บทที่ 1231 เป็นของเธอคนเก่า / บทที่ 1232 แต่แกมีเงินนี่

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1231 เป็นของเธอคนเก่า

แม้เยี่ยหวันหวั่นจะมั่นใจ แต่กลับไม่ได้มั่นใจโดยไม่รู้จักตัวเองเลยสักนิด ระยะเวลาที่เธอเรียนมวยนั้นมีจำกัด แถมพรสวรรค์ในด้านศิลปะการต่อสู้ที่เธอแสดงออกมาให้เห็นในระหว่างเรียนมวยก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมซักเท่าไหร่…

ยิ่งไปกว่านั้น พรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่อง สมรรถภาพทางด้านร่างกายก็เป็นอีกเรื่อง ถึงแม้เธอจะมีพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้สูง เรียนรู้ในระยะเวลาสั้นๆ ก็อาจสำเร็จวิชาได้ แต่สมรรถภาพทางด้านร่างกายกลับต้องอาศัยเวลาในการฝึกฝนหลายปี

เหมือนที่พวกเยี่ยมู่ฝานบอก ตอนเธอเมา แค่หมัดเดียวก็สามารถทำให้รถกลายเป็นหลุมลึกได้แล้ว…การจะทำอย่างนั้นได้ต้องอาศัยพละกำลังมหาศาล

เยี่ยหวันหวั่นรู้จักตัวเองดีกว่าใคร ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ตัวเองไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ถึงแม้จะเคยออกกำลังกายแบบธรรมดามาหลายปี กระทั่งเป็นสิบปี แต่สำหรับคนธรรมดาไม่มีทางทำได้ถึงขั้นทุบแผ่นเหล็กจนยุบด้วยมือเปล่าแน่นอน

ถ้าหากเธอไม่ใช่เยี่ยหวันหวั่น และความจำทั้งหมดถูกซือเยี่ยหานถ่ายโอนเข้ามา ถ้างั้นพละกำลังที่มากจนผิดปกติเวลาเธอเมา กับพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ที่จู่ๆ ก็มีขึ้นมาตอนปกติ ก็น่าจะเป็นของเธอคนเก่าก่อนที่จะถูกลบความจำ

ถ้าเธอไม่ใช่เยี่ยหวันหวั่นจริงๆ งั้นการที่จู่ๆ เธอก็เก่งศิลปะการต่อสู้ขึ้นมาก็จะลงล็อคพอดี ทุกอย่างเป็นของเธอคนเก่า

แต่ทว่าเธอกลับสูญเสียความจำทั้งหมดที่ควรจะเป็นของเธอ แล้วกลายเป็นเยี่ยหวันหวั่นที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลย…

“ฉัน…เป็นใครกันแน่…” เยี่ยหวันหวั่นตัวสั่นเล็กน้อย แววตาสับสน

“แกเป็นใครอะไร?” เยี่ยมู่ฝานจ้องหน้าเยี่ยหวันหวั่นอย่างประหลาดใจ

เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันพูดอะไร เสียงมือถือก็ดังขึ้น

หน้าจอมือถือแสดงชื่อเนี่ยอู๋หมิง

เยี่ยหวันหวั่นรีบรับสายทันที

“ฮัลโหล…” เสียงของเนี่ยอู๋หมิงดังมาจากปลายสาย

“มีอะไรคะ?” เยี่ยหวันหวั่นถาม

“ฮัลโหล? เธอว่าไงนะ? ที่นี่สัญญาณไม่ค่อยดี…อีกครึ่งชั่วโมง…เจอกันที่ร้านหย่งอัน…”

เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันพูดอะไรเนี่ยอู๋หมิงก็วางสายไปแล้ว

ร้านหย่งอันที่เนี่ยอู๋หมิงพูดถึง เป็นร้านอาหารมื้อดึกข้างทางที่เยี่ยหวันหวั่นเจอพวกเขาห้าคนครั้งแรก

“ใครน่ะ?” เยี่ยมู่ฝานถาม

“เพื่อนฉันคนหนึ่ง…” เยี่ยหวันหวั่นมองเยี่ยมู่ฝาน แล้วบอกว่า “เพื่อนฉันนัดออกไปหา ฉันไปนะ”

เยี่ยมู่ฝานพยักหน้า “แกไปเถอะ ที่บริษัทยังมีเรื่องต้องไปเคลียร์ ฉันไม่ไปกับแก่ละ”

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก ความจริงก็ไม่ได้อยากให้ไปแต่แรกแล้วมั๊ย…

……

ณ ร้านอาหารหย่งอัน

“เก้าแก่ ขอห้องพิเศษหนึ่งห้อง!”

นักพรตใจบริสุทธิ์เดินเอ้อระเหยเข้าไปในร้าน มองหน้าเถ้าแก่ที่ไม่ถือว่าเป็นแปลกหน้า แล้วเอ่ยว่า

“หวัดดี”

เถ้าแก่เหลือบมองนักพรตใจบริสุทธิ์แวบหนึ่ง

แต่แล้วเถ้าแก่ก็ต้องตะลึงงัน

คนพวกนี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปยังไงเขาก็ยังจำได้ ตอนนั้นพวกเขาคุยโวโอ้อวด แต่พอกินอิ่มดื่มอิ่มแล้วพวกเขากลับไม่มีเงินจ่ายเลยสักแดงเดียว

“มีเงินแล้วเหรอ?” เถ้าแก่ร้านมองหน้านักพรตใจบริสุทธิ์แล้วถาม

“อะไรคือมีเงินแล้วเหรอ พวกฉันเคยขาดเงินเสียที่ไหน?” นักพรตใจบริสุทธิ์ล้วงธนบัตรห้าสิบหยวนจำนวนสองใบออกมา แล้วแค่นยิ้มพูดว่า “เถ้าแก่ จัดมาตามนี้ได้เลย”

“พวกนายมากันกี่คน?” เถ้าแก่รับเงินไป แล้วถามนักพรตใจบริสุทธิ์

“หกคน!” นักพรตใจบริสุทธิ์

นักพรตใจบริสุทธิ์พูดจบก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้อง ทิ้งให้เถ้าแก่ยืนจ้องธนบัตรห้าสิบหยวนสองใบในมืออย่างงงๆ

ในห้องพิเศษ พวกนักพรตใจบริสุทธิ์กับอี้จือฮวาพากันนั่งลง

“หัวหน้ากับเจ้าติดอ่างล่ะ ทำไมยังไม่เข้ามาอีก?” อี้จือฮวาหันไปถามนักพรตใจบริสุทธิ์กับหนุ่มภูเขาน้ำแข็ง

————————————————————————————-

บทที่ 1232 แต่แกมีเงินนี่

หนุ่มภูเขาน้ำแข็งนั่งตากลมอยู่ข้างล่างแอร์ ไม่แม้แต่จะหันมา ไร้ซึ่งความอยากสนทนาพาทีด้วย

“ฉันจะไปรู้เหรอ” นักพรตใจบริสุทธิ์เม้มปาก “หัวหน้าไปจองตั๋วแล้ว…ถ้าเจ้าติดอ่างไม่อยากกลับ ก็ให้เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ที่นี่แล้วกัน”

เพิ่งจะสิ้นประโยค เสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังมากจากข้างนอก ไม่นานเฟิงเสวียนอี้ก็เดินเข้ามา

“หัวหน้าล่ะ” เฟิงเสวียนอี้ทิ้งตัวลงบนม้านั่ง กวาดตามองพวกอี้จือฮวาขณะที่ในมือถือไอติมแท่งหนึ่ง

“ไปจองตั๋ว ยังไม่มาเลย” นักพรตหนุ่มเอ่ย

เฟิงเสวียนอี้พยักหน้าแล้วหัวเราะเบาๆ “หึ ครั้งนี้หัวหน้าใจเด็ดจริงๆ…ไม่นึกเลยว่าจะนึกเรื่องจองตั๋วแล้ว…”

หนุ่มกรรมกรต่างชาติมองเฟิงเสวียนอี้แล้วหัวเราะคิกคัก “นึกแล้วก็ตื่นแต้นเหมือนกันนะ ขามาพวกเรานั่งเรือมา…เกือบจมน้ำตายแหนะ”

“หัวหน้า…จองตั๋ว…มีเงินเหรอ?” เฟิงเสวียนอี้กินไอติมหนึ่งคำ แล้วถามอย่างแปลกใจ

สิ้นเสียงพูดของเฟิงเสวียนอี้ สายตาของพวกอี้จือฮวาก็จับจ้องมาที่เฟิงเสวียนอี้เป็นตาเดียว

“หัวหน้าไม่มีเงิน…แต่แกมีเงินนี่…เงินค่าตั๋วใช้เงินเดือนจากตระกูลซือไง…” นักพรตใจบริสุทธิ์บอก

“แกว่าไงนะ?!” เฟิงเสวียนอี้แทบกระเด้งตัวจากม้านั่ง มารดาเอ็งเถอะ นั่นมันเงินเก็บที่เขาแลกมาด้วยหยาดเหงื่อจากการเป็นบอดี้การ์ดในตระกูลซืออย่างยากลำบากมาตั้งนานเชียวนะ!

หัวหน้าหลอกเขาว่าจะเก็บเงินแทนเขาเอง…เพราะยังไงเวลาทำงานเป็นบอดี้การ์ดในตระกูลซือก็ไม่มีเงินให้ใช้เงินอยู่ดี…

ไม่นึกเลย…

เขากลับเอาเงินที่เขาทำงานแลกมาด้วยหยาดเหงื่อไปซื้อตัวจนหมด?!

“ใช่สิ เจ้าติดอ่าง แกทำงานเป็นบอดี้การ์ดที่ตระกูลซือได้เงินทั้งหมดเท่าไหร่?” หนุ่มกรรมกรต่างชาติถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ตัวขากลับไม่ใช่ถูกๆ แถมยังได้ยินหัวหน้าเคยบอกว่าจะจองเฟิร์สคลาสซะด้วย…

“บอดี้การ์ดธรรมดา…ได้เดือนละหมื่นห้า…หัวหน้าบอดี้การ์ดลับ ได้เดือนละห้าหมื่น…” เฟิงเสวียนอี้ตอบเสียงอู้อี้

“ให้ตาย ห้าหมื่น?!” นักพรตใจบริสุทธิ์ตกใจจนแทบกระเด้งตัว เขาต้องตรากระกำลำบากดูดวงดูลายมือให้คนอื่นทุกวัน ไหนจะต้องผึ่งลมหนาวตากแดดร้อน ได้แค่วันละไม่กี่ไคว่[1]ต่อวัน บางครั้งไม่ได้เงินเลยทั้งวันก็ยังมี เดือนหนึ่งธรรมดาก็ได้สักแปดเก้าร้อย ถ้าโชคดีหน่อยก็ได้พันสองพัน…

มารดาเอ็งเถอะ ช่วงที่เฟิงเสวียนอี้เป็นบอดี้การ์ดอยู่ในตระกูลซือ วันๆ เอาแต่คุยโม้ เล่นไพ่ฆ่าเวลา เดือนหนึ่งได้เงินหมื่นห้า พอได้เป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดลับ วันๆ เอาแต่นั่งแทะเมล็ดแตงโมอยู่ในห้องทำงาน กลับได้ตั้งเดือนละห้าหมื่น…

“แกให้เงินหัวหน้าไปเท่าไหร่?” อี้จือฮวาจ้องเฟิงเสวียนอี้แล้วถาม

“เงินเดือนทั้งปีของฉันโดนหัวหน้าหลอกไปหมดแล้ว ให้ตายเถอะ!” เฟิงเสวียนอี้หยิบสมุดโน้ตขึ้นมาพลิกอ่านอย่างละเอียด ครู่หนึ่งจึงค่อยเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์ แล้วมองนักพรตใจบริสุทธิ์กับอี้จือฮวา “เงินเดือนของปีนี้…ทั้งหมดสี่แสนไคว่! ให้ตาย ปีนี้ฉันใช้เงินไปแค่ไม่กี่พันไคว่เอง!”

“แกอย่าคิดถึงเรื่องเงินอีกเลย…จากที่นี่กลับไปจื้อโจวต้องเปลี่ยนเครื่องหลายครั้ง แล้วยังต้องขึ้นเรือสำราญอีก…หัวหน้าจองเฟิร์สคลาสทั้งนั้น เรือสำราญก็จองแบบหรู…” นักพรตใจบริสุทธิ์พูดอย่างชอบใจ

……

เฟิงเสวียนอี้สูดหายใจลึกๆ พยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้ทุบคนพวกนี้ให้ตาย

ที่แท้เงินจากหยาดเหงื่อที่เขาเก็บออมไว้อย่างยากลำบากมาทั้งปีกลับต้องเอามาประเคนให้เจ้าพวกนี้

ผ่านไปครู่หนึ่ง เฟิงเสวียนอี้จุดบุหรี่หนึ่งมวน สีหน้ากลับมาเรียบนิ่งเช่นเดิม “เข้าเรื่องสำคัญเถอะ”

คำพูดของเฟิงเสวียนอี้ทำให้พวกนักพรตหนุ่มกับอี้จือฮวาชะงักงัน ตอนนี้ยังมีเรื่องสำคัญอะไรอีก

……………………………………………………….

[1] ไคว่ สกุลเงินจีน มีค่าเท่ากับหยวน แต่คำว่า “ไคว่” เป็นภาษาปาก