ตอนที่ 314 สถานที่นั้น / ตอนที่ 315 เผ่ากุ้ยลี่

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 314 สถานที่นั้น 

 

 

หันเทียนซวี่มองสำรวจข้างนอก ไม่มีคนซุ่มอยู่ เขายึดอาวุธจากทหารยามที่นอนสลบอยู่ แล้วยกมานั่งพิงประตู ทำเหมือนเขายังเฝ้ายามอยู่ 

 

 

หันเทียนซวี่และถังเฉียนเข้าใจดี ที่พวกนั้นไม่ฆ่าตัวเสิ้ง หากไม่ใช่เพราะเด็กยังมีประโยชน์อยู่ ก็คงเพราะเด็กคนนี้มีฐานะพิเศษเช่นเดียวกับถังเฉียน หรือว่า 

 

 

นางตบหน้าตัวเสิ้งเบาๆ ไม่ได้จุดเทียนไขในห้อง อาศัยเพียงแสงจันทร์เท่านั้น นางร้องเรียกชื่อเขา 

 

 

“ตัวเสิ้ง ตื่นสิ” 

 

 

ถังเฉียนมองดูตัวเสิ้ง เหมือนนอนสลบอยู่ นางจึงใช้นิ้วกดที่จุดเหรินจง[1]แล้วล้วงขวดเล็กใบหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ จ่อที่ใต้จมูกให้เขาดม ตัวเสิ้งจึงฟื้นขึ้นมา พอเขาเห็นว่าเป็นถังเฉียนจึงโกรธ 

 

 

“อย่าแตะตัวข้า นางหญิงชั่ว” 

 

 

ถังเฉียนฟังเด็กพูดเช่นนี้ ยิ่งต้องสัมผัสตัวเด็กให้ได้ นางคว้าแขนเขาแล้วพูดว่า 

 

 

“ตัวเสิ้ง ฟังให้ดี ข้าเตรียมจะไปช่วยพี่ชายเจ้า ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ เจ้าต้องบอกข้า ว่าที่นั่นมีความลับอะไรกันแน่ ถ้าหากเจ้าไม่บอกข้า ข้าก็อาจจะไม่สามารถช่วยพี่ชายเจ้าได้ คืนก่อนข้าแอบไปเห็นมาแล้ว เหาเก๋อกำลังลำบากมาก เขาถูกคนเฆี่ยนด้วยแส้ เจ้าอยากเห็นเขามีบาดแผลเต็มตัวหรือ” 

 

 

ตัวเสิ้งได้ยินที่ถังเฉียนพูด ก็ขยับตัวถอยหลัง เขาเหมือนพี่ชาย ล้วนไม่ชอบให้ถังเฉียนเข้าใกล้ ไม่รู้ว่าเพราะนางดูหน้าเกลียดน่ากลัวงั้นหรือ 

 

 

“เจ้าเป็นหญิงชั่ว เหตุใดข้าต้องไว้ใจเจ้า” 

 

 

ถังเฉียนจึงจำเป็นต้องบอกข่าวสุดท้ายที่เหาเก๋อบอกนางให้ตัวเสิ้งรู้ คิดไม่ถึงว่าตัวเสิ้งกลับนิ่งเงียบลง 

 

 

“คำพูดนี้เหมือนที่เขาเคยพูดกับข้า เขากลับจากที่นั่นแล้วบอกข้าว่า ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา ให้ไปหาเจ้า เอาดินสีดำมอบให้เจ้า เขาบอกว่าเจ้ามีวิธีรักษาคนที่นี่” 

 

 

ถังเฉียนถาม 

 

 

“แต่เจ้าก็ยังใช้ดินนั่นทำร้ายข้า” 

 

 

นางถอดหน้ากากออก ให้ตัวเสิ้งเห็นดวงตาของนาง 

 

 

“เห็นหรือไม่ ข้าเกือบตาบอดแล้ว” 

 

 

“หญิงชั่ว สมน้ำหน้า” 

 

 

ถังเฉียนชะงัก เหตุใดเจ้าหนูนี่จึงเรียกนางว่าหญิงชั่วตลอด แต่ขณะนี้ไม่ใช่เวลามาแก้ไขเรื่องนี้  

 

 

ตัวเสิ้งกระโดดลงจากเตียง พลิกเตียงขึ้น มองดูข้างนอกแล้วถามว่า 

 

 

“เจ้านั่นจะสลบนานแค่ไหน” 

 

 

ถังเฉียนคิดแล้วตอบว่า 

 

 

“หากไม่มีใครมาพบเข้า เขาจะนอนไปถึงพรุ่งนี้เช้า” 

 

 

ตัวเสิ้งจึงวางใจหยิบลูกกุญแจสีดำออกจากผมตัวเองที่เป็นกระเซิง สอดลงไปในรูกุญแจใต้เตียง จากนั้นก็เห็นใต้เตียงแยกออกจากกัน เจ้าหนูหยิบแท่งเชื้อไฟออกจากกล่องข้างๆ แล้วกระโดดลงไปก่อน 

 

 

หันเทียนซวี่ยกโต๊ะมาขวางประตูและหน้าต่างไว้ หันกลับมาแล้วตามสองคนนั้นลงไป นี่เป็นอุโมงค์ที่ยาวมาก แม้ถังเฉียนจะไม่สามารถสังเกตดวงดาวเพื่อจำแนกทิศทาง แต่นางรู้สึกว่าเหมือนกำลังไปยังสถานที่คราวก่อน เพียงแต่ครั้งที่แล้วพวกเขาใช้ทางบนเขา ครั้งนี้เป็นทางบนพื้นราบ ตรงไปยังสถานที่ที่พวกเขาต้องการไป ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ 

 

 

“ข้างล่างนี่เป็นดินที่เย็นจนจับกันจนแข็ง พวกเจ้าใช้วิธีใดจึงขุดอุโมงค์นี้ได้” 

 

 

ถังเฉียนประหลาดใจมากที่พวกเขาสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นได้ แต่ตัวเสิ้งกลับหมอบลงบนพื้น ใช้มือคลำรอบๆ อย่างละเอียด แล้วพูดว่า 

 

 

“ถ้าไม่ใช่เพราะวันนั้นเจ้าเสี่ยงชีวิตช่วยพี่ชายข้า ข้าย่อมไม่ไว้ใจเจ้า เพราะพวกเจ้าเป็นคนนอก ย่อมไม่รู้ความทุกข์ยากของข้า” 

 

 

 

 

 

[1] จุดฝังเข็มที่ร่องเหนือริมฝีปากบน 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 315 เผ่ากุ้ยลี่ 

 

 

ตัวเสิ้งหาห่วงฝาครอบพบแล้ว แต่เปิดไม่ได้ หันเทียนซวี่ลงมือช่วยดึงฝาเหล็กครอบออก เผยให้เห็นห้องข้างล่างที่มืดมิด 

 

 

“ที่นี่คือที่ใดหรือ” 

 

 

หันเทียนซวี่ไม่ได้ให้พวกเขาลงไปทันที เขารู้สึกแปลกใจกับที่นี่มาก ตัวเสิ้งผลักเขาออกไป แล้วพูดว่า 

 

 

“ถ้าอยากตามข้าลงไปก็ตามลงไปได้ แต่ถ้าไม่อยากลงไปก็ไม่ต้องลง ไม่มีใครเชิญพวกเจ้า” 

 

 

ถังเฉียนไม่เคยเจอเด็กที่พูดจาสามหาวเช่นนี้มาก่อน ดูแล้วไม่เหมือนเขาขอให้พวกตนช่วย กลับเป็นเหมือนพวกตนกำลังขอร้องเขา 

 

 

“นี่ เจ้าเด็กบ้า หากถึงเวลาคงต้องให้เจ้าเห็นความร้ายกาจเสียบ้างแล้ว” 

 

 

ตัวเสิ้งกระโจนลงไป ตกถึงพื้นเกิดเสียงไม่ดังนัก แม้ข้างล่างจะไม่มีแสงสว่าง แต่ถังเฉียนรู้ว่าน่าจะไม่สูงนัก 

 

 

“ข้าจะตามลงไปดูหน่อย” 

 

 

หันเทียนซวี่ไม่ยอมให้นางเสี่ยงอันตรายก่อน เขาใช้แท่งเชื้อไฟส่องดูข้างล่าง พอมองเห็นข้างล่างทั้งคู่ถึงกับตกใจจนเหงื่อซึม ข้างล่างมีดวงตาหลายคู่กำลังจ้องมองพวกเขา 

 

 

“โอ้ สวรรค์!” 

 

 

หันเทียนซวี่ตกใจจนทำแท่งเชื้อไฟตกลงไป แล้วดึงมือกลับ เมื่อครู่ถังเฉียนก็มองเห็น แต่ตัวเสิ้งอยู่ข้างล่างร้องบอกว่า 

 

 

“พวกเขานี่แหละที่เป็นชาวบ้านตัวจริง พวกเจ้าลงมาเถอะ ข้างล่างจะปลอดภัยกว่า” 

 

 

ถังเฉียนจึงกระโดดลงไป ที่นี่หายใจลำบาก นางเองไม่กลัวว่าคนอื่นจะเห็นใบหน้า มีผ้าดำคลุมหน้ากระโดดลงไป กอดหน้ากากไว้ เห็นตัวเสิ้งจุดไฟรอบๆ จึงมองเห็นว่าที่นี่สูงเพียงหนึ่งเมตรแปดสิบ ขนาดราวสามสิบกว่าตารางเมตร แต่มีราวสามสิบกว่าคน 

 

 

คนอยู่ชิดกัน ดูแล้วแออัดเบียดเสียดมาก ทุกคนมองมาที่ถังเฉียน แล้วมองหันเทียนซวี่ซึ่งกำลังลงมา นางจึงสังเกตเห็นว่าคนเหล่านี้ร่างกายไม่สูงนัก หรือว่าพวกเขาก็คือเผ่าคนแคระที่แท้จริง 

 

 

“อย่าเห็นว่าข้าตัวเตี้ยเช่นนี้ แล้วคิดว่าข้ายังเด็กมาก ข้าอายุสิบสี่แล้ว พี่ชายข้าอายุสิบแปด แต่คนข้างนอกไม่ให้เราบอกอายุที่แท้จริงให้คนอื่นรู้ เพราะเราเป็นคนอีกเผ่าหนึ่ง” 

 

 

หันเทียนซวี่สูดหายใจเข้าลึกๆ แต่เผ่าคนแคระไม่ได้พูดอะไรออกมา 

 

 

“เราคือเผ่ากุ้ยลี่ที่สวรรค์ทรงเลือก ตั้งแต่เกิดก็มีสติปัญญาในงานก่อสร้างเหนือกว่าคนทั่วไป แต่หลายปีมานี้คนเผ่าเรามีน้อยลงทุกที ทั้งยังมีการแต่งงานในหมู่ญาติใกล้ชิด ทำให้เด็กๆ ของเรามีข้อบกพร่องตั้งแต่เกิด ทำให้อายุสั้น” 

 

 

ตัวเสิ้งพูดถึงตรงนี้ก็สีหน้าเศร้ามาก คำพูดตอนหลังของเขาทำให้ถังเฉียนรู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลย 

 

 

“พ่อข้าเป็นหัวหน้าของเผ่ากุ้ยลี่ทั้งหมด เพราะปัญหาผู้สืบทอดและการขยายเผ่าพันธุ์ ท่านพ่อไม่มีวิธีแก้ เทพเจ้าไม่ปกป้องพวกเราอีกต่อไป เมื่อเห็นว่าคนในเผ่ามีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ พ่อข้าจึงตัดสินใจแต่งงานกับคนต่างเผ่า แต่การตัดสินใจนี้กลับเร่งให้พวกเราล่มสลายเร็วขึ้น” 

 

 

ถังเฉียนฟังถึงตรงนี้ก็นึกถึงวังใต้ดินข้างนอกที่ยังขุดกันต่อ ทำให้นึกออกว่าอะไรคือการดึงหมาป่าเข้าบ้าน 

 

 

“ถ้าเช่นนั้น คนที่นี่ก็คือราษฎรของเจ้า?” 

 

 

ตัวเสิ้งพยักหน้า แล้วมองดูรอบๆ แววตาอ่อนโยนเป็นพิเศษ หันเทียนซวี่คิดทบทวนแล้วรู้สึกว่าผิดปกติ จึงถามว่า 

 

 

“แต่ข้าดูแล้ว คนข้างนอกพวกนั้น ไม่เหมือนพวกเจ้า” 

 

 

ตัวเสิ้งตอบอย่างไม่ยี่หระว่า 

 

 

“เจ้าจะบอกว่าร่างกายพวกเขาสูงกว่าเราใช่ไหม? ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ที่จริงพวกเราสูงอย่างนี้กำลังดี พวกเจ้าร่างกายสูงใหญ่เอาแต่สู้รบกัน แต่อย่างไรก็มีเลือดเนื้อเหมือนกัน สู้พวกเราไม่ได้หรอก…”