บทที่ 2232+2233

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2232 เจ้าเด็กคนนี้ได้รับกรรมที่ตนก่อแล้ว…

ตรงขมับมีหยาดเหงื่อเย็นเฉียบซึมออกมาบางๆ ไหลไปตามกรอบหน้าที่ซีดเผือดปานหยกขาวของเขา เขาก็ไม่มีท่าว่าจะเช็ดเลย

ตัวคนนิ่งสงบปานภาพวาดอันเปล่าเปลี่ยว ทำให้จิตใจคนโศกหมอง

….

ณ ดินแดนอื่นที่อยู่ห่างไปไกลโพ้น มีภูเขาสูงลูกหนึ่ง บนยอดเขาสูงมีโขดหินสีขาวราวกับหิมะ พื้นผิวของโขดหินราบเรียบดุจกระจก มีแสงจางๆ ส่องออกมาจากโขดหิน

ทำให้หน้าหินดั่งมีแสงกะเทาะออกมา ด้านในปรากฏภาพขุนเขาสายธาร ปรากฏพงพนา ปรากฏร่างคนขึ้นด้านใน…

เสินจิ่วหลีกับหนิงเสวี่ยโม่ยืนอยู่หน้าโขดหิน มองผู้คนและสรรพสิ่งที่อยู่ด้านใน เสมือนชมละครใบ้เรื่องหนึ่งอยู่

พวกเขาพบประโยชน์ใช้สอยของโขดหินนี้โดยบังเอิญ ขอเพียงหยดเลือดของพวกเขาสามีภรรยาลงไปแล้วใช้อาคมพิเศษชนิดหนึ่ง ก็สามารถมองเห็นสถานการณ์ในปัจจุบันของเครือญาติร่วมสายโลหิตได้

และเครือญาติร่วมสายโลหิตของพวกเขามีเพียงคนเดียวเท่านั้น เสินเนี่ยนโม่บุตรชายของพวกเขา…

หรือก็คือตี้ฝูอี

พวกเขาเฝ้ามองอยู่ที่นี่มาครึ่งชั่วยามแล้ว มองเห็นบุตรชายตามหาคนอย่างบ้าคลั่งปานแมลงวันไร้หัวอยู่ในป่า มองเห็นเขาเสมือนถูกสิ่งใดกระตุ้นขึ้นมา ไม่น่าเชื่อว่าจะคิดค้นคาถาสืบรอยชนิดหนึ่งขึ้นมาด้วยตัวเอง ในที่สุดก็หากู้ซีจิ่วพบ…

ฉากต่อมาพวกเขาก็ได้เห็นอย่างครบถ้วน…

สีหน้าของหนิงเสวี่ยโม่ไม่น่ามองยิ่งนัก ถ้าให้มารดาคนใดมาเห็นบุตรชายตนตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ อารมณ์ล้วนไม่โสภากันทั้งสิ้น

หัวใจของนางเสมือนถูกบีบรัดขึ้นมา! เจ็บปวดอย่างยิ่ง

“เกินไปแล้วนะ!”

นางกำมือแน่น

“เหตุใดนางถึงไม่รู้ดีรู้ชั่วเช่นนี้? เนี่ยนโม่ดีต่อนางทุกอย่างชัดๆ นางกลับทำกับเขาเช่นนี้ ทำร้ายเขาเช่นนี้…”

เสินจิ่วหลีกลับไม่แสดงสีหน้าใด เพียงทอดถอนใจ

“เดิมทีก็เป็นเด็กคนนี้ที่ทำเรื่องไม่เข้าท่าก่อน เจ้าคิดว่าแม่นางผู้นั้นไม่สมควรโกรธเคืองหรือ?”

หนิงเสวี่ยโม่ชะงักไปครู่หนึ่ง

“โกรธเคืองนั้นย่อมต้องโกรธอยู่แล้ว แต่นางไม่ควรพูดจารุนแรงทำร้ายจิตใจของเนี่ยนขนาดนั้น ถึงอย่างไรเนี่ยนโม่ก็ยังเด็ก ทนรับความสะเทือนใจเช่นนี้ไม่ไหว…”

นางแสดงสีหน้าเข้าข้างบุตรชาย เสินจิ่วหลีหมดคำจะพูด โอบเอวบางของนางไว้

“เสวี่ยโม่ เนี่ยนโม่ไม่เด็กแล้ว เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว…พายุฝนเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขาสมควรต้องประสบ แม่นางผู้นี้คือด่านเคราะห์ของเขา…”

“ด่านเคราะห์?”

หนิงเสวี่ยโม่เคร่งเครียดแล้ว

“ด่านเคราะห์อันใด? ลิขิตสวรรค์ที่น่าตาย จะจัดสรรด่านเคราะห์อันใดให้เขาอีก?! เขาประสบเคราะห์กรรมมาตั้งแต่เล็ก เผชิญด่านเคราะห์มามากพอแล้ว!”

หนิงเสวี่ยโม่มีความแค้นต่อลิขิตสวรรค์อย่างลึกล้ำเหนือธรรมดา! ในปีนั้นพวกเขาสามีภรรยาก็ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน…

เสินจิ่วหลีกระแอมเบาๆ ชำเลืองมองบุตรชายที่อยู่ในคันฉ่องแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเจ้าเด็กคนนี้ได้รับกรรมที่ตนก่อแล้ว…

ต่อให้เป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้สูงศักดิ์ที่สุด เมื่อฝืนเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต จะอย่างไรก็คงไม่ถูกกฏเกณฑ์แห่งลิขิตสวรรค์ตลบหลังกระมัง?

เพียงแต่ เขาได้รับความทุกข์ทรมานก็ดีแล้ว วันหน้าพอเขาหวนคืนฐานะแล้วจะได้ไม่บัญญัติกฏเกณฑ์ลิขิตสวรรค์อันแสนวิปริตขึ้นมาอีก

เสินจิ่วหลีตัดสินใจแล้ว รอจนเจ้าเด็กคนนี้ได้หวนคืนฐานะ เขาจะพูดคุยกับเขา นำเรื่องที่พบพานมาพูดคุยไตร่ตรอง ถือโอกาสชมเรื่องขบขันของเขาไปด้วย

เมื่อจินตนาการถึงฉากนั้น เสินจิ่วหลีก็ยกยิ้มบางๆ

“บุตรชายถูกข่มเหงถึงเพียงนี้ ท่านยังมีหน้ามายิ้มอีกหรือ?!”

หนิงเสวี่ยโม่เลิกคิ้วสูง

รอยยิ้มตรงมุมปากเสินจิ่วหลีเลือนหายไปทันที ระบายแค้นที่มีต่อศัตรูคนเดียวกันไปกับนางด้วย

“เสวี่ยโม่ เจ้าพูดถูก ลิขิตสวรรค์วิปริตเกินไปแล้ว!”

สีหน้าหนิงเสวี่ยโม่แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย กำแขนเสื้อของเขาอย่างเป็นกังวล

“หรือว่าท่านจะมองอะไรออกแล้ว? คงมิใช่ว่าเนี่ยนโม่ยังมีเคราะห์ใหญ่อยู่อีกกระมัง? จะอันตรายถึงชีวิตหรือไม่? ถึงขั้นที่วิญญาณแตกสลาย…”

เสินจิ่วหลีส่ายหน้า

“วางใจเถอะ ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก”

หนิงเสวี่ยโม่ถึงได้โล่งใจ เพียงนางยังคงฉงนอยู่

“มหาเทพ มิใช่ท่านบอกไว้หรือว่าชะตาของเนี่ยนโม่ประหลาดยิ่ง ท่านก็ทำนายไม่ได้หรอกหรือ?”

————————————————————————————-

บทที่ 2233 กล้ามาแย่งคนกับเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์

ชะตาของเขามิใช่ว่าประหลาด แต่ชะตาของเขาขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาเอง ไม่มีใครมาคอยจัดแจงบงการชะตาของเขาก็เท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้นคือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์จะวิญญาณแตกสลายได้อย่างไร? อย่างมากเขาก็แค่หวนสู่ฐานะเดิมก่อนกำหนดเท่านั้น!

เสินจิ่วหลีบ่นพึมพำอยู่ในใจ ทว่าปากกลับเอ่ยไปว่า

“ทำนายไม่ได้จริงๆ ข้าทำได้เพียงมองจากสภาพการณ์โดยรวมของเขา ทราบว่าเขาไม่มีเคราะห์ใหญ่ที่ไม่อาจข้ามผ่านไปได้ และด้วยนิสัยของเขา ไม่มีอะไรที่เขารับมือไม่ได้จริงๆความทุกข์ยากจะทำให้คนเติบใหญ่ เจ้าดูสิ ตอนที่เขาร้อนรนก่อนหน้านี้ ก็ใช้วิชาสืบรอยในอดีตได้ทันที…”

เอาเถอะ เหตุผลนี้พอจะเข้าหูอยู่บ้าง หนิงเสวี่ยโม่จึงไม่พูดอะไรแล้ว จ้องมองคันฉ่องเช่นเดิม

ภายในคันฉ่อง กู้ซีจิ่วจากไปด้วยความโกรธ อวิ๋นเยียนหลียังยืนอยู่ที่เดิม กำลังสนทนากับตี้ฝูอี…

หนิงเสวี่ยโม่ยิ่งมองก็ยิ่งไม่ถูกชะตากับอวิ๋นเยียนหลีผู้นี้ ถึงแม้นางจะไม่ได้ยินบทสนทนาของคนในคันฉ่อง แต่นางเป็นวิชาอ่านปาก มองรูปปากก็รู้แล้วว่าพวกเขาคุยอะไรกัน

นางมองอยู่พักหนึ่ง ขมวดคิ้ว

“องค์ชายอวิ๋นผู้นี้ก็น่าจะมีใจให้กู้ซีจิ่วด้วยกระมัง?! ดูทรงแล้วเขาคิดแย่งชิงภรรยากับเนี่ยนโม่สินะ?! เขาอาศัยสิ่งใดกัน?”

เสินจิ่วหลีนวดหว่างคิ้ว ชะงักไปเล็กน้อย

“เสวี่ยโม่ ความจริงแล้วตามที่สวรรค์ลิขิตไว้ แม่นางกู้กับองค์ชายอวิ๋นผู้นี้สิถึงจะเป็นคู่กัน เป็นบุตรชายของพวกเราฝืนเข้าไปแทรกแซง…”

หนิงเสวี่ยโม่ทึ่มทื่อไปครู่หนึ่ง

“หา?”

บุตรชายของนางเป็นมือที่สามหรอกหรือ? มิใช่กระมัง?!

เสินจิ่วหลีลอบถอนหายใจ ตี้ฝูอีในชาติก่อนเดิมทีมีวาสนาได้เป็นเพียงศิษย์อาจารย์กับกู้ซีจิ่วเท่านั้น เป็นเพียงความสัมพันธ์เรื่องการสืบทอดตำแหน่ง กลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะหลงรักอีกฝ่าย ฝืนบิดเบือนกฎเกณฑ์แห่งลิขิตสวรรค์ ถึงได้เกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ขึ้นมา…

สายตาของหนิงเสวี่ยโม่จับจ้องอยู่ที่ร่างของอวิ๋นเยียนหลี

“ข้าว่าเด็กคนนี้ดูไม่ธรรมดาเลย ไม่เหมือนองค์ชายทั่วไป กลิ่นอายบนร่างเขาผิดปกติ!”

บนร่างเขามีไอมืดมนและลึกลับอันทรงพลังประการหนึ่งอยู่จางๆ!

คนอื่นอาจจะตรวจจับไม่ได้ แต่หนิงเสวี่ยโม่มีฐานะเป็นจอมมาร ย่อมมีสัมผัสเฉียบไวต่อไอมารอย่างยิ่ง ต่อให้อยู่ในคันฉ่องนางก็สัมผัสถึงได้!

นัยต์ตาเสินจิ่วหลีฉายแววใคร่ครวญลึกซึ้ง เขาย่อมมองออกเช่นกัน

เขาเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง

“สามารถประชันขันแข่งกับบุตรแห่งเทพมารได้ย่อมมิใช่ผู้อ่อนแอ คนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ”

ทว่าในใจกลับเยาะหยัน กล้ามาแย่งคนกับเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ ชีวิตของคนผู้นี้มิได้อยู่สุขแล้ว!

ฐานะเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ ต่อให้อวตารร่างเป็นมนุษย์ เช่นนั้นก็ยังทรงพลังเป็นที่สุดอยู่ดี ฝีมืออันสะท้านสะเทือนของเขามิใช่เล่นเลย เมื่อสำแดงออกมา จะเหี้ยมหาญนองเลือดยิ่งนัก ผีสางเทวดาก็ยากจะต้านได้!

เพียงพอจะทำให้องค์ชายอวิ๋นผู้นี้ตกที่นั่งลำบากได้แล้ว! ทำให้เขาได้รับผลตอบแทนที่หนักหนาสาหัส!

เสินจิ่วหลีจุดเทียนไว้อาลัยให้อวิ๋นเยียนหลีอยู่ในใจอย่างเงียบงัน…

จู่ๆ หนิงเสวี่ยโม่ที่ชมละครอยู่ก็ตระหนกขึ้นมา

“มหาเทพ ข้าว่าอวิ๋นเยียนหลีผู้นี้คล้ายจะมีเจตนาร้ายต่อเนี่ยนโม่! ยามนี้เนี่ยนโม่อ่อนแอ มิใช่คู่ต่อสู้ของเขา…”

เสินจิ่วหลีมุ่นคิ้วนิดๆ เขาย่อมมองออกเช่นกัน

อวิ๋นเยียนหลีต้องการจะเหยียบย่ำหัวใจของตี้ฝูอี ดังนั้นจึงยังไม่ลงมือชั่วคราว กำลังใช้คำพูดหยั่งเชิงอยู่ คาดว่าตี้ฝูอีก็มองออกเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงนิ่งเฉย คิดจะทำให้อีกฝ่ายตกใจจนหนีไป…

เพียงแต่ มองจากรูปการณ์นี้ อวิ๋นเยียนหลีมิได้หลอกง่ายถึงเพียงนั้น เกรงว่าเขาจะลงมือในไม่ช้านี้ เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าเนี่ยนโม่คงเสียเปรียบอย่างมหันต์…

ถึงแม้เสินจิ่วหลีจะชอบชมเรื่องขบขันของบุตรชาย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะอยากเห็นบุตรชายเสียเปรียบ

ถึงแม้เขาจะมองดูอยู่ที่นี่ได้ แต่อย่างไรก็ห่างกันด้วยระยะทางหลายโลกหลายมิติ ต่อให้เป็นเขาก็ยื่นมือไปไม่ถึง…

ขณะที่เขากำลังมืดแปดด้าน จู่ๆ ในคันฉ่องก็มีเงาร่างคนวาบขึ้นมา กู้ซีจิ่วปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่าอีกครั้งอยู่เบื้องหน้าคนทั้งสองที่มีบรรยากาศมาคุอยู่รางๆ

ด้วยเหตุนี้ ไอมืดมนบนร่างอวิ๋นเยียนหลีจึงเลือนหายไปทันที กลับมาเป็นคุณชายผู้อ่อนน้อมสง่างามอีกครั้ง

แต่กู้ซีจิ่วมาถึงอย่างรวดเร็ว และจากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน พาอวิ๋นเยียนหลีจากไปด้วย…

หนิงเสวี่ยโม่และเสินจิ่วหลีต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะกลับมาทำร้ายจิตใจของบุตรชายอีกครั้ง แต่ดีร้ายอย่างไรก็คลี่คลายวิกฤตใหญ่ให้บุตรชายได้…

….

———————————–