ส่วนที่ 4 ตอนที่ 162 รอยแตกอีกด้าน

ความลับแห่งจินเหลียน

ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “คุณก็เป็นแบบนี้ คิดไม่ถึงเลยจะกล้าทุ่มทุนเงินหลักร้อยล้านไปวางบนการเดิมพัน คุณกลัวว่าจะมีเงินมากเกินไปเหรอ?”

 

 

“ถึงผมจะไม่รู้เรื่อง แต่ดวงก็ไม่แย่เลย งานเดิมพันสามารถซื้อตามทิศทางลมได้ หนทางการเดิมพันมีให้ศึกษาวิธีอยู่มาก ไม่ใช่แค่คนที่เข้าใจจริงๆ เท่านั้นที่สามารถกอบกำเงินก้อนใหญ่ได้อย่างเดียว!” จ่านมู่ฮวาพูดจริงจัง “แถมดวงของผม คุณดูสิ ผมดวงก็ใช้ได้เลยนะ นี่ไม่ใช่ชนะได้ของรางวัลมาอยู่เหรอ?”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนกับสวี่อี้หรานยิ้มพร้อมส่ายศีรษะ เคยเจอเรื่องที่น่าละอาย แต่ไม่เคยเจอคนที่หน้าด้านหน้าทนขนาดนี้…ไม่รู้เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไร แมวตาบอดเจอกับหนูที่ตาย เขายังอวดเก่งอีก?

 

 

“ต่อจากนี้จะเป็นไฮไลท์ของงานนี้นะครับ คุณซีเหมินกับคุณป้าของผมได้ทำการเดิมพันกันไว้ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเดิมพันสีและชนิดใครทายถูกมากที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะไป!” อวิ๋นเฮ่อซินหยิบไมโครโฟนพูดก้อง

 

 

ซีเหมินจินเหลียนแปลกใจ เรื่องแบบนี้ เขาสามารถเชิญให้พิธีกรผู้หญิงในงานมาจัดการก็ได้ ไม่มีความจำเป็นที่ตัวเองต้องมาทำเอง ดูจากการถือไมโครโฟนในมือของเขาแล้ว มันก็แปลกๆ ยังไงชอบกล

 

 

แม้ว่าอวิ๋นเฮ่อซินจะไม่ได้ประกาศว่าซีเหมินจินเหลียนและอวิ๋นอวิ้นเดิมพันอะไรไป แต่ผู้คนต่างก็กอดความกระตือรือร้นเข้ามาดูอย่างคึกคัก

 

 

“ตอนนี้เรียนเชิญทนายความมาประกาศผลการเดิมพันของทั้งสองท่านด้วยครับ!” อวิ๋นเฮ่อซินประกาศเสียงดัง

 

 

ทนายหยางเตรียมจดหมายทั้งสองฉบับไว้อยู่นานแล้ว แบ่งให้ทั้งสองคนตรวจสอบว่ามีคนเคยเปิดซองมาก่อนหรือเปล่า แต่ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะพูด “ฉันขอให้ตรวจสอบด้วยลายนิ้วมือค่ะ”

 

 

“คุณซีเหมิน เรื่องนี้เกรงว่าจะยุ่งยากหน่อยนะครับ?” ทนายหยางพูด

 

 

“ไม่ยุ่งยากหรอกครับ” จู่ๆ เลี่ยวก่วงก็ฝ่าฝูงชนเดินไปที่ตรงหน้าของทั้งสอง ทำท่าทางที่ตัวเองคุ้นเคยอย่างการคว้าบัตรเจ้าหน้าที่มายืนยัน “ผมเป็นผู้บังคับบัญชาตำรวจอาชญากรรมของเมืองเซี่ยงไฮ้ บังเอิญเดินทางมาเมืองหยางโจวพอดี…วางใจได้ ผมไม่ได้มาทำคดี ผมมาร่วมยินดีพอดี ดังนั้นเลยมาเปิดหูเปิดตาดูเกมเดิมพันหินที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้ ถ้าหากคุณผู้หญิงท่านนี้อยากจะตรวจสอบลายนิ้วมือ สามารถทำได้ทันที ผมยินดีให้ความช่วยเหลือครับ!”

 

 

เลี่ยวก่วงแกล้งทำเป็นไม่รู้จักซีเหมินจินเหลียนพร้อมเอ่ยปากพูด

 

 

“ที่แท้ก็คือผู้บังคับบัญชาเลี่ยวนี่เอง” ทนายหยางคว้าหลักฐานมาแสกนพักหนึ่งก็รู้ว่าหลักฐานนี้เป็นจริง ไม่ได้ถูกปลอมแปลงมา แต่ปัญหาก็คือ…ปัญหาก็คือ…งานเลี้ยงแบบนี้ จริงๆ เป็นงานเลี้ยงภายใน แล้วเขาเข้ามาในนี้ได้อย่างไร?

 

 

“ผู้บังคับบัญชาเลี่ยว…” อวิ๋นเฮ่อซินรู้สึกสงสัยอย่างมาก ทำไมคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก เหมือนตระกูลของเขาเองจะไม่ได้มีเพื่อนหรือญาติสนิทคนนี้นี่นา?

 

 

“คุณอวิ๋นมีขอสงสัยอะไรจะสอบถามหรือเปล่าครับ?” เลี่ยวก่วงถามอย่างสุภาพอ่อนโยน เมื่อปรับเปลี่ยนบุคลิกของข้าราชการ ก็วางท่าดูเหมือนคุณชายมาจากตระกูลร่ำรวย ทำให้ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแปลกใจอย่างบอกไม่ถูก

 

 

“ขอโทษที่ต้องถามนะครับ แต่พวกเรารู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า?” อวิ๋นเฮ่อซินถาม

 

 

“ดูแล้วเหมือนเราไม่ได้รู้จักกันนะครับ” เลี่ยวก่วงพูดจบก็ควักบัตรเชิญออกมาจากกระเป๋าส่งไป “ผมคือตัวแทนของคุณพ่อ มาตามที่นัดไว้ครับ!”

 

 

อวิ๋นเฮ่อซินยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม รับบัตรเชิญจากเขามาดู อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วยกใหญ่ เป็นเขาได้อย่างไร? ไม่เคยได้ยินว่าตระกูลของเขาจะมีลูกชายที่ทำงานอยู่ในแวดวงข้าราชการนี่นา? แน่นอนว่าถ้าเป็นตระกูลอย่างพวกเขา ถ้าหากมีลูกหรือหลานชายที่อยากจะมาเล่นเป็นตำรวจอาชญากรรมหรืองานข้าราชการก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

 

 

“ตามหลักการแล้ว คุณผู้ชายไม่น่าจะใช่แซ่เลี่ยวนะครับ?” อวิ๋นเฮ่อซินเคลือบแคลงใจ

 

 

“คุณอวิ๋นครับ นี่เป็นเรื่องของทางบ้านผม” เลี่ยวก่วงยิ้ม “ผมแค่มาช่วยเหลือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ช่วยคุณผู้หญิงท่านนี้ตรวจสอบลายนิ้วมือก็เท่านั้น”

 

 

ในเมื่อมีคนยินดีที่จะช่วยพิสูจน์ลายนิ้วมือให้ ทนายหยางกับอวิ๋นอวิ้นเลยไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ ดังนั้นจดหมายทั้งสองฉบับจึงถูกวางไว้บนโต๊ะ เลี่ยวก่วงสังเกตทนายหยางอยู่ตลอด เป็นอย่างที่คิดไว้…ความเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วเหลือเกิน

 

 

“คุณซีเหมินระวังเกินไปแล้ว” อวิ๋นอวิ้นพูดไปก็ปั้มมือลงไปที่จดหมายด้านบน ซีเหมินจินเหลียนก็เช่นกัน

 

 

เลี่ยวก่วงหยิบเครื่องมือชนิดเดียวกันขึ้นมา ภายใต้แสงไฟนั้น หลังจากที่ตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วจึงพยักหน้าพูดขึ้นว่า “ลายนิ้วมือตรงกัน ตอนนี้ผมยินดีที่จะเป็นฝ่ายพยาน เชิญทนายหยางทำการประกาศได้เลยครับ” ระหว่างที่พูดเขาก็นำจดหมายทั้งสองฉบับยื่นไปให้พร้อมยิ้มอย่างเยือกเย็น “ทนายหยางมือไม้ไวจริงๆ นะครับ? ถ้าไม่ไปเป็นขโมยก็เทียบกับตำรวจอาชญากรรมได้เลยนะเนี่ย…”

 

 

ใบหน้าของทนายหยางค่อยๆ ถอดสี แต่ไม่นานก็ควบคุมกลับมาได้ ในใจรู้เป็นอย่างดีว่าสถานการณ์เช่นนี้ถ้าหากเขาอยากจะสลับของของใครมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว…ตำรวจอาชาญกรรมคนนี้ไม่ได้เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ

 

 

“อ่านของฉันก่อนเถอะ” อวิ๋นอวิ้นพูด “เพราะว่าฉันเป็นเจ้าของงาน!”

 

 

“ฉันยังไงก็ได้ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด

 

 

ทนายหยางคว้าสัญญาที่อวิ๋นอวิ้นเป็นคนเขียนขึ้นมาพร้อมถือไมโครโฟนประกาศต่อหน้าคนในงาน “หมายเลขหนึ่ง เนื้อน้ำแข็ง สีน้ำเงินนกยูง หมายเลขที่สอง ชนิดเนื้อแก้ว หยกสีน้ำเงินนกยูง หมายเลขสาม ชนิดเนื้อแก้ว สีเขียวติดเปลือกหนา…”

 

 

ผู้คนได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะปรบมือลั่น เหมือนว่าอวิ๋นอวิ้นจะเดิมพันถูกทั้งหมดไม่มีผิดเพี้ยน

 

 

ซีเหมินจินเหลียนกวาดสายตาไปมองหินหยกก้อนที่ถูกตัดออกจากตรงกลาง พร้อมยกมุมปากแสยะยิ้มขึ้น ที่แท้อวิ๋นอวิ้นก็ไม่รู้ว่าหินหยกก้อนนั้นมีรอยแตกซ่อนอยู่

 

 

ถัดมาแน่นอนว่าต้องเป็นสัญญาของซีเหมินจินเหลียน จ่านมู่ฮวาไม่วางใจหยิบมือถือขึ้นมาตรวจสอบรูปผีที่ซีเหมินจินเหลียนทำสัญลักษณ์ไว้ที่ด้านหลังจากนั้นจึงยอมปล่อย

 

 

“คุณจ่าน คุณก็ระมัดระวังมากเกินไปแล้วค่ะ” อวิ๋นเฮ่อซินข่มขู่ “หรือว่าภายใต้สายตาของทุกคนที่จับจ้องอยู่ คิดว่าพวกเราจะสามารถวางกับดักคุณซีเหมินได้อย่างนั้นหรือคะ?”

 

 

“เรื่องนี้ก็พูดได้ยากครับ ภายใต้ผลประโยชน์กองใหญ่ ไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ระวังไว้ก่อนจะดีกว่า” จ่านมู่ฮวายิ้มเยือกเย็น

 

 

อวิ๋นเฮ่อซินถูกประโยคของเขาสะกดจิตให้ค้างนิ่ง ทำได้แค่ยิ้มเจ้าเล่ห์และถอยไป ทนายหยางเริ่มพูดขึ้นว่า “หมายเลขหนึ่งชนิดเนื้อน้ำแข็งใกล้เคียงเนื้อแก้ว สีน้ำเงินนกยูง หมายเลขสอง เนื้อแก้วสีน้ำเงินนกยูง อีกครึ่งเป็นรอยแตก…” พูดถึงเท่านี้เขาก็หันไปมองซีเหมินจินเหลียน เธอสามารถมองออกว่าหินหยกก้อนนี้มีรอยแตกได้ด้วยหรือ?

 

 

“หมายเลขสาม ชนิดเนื้อแก้วสีเขียวติดเปลือกหนา!” ทนายหยางพูดอีกครั้ง

 

 

ผู้คนในงานได้ยินเช่นนั้นก็พากันส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ผลสรุปในการเจียระไนหินปรากฏต่อหน้า ครั้งนี้เป็นซีเหมินจินเหลียนที่ชนะ แม้แต่รอยแตกเธอยังดูออก แถมยังดูออกได้อย่างง่ายดายว่ามีถึงครึ่งด้าน

 

 

“การเดิมพันครั้งนี้ คุณซีเหมินจินเหลียนเป็นผู้ชนะครับ!” ทนายหยางประกาศอย่างฝืนใจ

 

 

“ยินดีกับคุณซีเหมินด้วยค่ะ” อวิ๋นอวิ้นปั้นหน้าฝืนยิ้ม คิดไม่ถึงว่าเธอจะมองขาดถึงรอยแตกได้ด้วย เป็นไปได้อย่างไร? แต่ความจริงนี่ก็เป็นไปแล้ว เธอวิเคราะห์ถึงลักษณะหินหยกข้างในได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน…

 

 

เธออดกลั้นความรู้สึกผิดหวังไว้ในใจ และเปลี่ยนเป็นคำพูดยินดีกับเธอแทน ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นว่า “เป็นเพราะคุณยอมอ่อนข้อให้ต่างหากค่ะ เป็นเพราะคุณ ตามหลักการแล้วหินหยกพวกนี้เป็นของฉันทั้งหมดใช่ไหมคะ?”

 

 

“แน่นอนอยู่แล้ว!” อวิ๋นอวิ้นพยักหน้า ไม่สนว่าเดิมพันอะไร จะเดิมพันแล้วทุจริตคดโกงเพิกเฉย เธอก็แพ้แล้ว และไม่สามารถคืนคำต่อหน้าทุกคนได้

 

 

“ผมจะโทรให้คนมาขนย้ายนะครับ” สวี่อี้หรานได้ยินดังนั้นดีใจเนื้อเต้นรีบควักโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสาย

 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งแล้วรีบเดินหลบผู้คนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นเลี่ยวก่วงที่ส่งเข้ามา “คุณซีเหมิน อีกสักครู่ผมจะรอคุณอยู่ที่ริมทะเลสาบโซ่วซี ต้องมาให้ได้นะครับ เรามีเรื่องสำคัญที่ต้องเจรจากัน!”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ตอบกลับ แต่นิ่งเงียบงันอยู่นาน เลี่ยวก่วงคนนี้จะทำอะไรกันแน่?

 

 

ความเร็วของสวี่อี้หรานใช้ได้เลย ตอนนี้มีคนขับรถขนสินค้าขนาดเล็กเข้ามานำหินหยกทั้งหมดและเศษของพวกมันขนย้ายไปบนรถแล้ว แขกเหรื่อในงานไม่ได้อยู่รอพูดคุยอะไรกัน ต่างแยกย้ายทยอยกันกล่าวลา ซีเหมินจินเหลียนเดินออกมาพร้อมกับสวี่อี้หราน

 

 

“จินเหลียน…” จ่านมู่ฮวาเรียกเธอ

 

 

“ถ้าจะคุยกันเรื่องทรัพย์สินเดิมพัน ฉันยกให้คุณจัดการ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “ฉันรู้ว่าเรื่องนี้คุณถนัด”

 

 

“วางใจได้! พรุ่งนี้คุณว่างหรือเปล่า ผมอยากจะ…” จ่านมู่ฮวาพูด

 

 

“พรุ่งนี้คุณซีเหมินไม่ว่าง!” สวี่อี้หรานพูดขึ้นอย่างจริงจัง

 

 

“หมอมองโกล ไม่มีใครถามคุณ!” จ่านมู่ฮวาพูด

 

 

“พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเถอะ วันนี้ฉันเหนื่อยมากแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น พรุ่งนี้เสี่ยวป๋ายน่าจะกลับมาใช่ไหม?

 

 

เลี่ยวก่วงขับรถนำทางซีเหมินจินเหลียนไปข้างหน้า ความเร็วไม่เร็วนัก ซีเหมินจินเหลียนนั่งอยู่บนรถสวี่อี้หราน “ตามรถคันหน้าไป!”

 

 

“คุณซีเหมิน ผมไม่มีใบขับขี่ เขาเป็นถึงตำรวจ…ตามรอยตำรวจผิดกฎหมายนะ!” สวี่อี้หรานพูดจริงจัง

 

 

“คุณ…” ซีเหมินจินเหลียนสีหน้าไม่รู้จะร้องหรือยิ้มดี “ไม่เป็นไร เขาไม่ตรวจใบขับขี่คุณหรอก คุณตามเขาไปเถอะ”

 

 

“อ้อ…ก็ได้!” สวี่อี้หรานยิ้มและขับรถตามไป

 

 

เลี่ยวก่วงขับรถนำหน้าไปอยู่ครึ่งชั่วโมง และขับไปยังสถานที่ห่างไกลผู้คนและหยุดรถลง สวี่อี้หรานค่อยๆ จอดรถตาม

 

 

“ฉันจะเดินไปดู อีกแปบเดียวจะกลับมา คุณรอฉันด้วยนะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูดคุยกับสวี่อี้หราน

 

 

“ดูแล้วเหมือนเล่นเกมสืบสวนคดีเลย” สวี่อี้หรานพูด “ดูก็รู้ว่าเขารู้จักคุณขนาดนี้ แต่กลับทำเป็นไม่รู้จัก?”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้แต่ยิ้มทว่าไม่ตอบ เดินไปยังรถที่อยู่ข้างหน้าและเลียบไปข้างๆ รถของเลี่ยวก่วง เลี่ยวก่วงผลักประตูจากทางด้านใน ซีเหมินจินเหลียนเข้าไปนั่ง “คูณเรียกฉันมามีเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องก่อนก็ช่างมันเถอะนะ!”

 

 

“คดีครั้งที่แล้วปิดคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รางวัลผมก็ได้รับมาแล้ว แน่นอนว่าไม่ยื้อถามอะไรให้มากความ เพียงแต่ครั้งนี้ต้องการความช่วยเหลือจากคุณซีเหมิน” เลี่ยวก่วงพูด

 

 

“ต้องการให้ฉันช่วยเหลืออะไร?” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ฉันเป็นแค่ประชาชนคนธรรมดาที่เคารพกฎหมายนะคะ”

 

 

“เวลาที่คุณพูดประโยคนี้ ผมฟังยังไงก็ดูไม่สบอารมณ์เลย” เลี่ยวก่วงพูดเบาแรง “แต่คนอย่างพวกคุณ ขอแค่ไม่เกินไป เล่นเกมตามแบบพวกคุณ พวกเราก็ไม่ได้สนใจหรอก และไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปยุ่ง เพียงแต่คดีครั้งนี้จัดการยาก…”

 

 

“คดีที่แก้ยากอย่างตำรวจแบบพวกคุณ ไม่บอกฉันจะดีเสียกว่า” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม

 

 

“หลินเสวียนหลานเป็นประธานในนามบริษัทจินเหลียนของคุณใช่ไหม?” จู่ๆ เลี่ยวก่วงก็พูดขึ้นมา

 

 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนนิ่งไปนาน หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา? แต่ปากก็ตอบไปว่า “ใช่ค่ะ”

 

 

“หลินเสวียเหวินคนนี้ตายไปแล้ว อย่างน้อยๆ ตามกฎหมายต้องมีหลักฐานพิสูจน์จากโรงพยาบาลว่าคนคนนี้เสียชีวิตแล้ว ถูกต้องไหมครับ?” เลี่ยวก่วงถามขึ้นอีกครั้ง

 

 

“อืม ทำไมฟังฉันแล้วถึงได้รู้สึกสับสนนะ?” ซีเหมินจินเหลียนเจตนาพูด “ฉันยังเคยไปร่วมงานศพของคุณปู่หลินอยู่เลย!”