ตอนที่ 561 รวมคน

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 561

รวมคน

“ชิวซุย เจ้าไปไหนมางั้นหรือ”หลังจากเดินทางกลับมาจากร้านอาหาร ไป๋ชิวซุยก็พบว่าพวกท่านน้าต่างลงมารอตนเองที่ร้านน้ำชาร้านที่ชิวซุยนั่งรอในตอนแรกกันหมดแล้ว

“มีพี่ชายแปลกหน้ามาบอกว่ารู้จักร้านอาหารดีๆแล้วจะพาข้าไปเจ้าค่ะ”ชิวซุยตอบออกมาหน้าตาเฉยทำเอาเหล่าน้าๆพากันมองหน้ากันเองทันที

“แบบนั้นมัน….”ต้าเฉียนกำลังจะบอกว่าแบบนั้นมันเป็นพวกที่เข้ามาจีบไม่ใช่หรือไง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อต้าหวานก็เอามือมาปิดปากนางเอาไว้เสียก่อน

“แล้วหลังจากไปที่ร้านอาหาร ผู้ชายคนนั้นยังพาไปไหนต่อหรือเปล่า”ชางซีถามพลางพาชิวซุยมานั่งที่โต๊ะของพวกตน

“ก็…พอดีข้าอยากได้ชุดให้เหมาเหมากับเครื่องประดับให้เหมาเหมาข้าก็เลยแวะซื้อระหว่างทางเจ้าค่ะ”ชิวซุยตอบพลางทำท่าเหมือนกำลังนึกความหลังอยู่

“เอ่อ……”ไม่ว่าจะฟังอย่างไรอีกฝ่ายก็มีเป้าหมายในการมาจีบชิวซุยชัดๆ นางยังไม่ทันโตเป็นสาวเต็มตัวเลยเรื่องแบบนี้ออกจะไวไปหน่อยหรือเปล่านะ….

“แล้วผู้ชายที่ว่า ไปไหนแล้วล่ะ”ต้าหวานถามพลางมองไปทางด้านหลังชิวซุย ตั้งแต่นางเข้าร้านมาก็ไม่มีใครเดินตามมาเลยนี่นา

“พอออกจากร้านเครื่องประดับก็ขอตัวกลับไปทันทีเลยเจ้าค่ะ”ชิวซุยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอารมณ์ดี พอนึกถึงเครื่องประดับที่ซื้อมาก็ยังรู้สึกถูกใจไม่หาย สร้อยคอที่ทำจากอัญมณีสีฟ้าที่เหมาเหมาสวมอยู่นั้นสวยมากเลย เมื่อเทียบกับขนสีขาวของนางแล้วก็ยิ่งเด่นสะดุดตาเข้าไปใหญ่ เรียกได้ว่านางเลือกมาไม่ผิดจริงๆ

“คง…สู้ราคาไม่ไหวสินะ”หลี่เย่หัวเราะพลางมองสร้อยคอของเหมาเหมา แม้ของพวกนี้จะไม่แพงมากสำหรับตระกูลไป๋ แต่สำหรับชายหนุ่มทั่วๆไปคงกระอักไม่น้อยเลย

“ท่านน้า ข้ามาแล้ว”หลังจากสอบสวนเรื่องของชิวซุยเสร็จ หลินเฟยที่พึ่งกลับมาจากเมืองท่าก็ตรงเข้ามาในร้านโดยมีหลานฮวาตามเข้ามาด้วยอีกคน

“ท่านพี่ ท่านไปไหนมางั้นหรือ”ชิวซุยถามพลางมองไปทางหลินเฟยด้วยท่าทีสงสัย หลินเฟยเล่นหายตัวไปวันกว่าๆไม่ยอมบอกสักคำว่าไปไหน

“ข้า…..ข้าไปอาณาจักรโรเน่มานะสิ”หลินเฟยตอบพลางหลบสายตาชิวซุยไปทางอื่น ก็มันไปอาณาจักรโรเน่มาจริงๆนี่นา

“ท่านพี่ขี้โกงนี่นา ทำไมไม่บอกข้าว่าจะไปอาณาจักรโรเน่ล่ะ”ชิวซุยได้ยินเช่นนั้นก็ทำสีหน้างอนๆออกมาทันที นางเองก็ได้ข่าวมาว่าอาณาจักรโรเน่กำลังพัฒนาขึ้นใหม่ มาสถานที่ท่องเที่ยวโผล่มาเพิ่มตั้งมากมาย แต่เพราะหลินเฟยข อตัวออกไปก่อนทำให้นางไปไหนไกลไม่ได้ ไม่นึกว่าหลินเฟยจะไปอาณาจักรโรเน่ก่อนเสียได้

“เจ้าอยากไปงั้นหรือ ข้าไม่รู้นี่นา”หลินเฟยโกหกพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา มันรู้อยู่แล้วว่าชิวซุยอยากไปอาณาจักรโรเน่เหมือนกัน แต่ถ้ามันบอกนางมีหวังนางต้องขอตามไปด้วยแน่ๆ พอนางตามไปด้วยก็ไปรับร็อกแซนน์ไม่ได้สิ

“งั้น ก่อนกลับเราไปเที่ยวอาณาจักรโรเน่กันสักหน่อยแล้วกัน”ไป๋จูล่งเสนอขึ้นมาเพราะเห็นชิวซุยบอกว่าอยากไป แถมตัวมันเองก็พึ่งประชุมเสร็จยังไม่ทันได้เที่ยวเล่นที่ไหนเลยเหมือนกัน

“ดีเจ้าค่ะ”ชิวซุยรีบตอบตกลงทันที ส่วนทางด้านหลินเฟยนั้นก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร เพราะอาณาจักรโรเน่มีที่เที่ยวเยอะแยะ มันพึ่งไปแค่วันเดียวก็ยังไปได้ไม่ทั่วเหมือนกัน

“พอดีเลย ตระกูลโบมิสพึ่งจะส่งรถรุ่นใหม่มาให้เราทดลองพอดี หลินเฟยเจ้าลองเอาไปใช้สิ”ผิงกั่วพูดจบก็ส่งแหวนมิติไปให้หลินเฟย ตามข้อตกลงที่ทำกับไป๋จูล่งในตอนแรก ตระกูลโบมิสจึงได้รับสิทธิ์ในการผลิตรถยนต์ราคาแพงที่มีวัสดุอุปกรณ์จากวัตถุดิบหายาก และดูเหมือนตระกูลโบมิสจะหัวการค้าไม่น้อย ในเมื่อสามารถสร้างจากวัสดุหายากได้ ตระกูลโบมิสจึงสร้างรถที่มีกำลังเครื่องสูงจนสามารถวิ่งนำรถไฟออกมาวางจำหน่าย และดูเหมือนมันจะได้รับความนิยมจากเหล่าผู้มีเงินเหลือใช้ไม่น้อยเลย นับว่าความคิดของตระกูลโบมิสนั้นไม่ได้ผิดแม้แต่น้อย

“เสร็จแล้วงั้นเหรอ”หลินเฟยกะพริบตาปริบๆพลางรับแหวนมาจากผิงกั่วด้วยท่าทีสนใจ รถรุ่นใหม่ของตระกูลโบมิสใช้ระบบที่หลินเฟยช่วยออกแบบ ทำให้หลินเฟยพอจะทราบความสามารถของรถคันนี้อยู่ก่อนแล้ว

“ขับเจ้านี่ไปอาณาจักรโรเน่ก็ไม่เลวนะ”ไป๋จูล่งยิ้มรับพลางนำรถรุ่นใหม่ออกมาจากแหวนมิติอีกวงหนึ่ง แน่นอนว่าตระกูลโบมิสต้องรู้จักไป๋จูล่งเป็นอย่างดี แถมคราวนี้ยังทราบด้วยว่าทั้งหลินเฟยทั้งชิวซุยต่างร่วมเดินทางมาด้วย ทำให้ตระกูลโบมิสไม่พลาดที่จะส่งรถมาให้พอจำนวนคน

“ไม่เลวนี่นา สมกับเป็นตระกูลโบมิสจริงๆ”หลินเฟยว่าพลางมองรถที่พึ่งทำออกมา ตัวรถรุ่นใหม่นั้นใช้ระบบแผงพลังวิญญาณที่หลินเฟยเป็นผู้ออกแบบในช่วงปีหลังมานี้เข้าไปด้วย ทำให้ผู้ขับสามารถส่งพลังวิญญาณเข้าไปช่วยเร่งกำลังเครื่องได้ ยิ่งผู้ขับมีพลังวิญญาณมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเร่งกำลังได้มากเท่านั้น และด้วยการสร้างจากวัสดุหายากทำให้ความทนทานของมันสูงมาก ขอเพียงไม่ใช่ไป๋จูล่งอัดพลังเข้าไปจำนวนมากเครื่องก็ยังรับไหวแน่ๆ

แถมระบบต้านแรงลม ยังใช้วิชาธาตุลมแบบที่จอมยุทธมักจะใช้เวลาขี่อสูรบินอีกต่างหากทำให้แม้จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมหาศาล แรงลมก็ไม่ทำให้รถลอยหรือกดรถลงมากเกินไป เรียกได้ว่าสามารถเร่งความเร็วได้สูงสุดโดยที่รถยังขับนิ่มไม่ส่ายไปมาเลย

.

.

“ยอดเลยนะ ท่าทางจะขับนำรถไฟได้สบายเลย”หลินเฟยกล่าวชมหลังจากรถเริ่มออกเดินทางไปยังอาณาจักรโรเน่แล้ว แม้รถจะไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับคนในอาณาจักรไชน์แล้ว แต่รถที่วิ่งด้วยความเร็วขนาดนั้นก็ย่อมสร้างความประหลาดใจให้กับคนที่ผ่านไปผ่านมาอยู่ดี

“ท่านพี่ ท่านได้รับบาดเจ็บมาหรือเจ้าคะ”ระหว่างหลินเฟยกำลังชื่นชมความสามารถของรถคันใหม่ อยู่ๆชิวซุยก็หันมามองทางหลิยเฟยแล้วเอ่ยปากทักขึ้นมา

“บาดเจ็บอะไรงั้นเหรอ”หลินเฟยถามพลางขมวดคิ้วด้วยท่าทีงุนงง

“ก็ ตรงคอท่าน….”ชิวซุยชี้ไปที่คอของหลินเฟย ภายใต้ปกเสื้อนั้นมีรอยช้ำอยู่เล็กน้อย ทำให้ชิวซุยเข้าใจว่าหลินเฟยได้รับบาดเจ็บมาแน่ๆ

“เอ่อ…นี่มัน”หลินเฟยกลืนน้ำลายลงคอพลางหันหน้าหนีชิวซุยไปทางอื่นทันที ตัวมันเองก็ไม่รู้ตัวเลยว่ามีรอยอยู่ตรงนี้

“ไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านพี่ต้องระวังตัวเองด้วยสิ”ชิวซุยตอบพลางยื่นมือไปแตะที่รอยช้ำของหลินเฟย ก่อนที่แสงสีทองจะเปล่งประกายออกมาจากมือของนาง ใช่แล้วมันคือแสงของพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง

“ขอบใจ”หลินเฟยยิ้มเจื่อนๆออกมาพลางขอบใจน้องสาวที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ?ให้กับตนเอง

“คิกๆ”หลานฮวาที่ทำหน้าที่ขับรถให้กับหลินเฟยและชิวซุยหัวเราะออกมาด้วยท่าทีอารมณ์ดี เห็นหลินเฟยโดนความซื่อของชิวซุยเล่นเอาซะพูดไม่ออกเช่นนี้ก็อดขำไม่ได้จริงๆ

“ชิวซุย เจ้าไปครั้งนี้อยากไปเที่ยวที่ไหนงั้นหรือ”พอหัวเราะออกมาหลินเฟยก็ค้อนหลานฮวาเข้าทันที ทำให้หลานฮวาต้องเปลี่ยนเรื่องไปคุยกับชิวซุยแทน

“ข้าได้ยินมาว่าระเบียงสายรุ้งสวยมากเลย ข้าก็เลยอยากลองไปสักครั้ง”ชิวซุยตอบพลางยิ้มหวานออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้น ระเบียงสายรุ้งนั้นแท้จริงแล้วเป็นชะง่อนผาขนาดใหญ่ที่อยู่สูงขึ้นไปบนภูเขา เพียงแต่ด้านล่างของภูเขาลูกนั้นมีเขตอสูรธาตุน้ำอยู่เขตหนึ่ง ไม่ทราบเพราะราชาของเขตอสูรนั้นหรือความพิเศษเฉพาะของเขตอสูรเอง แต่ที่นั่นก็มีละอองน้ำลอยขึ้นมาตลอดเวลาทำให้มีสายรุ้งหลายสายพาดผ่านเขตอสูรดังกล่าว และทำให้คนที่มองจากชะง่อนผาระเบียงสายรุ้งนั้นสามารถชมความงดงามได้โดยไม่ต้องเข้าไปเสี่ยงในเขตอสูรเลย

“ฟังดูดีนี่นา รู้งี้น่าจะไปที่นั่นมากกว่าทะเลสาบนะ”หลานฮวาแซวไปทางหลินเฟยพลางหัวเราะออกมาอีกครั้ง

เอี๊ยดดด…!!

แต่หลินเฟยยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไร เสียงรถของพวกไป๋จูล่งที่หยุดกะทันหันก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ทำให้หลานฮวาที่ขับตามพวกไป๋จูล่งมาต้องหยุดรถไปด้วยเช่นกัน

“นี่มัน เกิดอะไรขึ้น”หลินเฟยถามพลางมองไปข้างนอกด้วยท่าทีประหลาดใจ ไม่ใช่รถของน้าจูล่งเท่านั้นที่หยุดเลยจากรถของจูล่งไปอีกยังมีรถอีกหลายคันจอดอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน

“อุบัติเหตุหรือเปล่า”หลานฮวาถามพลางเดินลงไปจากรถ แต่ถนนเส้นนี้ค่อนข้างใหญ่เพราะเป็นถนนสร้างใหม่ที่ทำเชื่อมระหว่างอาณาจักรไชน์และโรเน่ หากเป็นแค่อุบัติเหตุก็ไม่น่าจะขัดขวางเส้นทางได้ขนาดนี้นี่นา

“ไม่ใช่หรอก”หลินเฟยส่ายหน้าพลางเปลี่ยนดวงตาตนเองเป็นสีม่องและสีน้ำเงินทันที อีกไม่ไกลก็จะถึงชายแดนระหว่างอาณาจักรไชน์และโรเน่แล้ว แต่ที่ด้านหน้าสุดนั้นกลับมากลุ่มคนกลุ่มหนึ่งยืนขวางถนนเอาไว้ แถมยังพกอาวุธกันมามากมายอีกต่างหาก

“หยุด ลงมาจากรถให้หมด”เสียงตะโกนดังมาจากกลุ่มคนที่ยืนขวางถนนเอาไว้ แต่จะว่าเป็นโจรก็ไม่ใช่เพราะพวกมันสวมเกราะเหมือนทหารไม่มีผิด แถมระดับพลังวิญญาณยังไม่ใช่น้อยๆด้วย

“ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มต่อต้านละมั้ง”ต้าหวานตอบพลางเดินมาทางรถของพวกหลินเฟย ในกลุ่มคนของอาณาจักรโรเน่นั้นไม่ใช่ทุกคนจะยอมเป็นพันธมิตรกับไชน์เสียด้วย เรื่องเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะแม้แต่อาณาจักรไป๋ก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วเช่นกัน

“ชิวซุย พวกน้าขอแวะข้างทางสักหน่อยก็แล้วกันนะ”ต้าเฉียนว่าพลางเก็บรถของตนเองเข้าแหวนมิติไป ทำให้หลานฮวาเองก็เก็บรถกลับไปด้วยเช่นกัน

“เดินมารวมตัวกันข้างหน้า ถ้าพวกเจ้าไม่ขัดขืนเราก็จะไม่ฆ่าพวกเจ้าในตอนนี้”หัวหน้าของกลุ่มต่อต้านพูดพลางใช้พลังวิญญาณของตนเองตรวจสอบคนรอบๆว่ามีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งหรือไม่ แต่เมื่อไม่พบหัวหน้าขอหน้าของกลุ่มต่อต้านก็สั่งให้ทุกคนมารวมตัวกันด้านหน้าทันที ซึ่งแน่นอนว่าพวกจูล่งเองก็เดินมาต่อแถวด้วยเช่นกัน

“พี่ต้าหวาน ให้ข้าจัดการเลยดีหรือเปล่า”ไป๋จูล่งถามขณะกำลังมองเหล่าผู้ต่อต้านด้วยท่าทีนิ่งเฉย

“ยังก่อน พวกมันดักโจมตีประชาชนแบบนี้ต้องมีแผนอะไรแน่ๆ เราดูท่าทีไปก่อนก็แล้วกัน”ต้าหวานตอบด้วยท่าทีสบายๆเช่นกัน หากโชคดีพวกมันก็อาจจะพาพวกตนไปยังฐานที่มั่นเลยก็ได้ หากรีบจัดการตอนนี้เกรงว่าจะไม่ได้ปลาตัวโตนี่สิ