าลี้ลับ สถานที่แห่งนั้น คือพื้นที่ต้องห้ามอันดับ 1 ในแดนลับเซียน!

 

เวทย์พลังที่ตกทอดอยู่ในสถานที่แห่งนั้น ได้รับการยอมรับจากสุดยอดฝีมือที่เป็นผู้บุกเบิกประวัติศาสตร์ของตำหนักฟ้าลี้ลับว่าเป็น เวทย์พลังอันดับ 1 ในบรรดาเวทย์พลังมากมายที่อยู่ในแดนลับเซียนของตำหนักฟ้าลี้ลับ!

 

‘หลิงเทียนนั่นมีโชคนัก กระทั่งบุกเข้าไปในพื้นที่เวทย์พลังอันดับ 1 ของตำหนักฟ้าลี้ลับได้…อย่างไรเสียหากพลังฝึกปรือเพียงบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด คงยากที่จะสืบทอดมรดกเวทย์พลังนั่นได้’

 

แม้กู่มี่จะมาจากตำหนักเมฆาคราม แต่เรื่องเวทย์พลังอันดับ 1 ในแดนลับเซียนของตำหนักฟ้าลี้ลับมันก็พอรู้มาอยู่บ้าง

 

กระทั่งบันทึกประวัติศาสตร์ของตำหนักเมฆาครามยังมีกล่าวบันทึกไว้ ว่าในแดนลับเซียนของตำหนักเมฆาคราม ก็ไม่มีพื้นที่มรดกเวทย์พลังอันใดที่มีความน่ากลัวเทียบได้กับพื้นที่ต้องห้ามอันดับ 1 ในแดนลับเซียนของตำหนักฟ้าลี้ลับเลย…

 

แต่แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นตลาดมืดหยินชานหรือตำหนักเมฆาคราม ก็ไม่ได้สนใจเวทย์พลังอันดับ 1 ของตำหนักฟ้าลี้ลับสักเท่าไหร่

 

เนื่องจากพวกมันรู้ดีว่าในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า คงยากจะมีใครสามารถคว้าเวทย์พลังนั่นไปได้!

 

ต้วนหลิงเทียน แน่นอนว่าไม่ได้รับรู้เรื่องราวในโลกภายนอกแม้แต่น้อย

 

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพื้นที่มรดกเวทย์พลังีท่เขากำลังบุกฝ่าอยู่ตอนนี้ คือสถานที่ต้องห้ามอันดับ 1 ของตำหนักฟ้าลี้ลับ!

 

เรีบกว่าพื้นที่มรดกเวทย์พลังแห่งนี้ เป็นดั่งฝันร้ายของอัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์ของตำหนักฟ้าลี้ลับก็ว่าได้!

 

ไม่มีใครสามารถผ่านบททดสอบแรกได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับคิดรับสืบทอดมรดกเวทย์พลัง?

 

ต้วนหลิงเทียนไม่รู้เรื่องราวภายนอก คนด้านนอกก็ไม่รู้เรื่องราวของต้วนหลิงเทียน

 

พวกมันไม่ได้รู้เลยว่าต้วนหลิงเทียนสามารถผ่านบททดสอบแรกมาได้อย่างไม่ได้ยากเย็นอะไร กระทั่งผ่านบททดสอบที่ 2 ที่น่ากลัวยิ่งกว่าบททดสอบแรกมาได้แล้ว และตอนนี้กำลังจะเผชิญหน้ากับบดทดสอบที่ 3!

 

ปงงง! ปงงง! ปงงง! ปงงง!

 

……

 

ต้วนหลิงเทียนที่ใช้ระฆังกระบี่คลุมกายได้ทันเวลา สามารถต้านทานรับมือกับมวลพลังอันน่ากลัวที่สาดโถมลงมาจากเบื้องบนดั่งน้ำตกเอาไว้ได้ไม่ยากเย็น คนย่างเท้าออกจากอุโมงค์ไปย่ำเหยียบพื้นราบเบื้องหน้าอย่างไม่ครั่นคร้าม…