ตอนที่ 955 - โกงการแข่ง

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  “ว่ามา…”
  ม่อเทียนฉวนตอบทันที
  ซือหยูเหลือบมองรองเจ้าดินแดนเสี่ยว
  “ขอข้าถามสักหน่อย…รองเจ้าดินแดนเสี่ยวนี่เป็นการแข่งระหว่างสำนัก หรือระหว่างข้ากับฝ่ายเจ้า?”
  รองเจ้าดินแดนเสี่ยวมองซือหยูพร้อมหัวเราะเบาๆ
  “ท่านจะต้องเป็นอาจารย์ซือผู้เลื่องลือสินะการแข่งนี้เป็นทั้งการแข่งระหว่างสำนักและท่านกับข้า อาจารย์ซือยังสงสัยสิ่งใดอีกหรือไม่?”
  “หากเกี่ยวกับข้าด้วยมันก็คงจะน่าเบื่อหากไร้เดิมพัน…”
  ซือหยูพูด
  “ฮ่าๆๆๆ ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าอาจารย์ซือต้องการสิ่งใด”
  รองเจ้าดินแดนเสี่ยวตอบกลับ
  ซือหยูมองด้วยแววตาเฉียบคม
  “ข้าได้ยินเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของดินแดนมีดสวรรค์มาโดยตลอดข้าอยากจะถามถึงเรื่องวิชาเฉพาะที่ใช้ร่วมกับสมบัติที่เป็นมุกกลมได้”
  สมบัติมุกกลมรึ?ทุกคนแปลกใจมาก คนที่ใช้สมบัติประเภทนั้นมีอยู่น้อยมาก และวิชาที่จะใช้ร่วมกันก็ย่อมหายากยิ่งกว่า
  รองเจ้าดินแดนเสี่ยวขมวดคิ้ว
  “ขออภัยมีตำราอยู่มากในดินแดนมีดสวรรค์ก็จริง แต่ข้าไม่เคยอ่านตำราที่ท่านต้องการมาก่อน ข้ามิอาจถ่ายทอดให้ได้”
  อย่างนั้นหรือ?ซือหยูผิดหวัง
  “มันก็แค่วิชาบ่มเพาะไม่ใช่หรือยังไงกัน?ข้ามี”
  เสียงแหบพร่าดังขึ้นมันเป็นเสียงของคนในชุดหยก
  เศษชิ้นหยกชิ้นหนึ่งลอยไปหาซือหยูพร้อมกับเรืองแสงสีเขียวอ่อนซือหยูคว้ามันเอาไว้และมองคนสวมชุดหยกครู่หนึ่งก่อนจะอัดพลังวิญญาณไปด้านใน
  “วิชาระดับตำนานชั้นแนวหน้าค่ายกลธารแสงดาวตก!”
  ซือหยูตกตะลึงคนคนนั้นเพิ่งจะให้วิชาระดับตำนานชั้นแนวหน้ากับเขามา! วิชาเช่นนี้มิอาจรับว่าเป็นวิชาโจมตีได้ ดังนั้นมูลค่าของมันจึงไม่ถึงวิชาระดับตำนานทั่วไป แต่มันมีความหายากที่คนธรรมดามิอาจหาได้ แต่เขาสามารถเรียกออกมาได้ตามใจคิด เขาค่อนข้างจะเป็นคนที่พิเศษ
  ค่ายกลธารแสงดาวตกเป็นค่ายกลแข็งแกร่งที่ใช้มุกเก้าเม็ดในการทำลายศัตรูเป็นวงกว้างพลังของค่ายกลนั้นขึ้นอยู่กับจำนวน ความแข็งแรง และขนาดของมุก ถ้าหากมุกทั้งหมดเป็นสมบัติวิญญาณและถูกจัดเป็นชุดได้สำเร็จ ศัตรูจะถูกกักขังเอาไว้จนต้องจนรับการจู่โจมต่อเนื่องจากมุกทั้งเก้า
  พลังนั้นเทียบได้กับกระบวนท่าของจ้าวเทวะระดับเจ็ดมันแข็งแกร่งจนไม่น่าเชื่อ ถึงอย่างนั้นมันก็มีข้อด้อยที่ต้องใช้พลังจากดวงวิญญาณไปมาก แม้แต่จ้าวเทวะระดับหกยังยากที่จะใช้ค่ายกลนี้ ตามปกติแล้วผู้ใช้วิชานี้จะเหนื่อยอ่อนหากใช้ค่ายกลแม้สักครั้ง หากไม่จำเป็นคงจะไม่มีใครใช้มัน
  ซือหยูเกิดความคิดเขาบังคับมุกเก้าเม็ดไม่ได้ด้วยดวงวิญญาณจ้าวเทวะระดับสามที่มี แต่ถ้าหากเป็นแค่ห้าเม็ดจะไม่มีปัญหา ยิ่งไปกว่านั้น ตราบเท่าที่มุกบาดาลยังมีน้ำหนักมหาศาลอยู่ แม้แต่อสูรเนรมิตรก็ต้องเสียเลือดให้กับมัน ไม่ต้องพูดถึงพวกจ้าวเทวะ
  วิชานี้เป็นเศษชิ้นหยกที่มีข้อความสรุปสั้นๆ ไม่ได้มีสิ่งอื่นระบุเอาไว้
  ซือหยูเป็นประกาย
  “แล้วเจ้าต้องการอะไร?”
  “ถ้าข้าชนะข้าขอแค่อย่างเดียวจากเจ้า นั่นคือแก่นโลหิตสิบหยก”
  คนสวมชุดหยกกล่าว
  ซือหยูขมวดคิ้วสำหรับยอดฝีมือ แก่นโลหิตนอกจากจะกักเก็บพละกำลังแล้วยังช่วยค้ำจุนร่างกายในหลาย ๆ ด้าน และหลายเหตุผล มันสามารถทำตราชีวิตเพื่อตรวจสอบความเป็นความตายได้ มันสามารถใช้สร้างยันต์หรือสมบัติบางอย่างได้ บางคนถึงกับใช้แก่นโลหิตเพื่อทำร้ายเจ้าของแก่นโลหิตจากระยะไกลได้
  ม่อเทียนฉวนหรี่ตาจ้องมองซือหยู
  “เจ้าคิดให้ดีข้ารู้จักวิชาลับน่ารังเกียจที่สาามารถควบคุมคนจากระยะหลายแสนลี้ได้จากแก่นโลหิตแค่หยดเดียว”
  การส่งแก่นโลหิตให้กับคนนอกนั้นจึงไม่ต่างกับเรื่องต้องห้าม
  หลังจากม่อเทียนฉวนเตือนซือหยูหยุดคิดและพยักหน้าเบา ๆ
  “ย่อมได้แล้วเราจะเริ่มแข่งกันยังไง?”
  คนสวมชุดหยกหัวเราะ
  “ฮ่าๆๆๆๆ ใจกว้างเหลือเกิน! การแข่งเรียบง่ายนัก ไม่นานก็จะได้รู้ผลกัน”
  แผ่นไม้สองแผ่นก่อตัวในมือของเขามันปล่อยกลิ่นไม้รุนแรงออกมา ซือหยูเคยพบกับกลิ่นไม้ที่แรงขนาดนี้จากในป่าปีศาจร้างเท่านั้น แผ่นไม้ทั้งสองทำมาจากไม้มีค่าที่สามารถเก็บพลังชีวิตได้มาก มันมีพลังอ่อนกว่าหยดน้ำพุแห่งชีวิตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
  ม่อเทียนฉวนตาเป็นประกาย novel-lucky
  “แก่นไม้จากอสูรเนรมิตรขั้นเจ็ด”
  สิ่งที่เรียกว่าแก่นไม้นั้นสกัดมาจากแกนกลางของตอชาวเผ่าไม้ตามปกติ แก่นไม้จะเก็บรักษาเอาไว้ได้เมื่อเผ่าไม้ผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ และพลังจะสลายไปหลังจากเขาตาย
  แก่นไม้เป็นสิ่งที่ยากจะได้เห็นในจิวโจวเพราะเผ่าไม้ในจิวโจวนั้นหาได้ยากพอๆ กับวิหคเพลิง ยิ่งไปกว่านั้น เผ่าไม้คนนั้นยังต้องบ่มเพาะพลังจนเป็นอสูรเนรมิตรระดับเจ็ด มันแทบจะแข็งแกร่งเท่าเซียน นอกจากราชาเก้าเขต คนที่น่าจะมีสิ่งนี้ก็คือจ้าวผาบั่นภูติ แต่คนในชุดหยกนี้มีถึงสองชิ้น
  คนสวมชุดหยกอธิบาย
  “ภาษาไม้แตกต่างจากภาษามนุษย์ที่ต้องเรียนรู้จากคนอายุน้อยคุ้นเคยกับมัน และใช้มันได้อย่างชำนาญ เมื่อชาวเผ่าไม้เติบโตเต็มที่ ภูมิปัญญาจะถูกจุดประกายขึ้นมา ความทรงจำที่ถูกสืบทอดจะปรากฏ ทำให้ชาวเผ่าไม้เหล่านั้นมีความทรงจำทั้งหมดของภาษาไม้! แก่นไม้นี้มีความทรงจำของเผ่าไม้ ตราบเท่าที่ใส่ความทรงจำเรื่องภาษาไม้ของตัวเองลงไป มันจะตอบรับได้”
  เขาพูดต่อ
  “ผู้ที่มีความทรงจำมากกว่าแก่นไม้จะโต้ตอบโดยการสร้างวงปี เราจะนับวงปีดูว่าใครมีความทรงจำในภาษาไม้ที่แม่นยำและกว้างขวางกว่ากัน”
  ซือหยูจ้องมองแก่นไม้เขายืนยันเรื่องความทรงจำสืบทอดของเผ่าไม้ได้ หรือพูดอีกอย่างก็คือ ความทรงจำที่มีในแก่นไม้นี้มีภาษาไม้ทั้งหมดบันทึกเอาไว้ ซือหยูเพียงแค่ต้องใช้ภาษาไม้ที่เขาเข้าใจอัดความทรงจำลงในแก่นไม้ จากนั้นแก่นไม้จะตอบรับได้เอง วงปีจะก่อเกิดขึ้นบนแก่นไม้ตามระดับที่มันตอบรับได้ ซือหยูพยักหน้า
  “มาเริ่มกันเถอะ”
  คนสวมชุดหยกก้าวออกมาด้านหน้าและกดมือลงบนแก่นไม้เขาหลับตาช้า ๆ และคิดถึงภาษาไม้ในความทรงจำเงียบ ๆ ไม่นานก็เกิดความเปลี่ยนแปลงบนแก่นไม้ เกิดวงปีหนึ่งวงที่จุดศูนย์กลาง
  ซือหยูเดินไปข้างหน้าอย่างเยือกเย็นเขาวางมือลงบนแก่นไม้ของตัวเองเหมือนกับอีกฝ่าย เขาเริ่มคิดถึงภาษาไม้ในควสมทรงจำ ไม่นานแก่นไม้ก็สั่นเบา ๆ เกิดวงปีหนึ่งวง การแข่งขันระหว่างทั้งคู่เริ่มขึ้น ทั้งรองเจ้าดินแดนเสี่ยวและม่อเทียนฉวนตั้งใจชมเต็มที่
  “พี่หวูชิงคิดว่าใครจะเก่งกว่ากัน?”
  กงซุนหวูซื่อมองซือหยูด้วยใบหน้าครึ่งยิ้ม
  ปิงหวูชิงตอบ
  “ตอนนี้ข้าคงบอกไม่ได้แต่ซือหยูเซี่ยนมีโอกาสแพ้เสียเก้าในสิบส่วน”
  “ทำไมแน่ใจเช่นนั้น?”
  กงซุนหวูซื่อไม่คิดอะไรในใจนาง ซือหยูคือบุรุษวิถีอสูรที่สั่นคลอนทั้งทวีปอย่างไร้ปรานี ผู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้จะพ่ายแพ้อย่างง่ายดายแม้จะเป็นการแข่งในเรื่องภาษาได้อย่างไร?
  ปิงหวูชิงตอบ
  “ไม่ยาก!อีกฝ่ายเตรียมตัวมาแล้ว พวกมันกล้าพอที่จะเดิมพันแก้วร้อยล้านดวง พวกมันต้องเตรียมการมาอย่างดีเยี่ยม! สิ่งที่ยุติธรรมที่สุดในการแข่งนี้คือแก่นไม้ และยิ่งที่ไม่ยุติธรรมที่สุดก็คือแก่นไม้สองแผ่น”
  กงซุนหวูซื่อคิดตามทันนางเข้าใจทันที นางกระพริบตา
  “พี่หวูชิงจะบอกว่าแผ่นไม้ของพี่หยูเซี่ยนมีปัญหาสินะ?”
  สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในครั้งนี้ก็คือแก่นไม้ที่อีกฝ่ายเตรียมมามีไม่คนเท่านั้นที่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
  ปิงหวูชิงพยักหน้าเบาๆ และหันไปที่ม่อเทียนฉวน
  “ใช่ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าตำหนักม่อของพวกเราจะทำอย่างไรต่อไป”
  ทั้งสองฝ่ายอัดความทรงจำในแก่นไม้อย่างอดทนการตอบสนองของแก่นไม้เริ่มลดลง
  และก่อนที่การตอบสนองจะหยุดลงม่อเทียนฉวนพูดขึ้นมา
  “แลกแก่นไม้กันซะแล้วจงแข่งต่อไป”
  เสียงของนางเปี่ยมไปด้วยอำนาจทั้งสองที่กำลังเรียกความทรงจำถูกขัดพร้อมกัน
  รองเจ้าดินแดนเสี่ยวขมวดคิ้ว
  “เจ้าตำหนักม่อนั่นไม่ใช่ความคิดที่ไม่ดีหรอกหรือ?”
  ม่อเทียนฉวนตอบ
  “จะเป็นอะไรไปเจ้าเอาแก่นไม้มา และเจ้าก็รู้ดีว่าแก่นไม้มีปัญหา ตั้งแต่ก่อนเริ่ม ปราชญ์ฝั่งเจ้าไม่ได้ให้ฝั่งข้ามีโอกาสเลือกแก่นไม้ เขาเริ่มแข่งทันทีหลังจากเลือกแก่นไม้ของตัวเอง ข้ามีเหตุผลให้สงสัย…”
  นางกล่าว
  “แล้วก็ตลอดการแข่ง ถ้าใครพบความผิดปกติระหว่างแก่นไม้ทั้งสองที่ส่งผลต่อผลการแข่ง การแข่งจะถูกหยุดทันที”
  ม่อเทียนฉวนกล่าวโดยไม่ให้ใครได้โต้แย้ง
  แม้จะไม่เต็มใจรองเจ้าดินแดนเสี่ยวก็พยักหน้า
  “สบายใจได้แก่นไม้นั่นไม่มีปัญหาหรอก”